WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

1ปพรอมนำครม

พท.ค้านรื้อ 30 บาท 'บิ๊กตู่'โวยสื่ออีก สนช.ชงทั้งคปป. คนนอกนั่งนายก พท.ขวางรื้อ 30 บาท ชี้ทำเพื่อคนจนมีโอกาสรักษา ไม่ ใช่ค้ากำไร จวกประชารัฐแค่เปลี่ยนชื่อ

      จากประชานิยม ติง'ประยุทธ์'ไม่เข้าใจปชต.-มีอคติทางการเมือง 'ปรีชา เร่งสมบูรณ์สุข'ยันรบ.แห่งชาติเป็นความเห็นส่วนตัว'บิ๊กตู่'ฉุนคนไม่เข้าใจ รัฐบาลแถลงผลงาน โวย'กสม.' ปกป้องคนร้าย มติสนช.ชงกรธ. ทั้งผุด'คปป.' ส.ว.ลากตั้ง เปิดช่องนายกฯคนนอก 

วันที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2558 ปีที่ 25 ฉบับที่ 9159 ข่าวสดรายวัน

    ปิดงาน - พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ รับประทานอาหารกับผู้ร่วมงาน หลังกล่าวปิดการแถลงสรุปผลงานของรัฐบาลในรอบ 1 ปี พร้อมนำครม.ร้องเพลง?เพราะเธอคือประเทศไทย? ด้วย ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 25 ธ.ค. 

 

'ป้อม'ปัดทบ.ถูกเตือนใช้งบฯ

     เมื่อวันที่ 25 ธ.ค.ที่องค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก (อผศ.) พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และรมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่พล.อ.ประยุทธ์กำชับกองทัพบกให้ระมัดระวังใช้จ่ายงบประมาณว่า นายกฯ ไม่ได้กำชับ สื่ออย่าไปบอกว่านายกฯ กำชับ แต่เป็นการพูดเตือนให้ระมัดระวังเรื่องการใช้งบฯ ขออย่านำเรื่องนี้มาเป็นประเด็นและโยงไปเป็นเรื่องต่างๆ เพราะเรื่องนี้ไม่มีอะไร อย่างไรก็ตามการใช้งบฯ ของกองทัพบกมีเจ้าหน้าที่ดูแลตามกฎกติกาอยู่แล้ว โดยเฉพาะการจัดซื้อจัดหายุทโธปกรณ์ต่างๆ ที่มีคณะกรรมการดำเนินการหลายขั้นตอน ดังนั้นไม่ต้องเป็นห่วง อีกทั้งนายกฯ เตือนทุกหน่วยงาน ไม่ใช่เฉพาะแต่กองทัพบก

รบ.แจงสมุดภาพผลงาน"บิ๊กตู่"

      ที่ทำเนียบรัฐบาล รัฐบาลแถลงผลงานรอบ 1 ปี เป็นวันที่ 2 โดยวันนี้เป็นการแถลงผลงานของรัฐมนตรีในกลุ่มงานด้านกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม กลุ่มวัฒนธรรม ท่องเที่ยว กีฬา และกิจการอื่นๆ 

        ทั้งนี้ สำนักเลขาธิการนายกฯ ได้นำสมุดภาพ Infographics รัฐบาลเพื่อประชาชน พร้อมซีดี มาแจกจ่ายให้กับสื่อมวลชนและผู้มาร่วมรับฟังการแถลงผลงานรัฐบาล ซึ่งรวบรวมภาพผลงานและการทำงานในภารกิจต่างๆ ของ พล.อ.ประยุทธ์และข้อความคำพูดบางช่วงบางตอน หน้าปกของสมุดภาพ มีลายมือและข้อความจากพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ว่า "สมุดภาพเล่มนี้ เป็นเพียงส่วนหนึ่งของผลการดำเนินงานของรัฐบาล ที่จะสะท้อนให้เห็นเจตนารมณ์ ความมุ่งมั่นตั้งใจ ให้ประชาชนได้รับทราบและร่วมมือกัน ด้วยพลังแรงใจ การสนับสนุนจากประชาชน ส่วนราชการและภาคประชาสังคม ภาคธุรกิจ เอกชนได้ร่วมมือกันในลักษณะประชารัฐเพื่อเกื้อกูลกัน นำพาประเทศชาติและประชาชน ไปสู่ความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน สืบไป" ด้วยความรักและเคารพ พล.อ.ประยุทธ์ 

