WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

1ACไทยออยล

ไทยออยล์ ได้รับการประกาศเป็นสมาชิก Dow Jones Sustainability Indices ประจำปี 2560 และเป็นผู้นำด้านความยั่งยืน ในกลุ่มอุตสาหกรรมพลังงานระดับโลก

•     ได้รับการจัดอันดับเป็นผู้นำความยั่งยืนในระดับกลุ่มอุตสาหกรรมพลังงานต่อเนื่องเป็นปีที่สี่ และเป็นบริษัทจดทะเบียนไทยรายแรกและรายเดียวของประเทศที่ได้รับการประเมินสูงสุดเป็นอันดับหนึ่งในด้านดังกล่าวจากการเปรียบเทียบกับบริษัทในอุตสาหกรรมพลังงานจำนวน 182 แห่งทั่วโลกที่ได้รับเชิญเข้าร่วมการประเมินในปี 2560

•    ประกาศให้เป็นสมาชิกของ DJSI ติดต่อกันห้าปีซ้อน

      เมื่อเร็วๆ นี้ Dow Jones Sustainability Indices หรือ DJSI ซึ่งเป็นดัชนีประเมินความยั่งยืนที่ได้รับการยอมรับระดับโลก ได้ประกาศให้บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) เป็นสมาชิกของ DJSI 2560 ต่อเนื่องเป็นปีที่ห้า และยังคงรักษาความเป็นผู้นำในกลุ่มอุตสาหกรรมพลังงาน (Energy Industry Group Leader) เป็นปีที่สี่ติดต่อกัน เมื่อเปรียบเทียบกับบริษัทจดทะเบียนทั่วโลกในกลุ่มอุตสาหกรรมเดียวกัน

      การดำเนินงานเพื่อความยั่งยืนของไทยออยล์ได้รับการยอมรับจากผู้ประเมิน ดังนี้

      “กลุ่มไทยออยล์สามารถพิสูจน์ให้เห็นว่าในสภาวะการแข่งขันที่เข้มข้นและความผันผวนของราคาน้ำมันในตลาดโลก บริษัทยังคงสามารถรักษามาตรฐานความยั่งยืนด้านสังคมและสิ่งแวดล้อมในระดับสูงได้ ด้วยความมุ่งมั่นต่อความยั่งยืน และผลการดำเนินการที่ดีของบริษัทโดยให้ความสำคัญต่อการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์และการดูแลแรงงานส่งผลให้บริษัทสามารรักษาความเป็นผู้นำด้านความยั่งยืนไว้ได้ บริษัทยังเพิ่มความผูกพันกับชุมชนได้เป็นอย่างดีในระหว่างที่มีการดำเนินโครงการขยายในส่วนต่างๆ ซึ่งต้องระมัดระวังในการประเมิน

      และดูแลผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมและกำหนดมาตรการป้องกันที่เหมาะสม การรักษาความเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมแสดงให้เห็นถึงความยั่งยืนที่ยอดเยี่ยมของไทยออยล์อย่างต่อเนื่อง”นายอธิคม เติบศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไทยออยล์ จำกัด(มหาชน) กล่าวว่า “บริษัทฯ กำหนดนโยบายและเป้าหมายการบริหารจัดการธุรกิจเพื่อขับเคลื่อนธุรกิจอย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมกำหนดดัชนีชี้วัดที่ชัดเจน โดยมุ่งเน้นความสมดุลทั้ง 3 ด้านคือด้านเศรษฐกิจ ด้านสังคม และด้านสิ่งแวดล้อม ภายใต้หลักธรรมาภิบาล และตอบสนองผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่มด้วยความเป็นธรรมมาโดยตลอด ทำให้บริษัทฯ ได้รับการประเมินให้เป็นสมาชิกของ DJSI ในปี 2560 นี้ และยังได้รับคะแนนประเมินสูงสุดในกลุ่มอุตสาหกรรมพลังงาน (Energy Industry Group Leader) ต่อเนื่องเป็นปีที่สี่อีกด้วย ผลการประเมินของ DJSI ในปีนี้ เป็นเสมือนรางวัลแห่งความสำเร็จและความภาคภูมิใจของพนักงานทุกคน”

