- Details
- Category: การศึกษา
- Published: Wednesday, 30 October 2024 19:17
- Hits: 1840
กยศ.จับมือกรมบังคับคดี ลูกหนี้สามารถปรับโครงสร้างหนี้ ได้ที่สำนักงานบังคับคดีทั่วประเทศ ตั้งแต่ 15 พ.ย. 67 เป็นต้นไป
ณ ห้องสนฉัตร ชั้น 3 กระทรวงยุติธรรม ได้มีพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือระหว่าง กรมบังคับคดี และสถาบันอนุญาโตตุลาการ กับกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา โดยมี พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เป็นประธานในพิธี นายชัยณรงค์ กัจฉปานันท์ ผู้จัดการกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา นายเสกสรร สุขแสง อธิบดีกรมบังคับคดี และนายสุริยพงศ์ ทับทิมแท้ ผู้อำนวยการสถาบันอนุญาโตตุลาการ ร่วมลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือเพื่อให้ความช่วยเหลือผู้กู้ยืม กยศ. และเพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกในการปรับโครงสร้างหนี้ โดยไม่ต้องเสียเวลาในการเดินทางออกนอกภูมิลำเนา ดังนั้น ตั้งแต่วันที่ 15 พฤศจิกายน 2567 เป็นต้นไป ผู้กู้ยืมสามารถปรับโครงสร้างหนี้ได้ที่สำนักงานบังคับคดีทั่วประเทศ
นายชัยณรงค์ กัจฉปานันท์ ผู้จัดการกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา ได้เปิดเผยว่า “ขณะนี้ กองทุนฯ ได้ลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือกับกรมบังคับคดี และสถาบันอนุญาโตตุลาการ เพื่อช่วยเหลือผู้กู้ยืมและแก้ไขหนี้ให้ประชาชน เพื่อลดปัญหาความขัดแย้งหรือข้อพิพาทลดค่าใช้จ่ายในกระบวนการยุติธรรมของประชาชน เกิดความสัมพันธ์อันดีระหว่างคู่กรณีและความสมานฉันท์ขึ้นในสังคม รวมถึงการใช้งบประมาณแผ่นดินอย่างมีประสิทธิภาพและเสริมสร้างสังคมสันติสุขอย่างยั่งยืน
สำหรับ ความร่วมมือระหว่างกองทุนฯ กับกรมบังคับคดี จะเป็นการช่วยอำนวยความสะดวกให้ผู้กู้ยืมเงินในการทำสัญญาปรับโครงสร้างหนี้ ณ สำนักงานบังคับคดีทั่วประเทศ ซึ่งหลังจากทำสัญญาปรับโครงสร้างหนี้แล้ว ผู้ค้ำประกันจะหลุดพ้นจากความรับผิดทันที
โดยผู้กู้ยืมจะต้องผ่อนชำระเงินคืนกองทุนฯ เป็นรายเดือนในอัตราเท่ากันทุกเดือน และต้องชำระภายในวันที่ 5 ของทุกเดือนให้เสร็จสิ้นภายใน 15 ปี ในการชำระเงินงวดสุดท้าย ผู้กู้ยืมต้องมีอายุไม่เกิน 65 ปีบริบูรณ์ เมื่อชำระหนี้งวดสุดท้ายเสร็จสิ้นกองทุนฯจะให้ส่วนลดเบี้ยปรับเดิมที่ตั้งพักไว้ทั้งหมด 100% โดยผู้กู้ยืมสามารถปรับโครงสร้างหนี้ได้ที่สำนักงานบังคับคดีทั่วประเทศ ตั้งแต่วันที่ 15 พฤศจิกายน 2567 เป็นต้นไป
สำหรับ ความร่วมมือกับสถาบันอนุญาโตตุลาการ ซึ่งเป็นสถาบันฯ ที่ให้บริการด้านการอนุญาโตตุลาการ และการประนอมข้อพิพาทในระดับสากล โดยจะร่วมกับกองทุนฯ ดำเนินงานในการฝึกอบรม การสัมมนา การประชุมทางวิชาการ การพัฒนาบุคลากรและกิจกรรมทางวิชาการในช่องทางต่างๆ เพื่อนำไปสู่การระงับข้อพิพาทในอนาคต”ผู้จัดการกองทุนฯ กล่าวในที่สุด