นายกฯตู่ฉุนคนไม่เข้าใจแถลงผลงาน

       พล.อ.ประยุทธ์กล่าวปิดการแถลงสรุปผลงานรัฐบาลรอบ 1 ปี มีครม. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมรับฟัง นายกฯกล่าวอย่างอารมณ์เสียว่า การแถลงผลงานครั้งนี้อาจแตกต่างจากที่ผ่านๆ มา หลายคนวิจารณ์ว่าใช้เวลานานเกินไป หลายคนไม่เข้าใจหาว่ามีแต่น้ำไม่มีเนื้อ พอถามกลับว่าเนื้อคืออะไรก็บอกว่า อย่างเช่นการขายลอตเตอรี่ได้ราคาฉบับละ 80 บาท ถ้าอย่างนี้ไม่ต้องปฏิรูป เพราะขาดความเข้าใจซึ่งกันและกัน สิ่งที่ทำวันนี้คือการเอาประวัติศาสตร์มาเรียนรู้ว่าปัญหาอยู่ที่ไหน วันนี้จะแก้อย่างไร และจะเริ่มต้นที่จะทำต่อไปในรัฐบาลข้างหน้าอีก 4-5 รัฐบาล 

        พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ต้องสร้างกระบวน การเรียนรู้เหมือนที่มาของทศกัณฐ์ซึ่งมาจากนนทก ถึงจะแก้ปัญหาทั้งระยะสั้นและระยะยาวได้ การดูโขนเราจะรู้ว่ามีเพียงสองฝ่าย และจะเป็นอย่างไรฝ่ายธรรมต้องชนะอธรรมเสมอ ทุกคนต้องทำให้ได้ อ่านหนังสือพิมพ์วันนี้แล้วไม่เข้าใจ ไปเดินเยี่ยมชมนิทรรศการผลงานมาแล้วแต่หนังสือพิมพ์เขียนมันใช้ได้หรือไม่ ไปดูกันได้เลยสร้าง สรรค์อะไรให้ตนบ้าง แล้วก็มาว่าไปละเมิดจรรยาบรรณ ไปเขียนได้อย่างไร วันนี้ทุกคนเหนื่อยกันมหาศาลสื่อเขียนเพียง 4-5 บรรทัด นี่หรือเรียกว่ารักชาติ จะร่วมปฏิรูปประเทศ ตนว่าบางคนเท่านั้นไม่ใช่ทั้งหมด ตนจะไม่ยอมให้คนทำงานเสียกำลังใจ

โวย 50 ล้านคนต้องออกมาเลือกตั้ง

      "วันนี้แค่รักษาสถานภาพเศรษฐกิจให้คนอยู่ได้ไม่อดตายก็เก่งแล้ว แล้วสื่อก็ไปเขียนว่าจะรอดหรือไม่ อย่างนี้หรือที่เป็นการให้กำลังใจกัน รัฐบาล คสช. ปี 2559 จะรอดไหม อย่ามาเขียนไม่สร้างสรรค์ ทั้งเรื่องการตัดสินของศาลไม่เป็นธรรม ตำรวจไม่ดี ทำลายกระบวน การยุติธรรมของตัวเอง แล้วมันจะสงบได้อย่างไร ถ้ามันไม่ผิดก็ไปอุทธรณ์มาไปฟ้องศาลปกครองก็ได้ไม่ใช่มาวิพากษ์วิจารณ์จนเสียระบบกันไปหมด ผมไม่ยอมตรงนี้" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว 

      พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวด้วยว่า ทุกคนอยากเลือกตั้งอาจเป็นพิธีกรรมอะไรสักอย่างที่ทำให้ประเทศชาติเจริญก้าวหน้า ตนไม่รู้ ไม่ขัดแย้ง แต่จะทำอย่างไรให้การเลือกตั้งได้คนดี มีธรรมาภิบาล ไม่ใช่ดีร้อยเปอร์เซ็นต์แต่ต้องดีมากกว่าที่เคยมีมา คนที่เลือกเข้ามาต้องกลั่นกรอง ไม่ใช่เลือกคนที่เคยเข้ามาทั้งหมด การเลือกตั้งไปบอกประชาชนว่าทุกคนทั้ง 50 ล้านคน ต้องลงประชามติให้หมด อย่าบอกว่าไม่ชอบไม่มา และการเลือกตั้งก็ต้องออกมา จะเลือกใครหรือไม่เลือกใครก็ได้ เขามีช่องให้กา ถ้าออกมาครบ 90-100 เปอร์เซ็นต์ นี่คือเสียงส่วนใหญ่ว่าเขาเลือกใคร แต่ถ้าออกมา 20 ล้านคนแล้วบอกว่านี้คือประชาชน ประชาชนตรงไหน ส่วนพรรคจะหาเสียงอย่างไรแล้วแต่ผมไม่เคยยกเลิกสักโครงการแต่เอามาทบทวน แล้วจะมาบอกยกเลิกของเก่าแล้วทำไม่สำเร็จ ไปแกะมาดูว่าต่างกันตรงไหน" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว 