        นายอธิคม กล่าวเสริม“ความสำเร็จด้านเศรษฐกิจของไทยออยล์มาจากความมุ่งมั่นในการบริหารจัดการการกำกับดูแลกิจการองค์กรอย่างเป็นธรรม มีระบบ โปร่งใส ชัดเจนและสามารถตรวจสอบได้ โดยตั้งแต่ปี 2559 จนถึงปีนี้ไทยออยล์ยกระดับการกำกับดูแลกิจการตลอดสายโซ่อุปทานโดยส่งมอบนโยบายต่อต้านคอร์รัปชั่น รวมทั้งมาตรการและแนวปฏิบัติผ่านการสื่อสารและสร้างความเข้าใจในคู่มือกำกับดูแลกิจการและจรรยาบรรณธุรกิจแก่บริษัทในกลุ่มและคู่ค้า นอกจากนี้ได้ส่งเสริมการดำเนินงานตามนโยบายการจัดซื้อจัดจ้าง รวมถึงกฎระเบียบ ข้อกำหนดกลุ่มไทยออยล์อย่างเคร่งครัดต่อเนื่อง และเพื่อสนับสนุนการแข่งขันอย่างเสรีและมุ่งเน้นความโปร่งใสมากขึ้น ”

        “นอกจากนี้ ไทยออยล์ยังประสบความสำเร็จในการประเมินในมิติของสิ่งแวดล้อมและความปลอดภัย ในปีที่ผ่านมา เป็นปีที่บริษัท LABIX และ TOPSPP ซึ่งเป็นบริษัทในกลุ่มไทยออยล์ เริ่มดำเนินการผลิต ซึ่งนับเป็นความท้าทายของไทยออยล์ในการรับมือกับสถานการณ์ด้านสิ่งแวดล้อมและความปลอดภัย ซึ่งเป็นแรงผลักดันให้กลุ่มไทยออยล์ต้องดำเนินงานในรูปแบบแผนแม่บทด้านการจัดการสิ่งแวดล้อมเพื่อตอบสนองกับสภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ตลอดจนปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตโดยการลงทุนที่เน้นกระบวนการผลิตและผลิตภัณฑ์ที่สะอาดมากขึ้น เช่น โครงการ Clean Fuel Project (CFP)  ด้วยตระหนักถึง

      ภาระหน้าที่ในการเป็นส่วนหนึ่งของการเสริมสร้างความมั่นคงทางพลังงานให้กับประเทศ นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังให้ความสำคัญต่องานบริหารชุมชนรอบโรงกลั่น โดยมีกระบวนการบริหารจัดการเรื่องร้องเรียนที่มีประสิทธิภาพ ส่งผลให้ดัชนีความพึงพอใจ (Community satisfaction) ของชุมชนรอบโรงกลั่นต่อการดำเนินงานของกลุ่มไทยออยล์อยุ่ในระดับสูง รวมทั้งการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์และการดูแลพนักงานซึ่งถือเป็นปัจจัยสำคัญในการพัฒนาองค์กรสู่ความสำเร็จในระยะยาว”  นายอธิคม กล่าว

      “จากการได้รับการจัดอันดับให้เป็นผู้นำด้านความยั่งยืนในระดับกลุ่มอุตสาหกรรมพลังงานต่อเนื่องเป็นปีที่สี่นั้น สามารถสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่มของไทยออยล์ต่อประสิทธิภาพการดำเนินธุรกิจภายใต้วิกฤตเศรษฐกิจโลก โดยมุ่งสร้างประโยชน์สูงสุดแก่ผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่มผ่านกรอบธรรมาภิบาลและการพัฒนาธุรกิจอย่างยั่งยืนที่ได้กล่าวมาทั้งหมด”นายอธิคม กล่าวปิดท้าย

