WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

World Bankธนาคารโลกเตือนศก.โลกเผชิญวิกฤตหนี้ หลังอัตราหนี้เพิ่มเร็วสุดในรอบ 50 ปี

 สำนักข่าว CNBC รายงานว่า ธนาคารโลก (Worldbank) ได้ออกมาเตือนถึงความเสี่ยงวิกฤตหนี้สาธารณะครั้งใหม่หลังอัตราหนี้ทั่วโลกเพิ่มขึ้นเร็วที่สุดในรอบ 50 ปี และอาจทำให้การปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางในหลายประเทศอาจไม่เพียงพอที่จะชดเชยต่อการล่มสลายทางการเงิน

 จากรายงานเศรษฐกิจโลก (BEP) ซึ่งตีพิมพ์เมื่อวันพุธที่ผ่านมาเผยว่ามีการสะสมหนี้ถึง 4 ครั้งในช่วง 50 ปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะการสะสมหนี้ในรอบปัจจุบันซึ่งเริ่มต้นในปี 2010 ซึ่งเป็นอัตราหนี้ที่เพิ่มขึ้นเร็วที่สุดในรอบ 50 ปีนับตั้งแต่ปี 1970 โดย Ayhan Kose ผู้อำนวยการกลุ่มอนาคตของธนาคารโลกกล่าวว่าการที่ธนาคารกลางในหลายประเทศได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงทำให้การแก้ปัญหาวิกฤตการณ์ทางการเงินทั่วโลกเกิดความไม่แน่นอน ซึ่งการปรับปรุงนโยบายทางการเงินมีความสำคัญอย่างมากต่อการลดความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับหนี้สินในปัจจุบัน

 ธนาคารโลกเผยว่าในปี 2018 ตัวเลขหนี้สินทั่วโลกขยับเพิ่มสูงขึ้นถึง 230% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงที่สุดเป็นประวัติการณ์ ขณะที่ตัวเลขหนี้ที่มาจากประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่และประเทศที่กำลังพัฒนาเพิ่มสูงขึ้นเกือบ 170% ของจีดีพี ซึ่งเพิ่มขึ้น 54% เมื่อเทียบกับ GDP ในปี 2010

 ทั้งนี้ ธนาคารโลกได้คาดการณ์ว่าอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจทั่วโลกในปีนี้อยู่ที่ 2.5% ซึ่งมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ที่ 2.4% แต่ยังมีแนวโน้มที่จะลดลงในอนาคต ซึ่งธนาคารโลกได้แนะนำว่าผู้กำหนดนโยบายของธนาคารกลางทั่วโลก ควรใช้มาตรการกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจเป็นวงกว้างเพื่อลดความยากจน เพื่อช่วยให้เศรษฐกิจโลกสามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืนในอนาคต

 

IMF หั่นเป้าศก.โลกปีนี้เหลือขยายตัว 3.3% จากเดิม 3.4%

  สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ได้ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกในปี 2020 เหลือ 3.3% จาก 3.4% และปรับลดคาดการณ์ในปี 2019 จากระดับ 3.0% ลดลงมาอยู่ที่ระดับ 2.9% ซึ่งเป็นผลมาจากเศรษฐกิจโลกที่มีแนวโน้มซบเซา และ ไม่มีสัญญานที่ชัดเจน พร้อมเตือนว่า ปัญหาการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ หรือ Climate Change จะเป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่ฉุดรั้งการฟื้นตัวของเศรษฐกิจทั่วโลก

  Gita Gopinath หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของ IMF กล่าวในแถลงการณ์ การปรับลดคาดการณ์ในครั้งนี้เป็นผลมาจากการเติบโตทางเศรษฐกิจทั่วโลกที่ยังไม่แน่นอน อีกทั้งการฟื้นตัวยังอยู่ในภาวะที่ตึงเครียด อย่างไรก็ตาม IMF ได้ตั้งข้อสังเกตว่าเศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มไปในทิศทางที่ดีขึ้นหลังจีน และ สหรัฐฯ บรรลุข้อตกลงทางการค้า "เฟสที่หนึ่ง" รวมถึงสถานการณ์ Brexit ก็มีแนวโน้มที่จะคลี่คลายไปในทางที่ดีเช่นเดียวกัน

  โดย IMF ได้คาดการณ์ว่าธนาคารกลางทั่วโลกจะทำการสนับสนุนเศรษฐกิจของประเทศ โดยเฉพาะนโยบายทางการเงิน อย่างไรก็ตาม IMF ได้เตือนให้ทั่วโลกระมัดระวังสถานการณ์เศรษฐกิจโลกในระยะต่อไปโดยเฉพาะความตึงเครียดทางการค้าที่อาจเกิดระหว่างสหรัฐฯ และ สหภาพยุโรป รวมถึงความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐ และจีน ที่มีโอกาสกลับมาอีกครั้งในอนาคต

  นอกจากนี้ IMF ยังเตือนว่า เศรษฐกิจโลกยังเผชิญความเสี่ยงจากผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศที่ทำให้เกิดภัยพิบัติทางธรรมชาติขึ้นทั่วโลก พร้อมเรียกร้องให้รัฐบาลประเทศต่างๆ ออกมาตรการลดการปล่อยคาร์บอน และผลักดันโครงการโครงสร้างพื้นฐานสีเขียวที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้นในอนาคต

สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!