ลั่นมีวิธีรับผิดชอบรธน.ไม่ผ่าน

       พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า เรื่องรัฐธรรมนูญจะผ่านไม่ผ่าน ตนมีวิธีของตนและต้องรับผิดชอบอยู่แล้ว เลือกตั้งได้ไม่ได้รับผิดชอบอยู่แล้ว แต่จะไปรับผิดชอบอย่างไรก็อีกที ถ้าทะเลาะกันดีนักเลือกตั้งแล้วตีกันท่านก็ให้ผมเลิก ตนก็กลับบ้าน ตีกันต่อไป 

      พล.อ.ประยุทธ์กล่าวเรื่องคดีจำนำข้าวว่า คดีทั้งหมดไม่ผ่อนผันใดๆ ทั้งสิ้น จะมาขอยืดเวลาตนไม่ให้เพราะให้มาพอเพียงแล้ว คดีจำนำข้าวเถียงกันมาจนหัวจะผุ ต่อไปนี้ขายเท่าไรก็ได้เท่านั้น เป็นเรื่องอะไรที่ตนต้องรับผิดชอบ ขายข้าวจะได้ราคาหรือไม่ได้ราคาใครทำไว้ ถ้าตนเอาข้าวมาขายเยอะจะเกิดอะไรขึ้น วงจรข้าวข้างนอกก็จะเสีย ข้าวฤดูใหม่ก็จะขายไม่ได้ ดังนั้นไม่ต้องกังวลเอาข้าวเสียขายให้หมด แล้วใครจะต่อต้านถ้าตนให้อำนาจเขาขายก็ต้องขาย ถ้าไม่ขายก็ต้องมารับผิดชอบใช้หนี้แทนเขา ข้าวดีเก็บไว้ ข้าวเสียขายไป ถ้าขายได้น้อยเป็นความรับผิดชอบของเขา เพราะเขาเป็นคนทำ และถ้าข้าวเสียหายเพิ่มอีกขายไม่ออกอีกก็ประเมินไปว่ากี่เดือนก็บวกค่าความเสียหายเพิ่มเข้าไปอีกและไม่ใช่ตนรับผิดชอบ

จวก"กสม."ปกป้องคนร้าย

       พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ต้องทำหน้าที่เป็น กสม.ทั้งไทยและเทศด้วย ไม่ใช่รักษาประโยชน์ให้ผู้ร้ายอยู่ตลอด มันทำความผิดก็ว่าไปตามความผิด เจ้าหน้าที่รัฐทำงานก็ต้องให้ความเป็นธรรมเขาด้วย ไม่ใช่เมื่อตัดสินไปทั้งๆ ที่มีหลักฐาน มีกฎหมาย ก็ยังหาว่ารังแก มันแทบจะฆ่าคนตายตรงหน้าแล้วยังไปป้องปกมันอีก ทำไมคนไทยถึงคิดแบบนี้ แล้วจะแก้ปัญหากันได้จบหรือไม่ ซึ่งต้องทำงานร่วมกัน ทั้งรัฐบาล คสช. ข้าราชการ ภาคประชาสังคม และกสม. ท่านคือผู้รับผิดชอบประเทศทั้งหมด ไม่ใช่ตน

        "วันนี้ไม่ค่อยสบายเพราะโมโห แล้ววันนี้จะพูดแรงครั้งสุดท้ายแล้ว ตั้งใจ เพราะเดี๋ยวจะปีใหม่ ปีหน้าจะให้รองนายกฯ มาดุแทน ผมก็จะยิ้มอย่างเดียวเพราะพูดมาเยอะแล้ว พูดมา 2 ปีแล้ว พูดจนลมเข้าท้องแล้ว พูดจนผอม ไปทำตาม เอาไปคิดกันหน่อยและอย่าไปสร้างความขัดแย้ง" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