       Dow Jones Sustainability Indices หรือ DJSI เป็นดัชนีจัดอันดับผลการปฏิบัติงานด้านความยั่งยืนของบริษัทจดทะเบียนทั่วโลก โดยมี RobecoSAM Corporate Sustainability Assessment ผู้ให้คำปรึกษาด้านการลงทุน เป็นผู้ประเมินจัดอันดับ โดยมีเกณฑ์กำหนดว่า บริษัทที่จะเข้ารับการประเมินได้จะต้องเป็นบริษัทจดทะเบียน และมี Free Float Market Capitalization ใน Dow Jones Total Stock Market Index สูงสุด 2500 บริษัทแรก และกลุ่มบริษัทจดทะเบียนที่อยู่ในกลุ่มEmerging Markets สูงสุด 800 บริษัทแรก ตลอดจนกลุ่มอื่นๆ รวมทั้งสิ้น 3,538 บริษัททั่วโลก ทั้งนี้ RobecoSAM จะส่งแบบสอบถามตามประเภทอุตสาหกรรมมาให้บริษัทที่ได้รับเชิญ เพื่อตอบคำถามเชิงลึก พร้อมจัดส่งหลักฐานอ้างอิงและช่องทางการเปิดเผยสู่สาธารณะ เกี่ยวกับแผนงานและกลยุทธ์ วิธีการบริหารจัดการ เป้าหมาย ขั้นตอนการปฏิบัติงาน ตลอดจนผลการปฏิบัติงาน ที่ครอบคลุมทั้ง 3 ด้าน คือ เศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม และสังคม โดยไทยออยล์ได้รับเชิญเป็น 1 ใน 803 บริษัทในกลุ่ม Emerging Markets เมื่อวันที่  17 มีนาคม 2560 และได้ตอบแบบสอบถามไปเมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม 2560 โดยในปีเดียวกันนี้ บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) ได้รับคะแนนประเมินสูงสุดในกลุ่มอุตสาหกรรมพลังงาน (Energy Industry Group Leader) ประกอบด้วย อุตสาหกรรมถ่านหินและเชื้อเพลิงพลังงาน (Coal & Consumable Fuels) อุตสาหกรรมผลิตอุปกรณ์และให้บริการสำรวจและผลิตพลังงาน (Energy Equipment & Services) อุตสาหกรรมให้บริการคลังและขนส่งน้ำมันและก๊าซ (Oil & Gas Storage & Transportation) อุตสาหกรรมน้ำมันและก๊าซขั้นต้น (Oil & Gas Upstream and Integrated) และ อุตสาหกรรมกลั่นน้ำมันและก๊าซและการตลาด(Oil & Gas Refining & Marketing) โดยเมื่อเปรียบเทียบกับคะแนนทั้งสามมิติตั้งแต่ปี 2011 ไม่ว่าจะเป็นด้านเศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม และสังคม พบว่าคะแนนในแต่ละด้านเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

สำหรับบรรณาธิการ

        ไทยออยล์เป็นผู้ประกอบธุรกิจการกลั่นและจำหน่ายนํ้ามันปิโตรเลียมที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย และเป็นโรงกลั่นที่มีประสิทธิภาพสูงสุดแห่งหนึ่งในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ซึ่งก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2504 โดยมีธุรกิจหลักคือ การกลั่นนํ้ามันปิโตรเลียม ปัจจุบันมีกำลังการผลิต 275,000 บาร์เรลต่อวัน

      นอกจากนี้ ไทยออยล์มีระบบการบริหารจัดการที่มุ่งมั่นสู่ความเป็นเลิศ (Operational Excellence) โดยบริหารงานเป็นกลุ่มที่มีการเชื่อมโยงธุรกิจ ทั้งธุรกิจการกลั่นน้ำมัน ธุรกิจปิโตรเคมีและธุรกิจน้ำมันหล่อลื่นพื้นฐาน โดยร่วมวางแผนการผลิตก่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดและสามารถผลิตผลิตภัณฑ์ที่มีต้นทุนต่ำ ขณะเดียวกันมีคุณภาพสูงในระดับโรงกลั่นชั้นนำ (Top quartile) ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ทำให้ได้เปรียบเชิงต้นทุนการผลิต เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน นอกจากนั้น ยังมีธุรกิจที่เกี่ยวข้องหลากหลาย เช่น ธุรกิจไฟฟ้า ธุรกิจสารทำละลาย ธุรกิจบริหารการขนส่งทางเรือและทางท่อ ธุรกิจพลังงานทดแทน ธุรกิจผลิตสารตั้งต้นสำหรับการผลิตผลิตภัณฑ์สารทำความสะอาด ธุรกิจบริการจัดเก็บนํ้ามันดิบ นํ้ามันปิโตรเลียม และผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมี และธุรกิจให้บริการด้านการสรรหาและคัดเลือกบุคลากรสำหรับกลุ่มไทยออยล์

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่

บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน)

                   นิรมล ลิขิตประธาน                                                                                       กรกฏ  เพชรบุรีกุล

                  มือถือ  081 624 2991                                                                                            มือถือ  081 989 2292

                        Email: Niramol@thaioilgroup.com                                               Email: Korakoj@thaioilgroup.com

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!