ขอให้ปีใหม่เป็นปีแห่งการร่วมมือ

      พล.อ.ประยุทธ์กล่าวด้วยว่า ขอให้ปีใหม่เป็นปีแห่งการร่วมมือเป็นปีแห่งการร่วมรักสามัคคีไม่ขัดแย้ง เป็นปีแห่งการปฏิรูปอย่างแท้จริง เป็นปีแห่งการเริ่มต้นปฏิรูป เหลือเพียงอีก 1 ปี 6 เดือนเท่านั้น หลังจากนั้นไม่มีโอกาสอีกแล้ว ขอบคุณทุกคนขอให้มีความสุข

      ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากนั้นพล.อ.ประยุทธ์ พร้อมครม.รับประทานอาหารกับสื่อมวลชนและผู้ร่วมงาน มีนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธาน สนช. ร.อ.ทินพันธุ์ นาคะตะ ประธาน สปท. นายอลงกรณ์ พลบุตร รองประธาน สปท. พล.อ.ปรีชา จันทร์โอชา ปลัดกระทรวงกลาโหม ร่วมด้วย โดยพล.อ.ประยุทธ์ ขึ้นเวทีนำ ครม.ร้องเพลง "คืนความสุขของคนในชาติ" และเพลง "เพราะเธอประเทศไทย" จากนั้นได้ลงมาทักทายข้าราชการและสื่อ มวลชน โดยบอกว่า "ฉันจะสู้และแก้ปัญหาต่อไป" และร่วมยืนร้องเพลง "รางวัลแด่คนช่างฝัน" พร้อมยกมือประกอบจังหวะก่อนเดินทางขึ้นตึกไทยคู่ฟ้า พร้อม ครม.

พท.แถลงติงบิ๊กตู่พูดแบ่งแยก

       วันเดียวกัน พรรคเพื่อไทยออกแถลงการณ์ เรื่อง การแถลงผลงานครบรอบ 1 ปี ของรัฐบาล ว่า พรรคเพื่อไทยเห็นว่าคำแถลงของนายกฯในหลายส่วนสร้างความสับสน แบ่งแยกและสร้างความร้าวฉาน แตกแยกในสังคมไทย ดังนี้ 1.คำกล่าวของนายกฯที่ว่า"คนรายได้น้อยมาเลือก เพราะเขาต้องการเงินไปเลี้ยงครอบครัว" และ"คนมีรายได้ปานกลางไม่ออกมาเลือกตั้ง จะทำให้เสียงของคนที่อยากมีรายได้เพิ่มขึ้นมากกว่า" ซึ่งแสดงถึงความขาดความเข้าใจในระบอบประชาธิปไตยและมีอคติต่อการเลือกตั้ง ดูไม่ต่างจากคำพูดในเวทีการชุมนุมชัตดาวน์ประเทศก่อนรัฐประหาร คำพูดของผู้ปราศรัยบนเวทีที่อ้างว่า คนชนบทโง่ คนกรุงเทพฯฉลาดกว่า ดังนั้นเสียงต้องไม่เท่ากัน 

        พรรคเพื่อไทย เห็นว่า ในอดีตได้พิสูจน์ในการเลือกตั้งหลายครั้งแล้วว่า คนชนบท คนยากจน คนรากหญ้า มิได้มาเลือกตั้งเพราะเห็นแก่รายได้หรืออามิสสินจ้าง แต่มาใช้สิทธิเลือกตั้งเพราะพอใจในนโยบายที่จับต้องได้ นโยบายที่ยกฐานะให้มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ในทางทฤษฎีประชาธิปไตยและหลักสิทธิมนุษยชน ทุกคนเท่าเทียมกัน มีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์เสมอกัน คำพูดใดๆ ที่แบ่งชนชั้นจึงสะท้อนแนวคิดเพื่อรักษาหน้าตาและผลประโยชน์ของกลุ่มบุคคลที่มีฐานะดีเท่านั้น 

แนะหลักการปชต.-30 บาท

      แถลงการณ์ ระบุว่า การมองการเลือกตั้งว่าขึ้นอยู่กับการใช้เงินซื้อเสียง สะท้อนให้เห็นภาวะที่ไม่ใช่นักประชาธิปไตยของผู้นำซึ่งนิยมระบบแต่งตั้งมากกว่า จึงไม่แปลกใจว่าร่างรัฐธรรมนูญที่ร่างอยู่ จึงไม่ให้ความเคารพต่อการมีส่วนร่วมและการตัดสินใจของประชาชน เช่น การให้ ส.ว.มาจากการแต่งตั้ง สรรหา การตั้งองค์กรพิเศษเพื่อควบคุมรัฐบาลอีกชั้น การยกอำนาจของประชาชนไปให้องค์กรตรวจสอบและองค์กรตุลาการที่ไม่ได้เชื่อมโยงกับอำนาจประชาชน จนทำให้เสียสมดุลในระบบถ่วงดุลอำนาจ 

      2.นายกฯ ได้เปรียบเปรยถึงโครงการ 30 บาทรักษาทุกโรคว่า เป็นโครงการสุดยอด แต่รายได้ไม่มี ถือเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่แสดงถึงความไม่เข้าใจ หรือมองปัญหาไม่ถูกต้อง เพราะโครงการนี้มีไว้ช่วยคนยากจน กลุ่มคนที่มีรายได้น้อยไม่เพียงพอจะรองรับค่าใช้จ่ายรักษาพยาบาล แค่ให้มีหลักประกันในชีวิต ให้คนมีสุขภาพดี ค่าใช้จ่ายที่มีต้นทุนที่ 30 บาทนั้น มีที่มาจากภาษีของประชาชน ซึ่งเป็นของเพื่อนร่วมชาติของเขา ซึ่งเงินจำนวนนี้มีไว้เพื่อเกื้อกูลคนไทยด้วยกัน ไม่ใช่เพื่อค้ากำไร เลขาธิการยูเอ็นยังเคยหยิบยกโครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค ไปเป็นแบบอย่างให้แก่ประเทศที่ด้อยพัฒนาและประเทศที่กำลังพัฒนา และล่าสุดสหรัฐอเมริกายังมีนโยบายรักษาพยาบาลในแบบเดียวกับโครงการนี้เช่นเดียวกัน

ชี้ประชารัฐก็คือประชานิยม

      3.คำกล่าวของนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ ต่อหน้านายกฯว่า "สิ่งที่ผมทำเมื่อ 10 ปีก่อน ไม่ใช่ประชานิยม และผมไม่สนใจว่าใครจะเรียกว่า ประชานิยม" นับได้ว่าเป็นคำพูดที่ตรงไปตรงมา พิสูจน์ให้เห็นว่าขณะนี้นายกฯ กำลังใช้โครงการที่เคยดูถูกและกล่าวหารัฐบาลที่แล้วว่ามีนโยบายเป็นประชานิยม คำว่าประชานิยมจึงเป็นเพียงคำพูดที่ต้องการทำลายความน่าเชื่อถือของรัฐบาลในอดีตเท่านั้น นโยบาย 30 บาทรักษาทุกโรค กองทุนหมู่บ้าน โครงการตำบลละ 5 ล้าน ที่รัฐบาลชุดนี้นำมาใช้ ไม่ใช่ประชานิยมแต่เป็นประชารัฐ จึงดูไม่ต่างจากความพยายามจะเปลี่ยนชื่อโครงการของพรรคเพื่อไทยที่ประสบความสำเร็จในอดีตที่ผ่านมา

      แถลงการณ์ ระบุว่า นายกฯได้กล่าวถึงเหตุผลยึดอำนาจไว้ว่าเพื่อยุติความหวาดระแวง ฟื้นฟูความสงบเรียบร้อย ความรู้รักสามัคคีและความเป็นธรรม สร้างบรรยากาศแห่งความสงบเรียบร้อยและปรองดอง เพื่อนำความสุขที่สูญหายไปนานกลับคืนสู่ประชาชน พรรคเพื่อไทยเห็นว่าตลอด 1 ปี 6 เดือนที่ผ่านมา ไม่ได้มีรูปธรรมอันใดที่สะท้อนความเป็นจริงในการเสริมสร้างและแก้ปัญหาที่กล่าวมา สิ่งที่ปรากฏ กลายเป็นบุคคลกลุ่มหนึ่งถูกแจ้งข้อกล่าวหา ถูกปรับทัศนคติ คนอีกกลุ่มหนึ่งใช้เสรีภาพได้เต็มที่ นายกฯ กลายเป็นคู่ขัดแย้งกับคนอีกกลุ่มหนึ่งอย่างชัดเจน ขณะที่แสดงความปรองดองสมานฉันท์กับคนอีกกลุ่มหนึ่งอย่างแนบแน่น ที่ผ่านมาประเทศเสียเวลาไปกับการใช้อำนาจอย่างไร้ขอบเขตจำกัด เสียเวลาไปกับวาทกรรมสวยหรูเรื่องปรองดองสมานฉันท์ของคนในชาติ คำพูดของนายกฯ ในการแถลงครบรอบปีไม่ได้สอดคล้องกับเจตจำนงที่กล่าวไว้ในการยึดอำนาจปกครองประเทศ และน่าจะวิเคราะห์ได้ไม่ยากว่า อีก 1 ปี 6 เดือนข้างหน้า ประเทศชาติจะเผชิญกับชะตากรรมแบบใด

ปึ้งห่วงรบ.ทิ้งขว้างคนจนที่ป่วย

       นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล แกนนำพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ฟังจากกระทรวงสาธารณสุขว่าจะรื้อโครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค ที่เริ่มต้นขึ้นในสมัยนายทักษิณ ชินวัตร และมีความพยายามที่จะกล่าวหาว่าเป็นนโยบายประชานิยมที่รัฐต้องเสียงบประมาณเยอะมากและเพิ่มขึ้นทุกๆ ปี รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา โดยรมว.สาธารณสุขจึงคิดจะใช้ประชารัฐเข้ามาแก้ไข พูดง่ายๆ ว่าประชาชนต้องควักเงินจ่ายร่วมด้วย จะจ่าย 30 บาทแล้วรักษาทุกโรค ต่อไปอีกไม่ได้แล้ว 

      นายสุรพงษ์ กล่าวว่า ที่น่าเห็นใจที่สุดคือผู้มีรายได้น้อย จะไม่มีโอกาสได้รับการรักษาพยาบาลที่ดี เพื่อให้หายป่วย รู้สึกเสียดายโครงการดีๆ เช่นนี้ที่ต่างชาตินำไปเป็นแบบอย่าง แม้กระทั่งเลขาธิการยูเอ็น ยังเคยหยิบยกการให้บริการ 30 บาทรักษาทุกโรคให้แก่ประเทศที่ด้อยพัฒนา และประเทศที่กำลังพัฒนานำไปเป็นแบบอย่าง ล่าสุดสหรัฐยังมี นโยบายรักษาพยาบาลให้คนของเขาตามแบบคนไทยเราเลย แต่กลับเป็นที่น่าเสียใจมากๆ ที่เมื่อฟังการแถลงผลงานรัฐบาลนี้กลับพูดว่า 30 บาทรักษาฟรีทุกโรคทำให้เสียงบประมาณเยอะมาก รัฐไม่มีรายได้จากนโยบายนี้เลย 

      "พล.อ.ประยุทธ์แถลงและให้สัมภาษณ์อยู่แหม็บๆ ว่า คสช.เป็นหมอเข้ามารักษาคนป่วย นี่ไม่ทันอะไรเห็นคนไข้ไม่มีเงิน จะไม่รักษาฟรีให้เขาแล้ว จะทิ้งขว้างกันแบบนี้เลยหรือ" นายสุรพงษ์กล่าว

วัฒนาจวกมีชัยนิรโทษ"คสช.-รบ."

     นายวัฒนา เมืองสุข แกนนำพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ได้อ่านคำให้สัมภาษณ์ของนายมีชัย ฤชุพันธ์ุ ประธานกรธ. ที่ตอบคำถามถึงความจำเป็นที่ต้องบัญญัติการนิรโทษกรรมให้กับคสช.ว่า คงต้องกำหนดไว้เหมือนกับรัฐธรรม นูญในอดีต เพราะเป็นสูตรที่ต้องมีไว้ในรัฐธรรมนูญ จึงขอให้ความเห็น ดังนี้ 1.เมื่อดูตามประวัติของนายมีชัย แม้ตนจะไม่มีความเชื่อมั่นว่าเราจะได้รัฐธรรมนูญที่เป็นประชาธิป ไตย แต่ตนยังคงให้โอกาสนายมีชัยและคณะ ทำงานพิสูจน์ตัวเองโดยไม่เคยวิจารณ์ แอบหวังลึกๆ ว่า นายมีชัยน่าจะใช้โอกาสครั้งสุดท้ายของชีวิตใช้ความรู้ทางกฎหมาย สร้างสิ่งที่ดีงามให้กับบ้านเมือง ท้ายที่สุดความคิดของตนผิด คำพังเพยที่เปรียบเทียบว่างาช้างที่หมายถึงสิ่งดีงามย่อมไม่งอกผิดที่ยังคงใช้ได้เสมอ

      2.วิกฤตขัดแย้งที่เกิดขึ้น มีสาเหตุสำคัญมาจากการเมือง การปกครอง กฎหมายและการบังคับใช้กฎหมายที่ไม่เป็นไปตามหลักนิติธรรม การยุติความขัดแย้งเพื่อนำไปสู่การสร้างความปรองดองที่ยั่งยืน คือการสร้างกติกาทางการเมืองที่อยู่บนพื้นฐานของหลักนิติธรรม สูตรที่ต้องมีไว้ในรัฐธรรมนูญ คือหลักการปกครองประเทศบนพื้นฐานของหลักนิติธรรม ไม่ใช่การนิรโทษกรรมอย่างที่นายมีชัย นำมาเป็นข้ออ้าง

ชี้หนีตรวจสอบแย่กว่าหนีคดี

      3.เมื่อ คสช.ยึดอำนาจเมื่อวันที่ 22 พ.ค.57 ได้นิรโทษกรรมการยึดอำนาจไว้ในมาตรา 48 ของรัฐธรรมนูญชั่วคราวครั้งหนึ่งแล้ว ดังนั้นการนิรโทษกรรมที่นายมีชัย จะเขียนไว้อีกในรัฐธรรมนูญฉบับต่อไป คือการนิรโทษกรรมให้กับการกระทำของ คสช. และรัฐบาลที่เกิดขึ้นภายหลังยึดอำนาจ ไม่ว่า คสช.หรือรัฐบาลจะทำผิดกฎหมาย หรือใช้อำนาจในทางมิชอบใดๆ รวมถึงคดีทุจริตในโครงการอุทยาน ราชภักดิ์ด้วย จะถูกนายมีชัยและคณะนิรโทษกรรมให้หมด นี่จึงเป็นสาเหตุสำคัญที่ ประชาธิปไตยของไทยไม่พัฒนา เพราะไม่ได้คำนึงถึงหลักการหรือความถูกต้องใดๆ 

      4.ขอเรียกร้องให้นายกฯ และหัวหน้า คสช. แสดงให้ปรากฏต่อสาธารณชนว่า สิ่งที่นาย มีชัยคิดจะทำนั้น ล้วนคิดไปเองหรือที่โบราณเรียกว่าสอพลอ ไม่ได้เป็นความต้องการของท่านที่พร้อมจะให้ตรวจสอบ เพราะหากสุจริตจริง ย่อมจะได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายอยู่แล้ว ไม่ควรให้นายมีชัยไปนิรโทษกรรมให้เป็นการแปดเปื้อนต่อไปอีก แต่หากไม่แสดงความรับผิดชอบด้วยการยอมให้มีการนิรโทษกรรม เท่ากับกำลังรู้เห็นกับนายมีชัย อันเป็นพฤติกรรมของคนขี้ขลาดที่หนีการตรวจสอบ ซึ่งทำลายความชอบธรรมของรัฐบาลนี้ที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง และยังสร้างบรรทัดฐานที่ไม่ถูกต้องให้เกิดขึ้นกับการเมืองไทยอีกด้วย ประการสำคัญ การหนีการตรวจสอบเลวร้าย กว่าการหนีคดีหลายเท่านัก ว่าแต่เขา อิเหนาอย่าเป็นเองเลย

มาร์คติงกรธ.อย่ากลัวเลือกตั้ง

     ที่พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่กรธ.กำหนดให้ที่มาส.ว.มาจากกลุ่มสาขาอาชีพ 20 สาขา โดยเป็นการเลือกตั้งแบบไขว้จากผู้สมัครต่างกลุ่มอาชีพ ว่า ยังไม่เข้าใจในระบบคิดดังกล่าว ส่วนตัวอยากให้ส.ว.มาจากการเลือกตั้งโดยตรง โดยเลือกตามฐานสายอาชีพของกลุ่มต่างๆ ซึ่งกระบวนการการเลือกตั้งเช่นนี้ จะมีความรัดกุมมากกว่าการสรรหา แม้จะมีความกังวลเรื่องการซื้อเสียง แต่ฐานของผู้เลือกเยอะกว่า จะล็อบบี้ยากกว่า และถ้าไม่อยากให้ส.ว.ผูกพันกับพรรคการเมือง ก็อย่าเลือกตามพื้นที่แต่เลือกตามกลุ่มอาชีพหรือสังคมแทน 

       "การเลือกไขว้เช่นนี้ ปัญหาจะอยู่ที่กลุ่มผู้เลือกแคบ การให้กลุ่มอาชีพอื่นเลือกไขว้กันยิ่งเป็นเรื่องแปลกเข้าไปใหญ่ จนไม่รู้ว่าเลือกไปเป็นตัวแทนใครกันแน่ ผมไม่เข้าใจว่าระบบนี้ เป็นเหตุเป็นผลอย่างไร อยากบอกว่า อย่ากลัวการเลือกตั้งโดยตรง เพราะถ้ากลัวจะทำให้คิดวิธียาก ระบบที่กรธ.คิดมานี้ไม่คิดว่าจะแก้ปัญหาได้ เพราะปัญหาการฮั้วเกิดจากการเลือกตั้งในฐานที่แคบ ส่วนเรื่องการที่กรธ.เปิดช่องไม่ห้ามเครือญาติของนักการเมืองลงสมัคร ส.ว.นั้น ผมเห็นว่า สภาผัวเมียต้องไม่มีอำนาจมาเกี่ยวข้องกับส.ส.เลย แต่การเลือกทางอ้อมมีปัญหาว่า คนเกี่ยวข้องอยู่ในวงแคบ จึงเท่ากับประชาชนไม่มีส่วนร่วมอย่างแท้จริง" นายอภิสิทธิ์กล่าว

สนช.ชงส.ว.ลากตั้ง-นายกฯคนนอก

       ที่รัฐสภา นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เป็นประธานประชุมสนช. พิจารณารายงานการรวบรวมความเห็นเพื่อประกอบการพิจารณาจัดทำร่างรัฐธรรมนูญ ตามที่คณะกรรมาธิการ (กมธ.)สามัญ พิจารณาศึกษา เสนอแนะ และรวบรวมความเห็น เพื่อประกอบการพิจารณา จัดทำร่างรัฐธรรมนูญ พิจารณาเสร็จแล้ว มีสาระสำคัญคือ ควรมีส.ส. 500 คน มาจากแบบแบ่งเขต 350 คน และแบบบัญชีรายชื่อ 150 คน ใช้บัตรเลือกตั้ง 2 ใบ เหมือนที่เคยใช้มา แล้วคิดคะแนนแบบสัดส่วนผสม เขตเลือกตั้งควรเป็นเขตใหญ่เรียงเบอร์ 3 คน ต่อ 1 เขต ส่วนส.ว.ควรมีจำนวน 200 คน มาจากการสรรหาทั้งหมด และควรคงอำนาจถอดถอนไว้ 

        สำหรับ นายกฯไม่จำเป็นต้องเป็น ส.ส. แต่ต้องได้รับความเห็นชอบจากสภาผู้แทนราษฎร นอกจากนี้ ยังจำเป็นต้องมีองค์กรหรือคณะกรรมการเพื่อทำหน้าที่แก้วิกฤตของประเทศ ในกรณีที่ไม่มีบัญญัติไว้ หรือในกรณีที่ไม่สามารถใช้อำนาจบริหารประเทศได้ 

        จากนั้นจึงเปิดให้สมาชิกสนช.อภิปราย ก่อนมีมติเห็นชอบกับรายงานข้อเสนอแนะ ส่งให้คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ตามมาตรา 39 ของรัฐธรรมนูญชั่วคราว พ.ศ. 2557 เพื่อนำไปพิจารณาประกอบการร่างรัฐธรรมนูญ ด้วยคะแนน 144 ต่อ 1 เสียง

ปรีชายันเสนอเอง"รบ.แห่งชาติ"

       นายปรีชา เร่งสมบูรณ์สุข อดีต รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวถึงข้อเสนอเรื่องตั้งรัฐบาลแห่งชาติว่า เรื่องนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของตนไม่เกี่ยวกับพรรคแต่อย่างใด ซึ่งตนมองว่าช่วงนี้เศรษฐกิจแย่ และจะปรองดองกันได้อย่างไรเท่านั้น ขอยืนยันอีกครั้งว่าเรื่องนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัว เมื่อถามว่ามีกระแสข่าวว่าเป็นใบสั่งจากคนแดนไกล นายปรีชากล่าวว่า ไม่มีคำสั่งจากใครทั้งสิ้น ตนเพียงเสนอความเห็นส่วนตัว 

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!