WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

1ขบโชว

 


ในที่สุดปปช.ก็ตีตก คดี 99 ศพ 'มาร์ค-เทือก'เฮ 
นปช.ลั่นต้องสู้กันยาว กห.แถลงราชภักดิ์วันนี้'บิ๊กโด่ง'ขู่กลับ-เอาคืน สตง.เล็งสอบไฟกทม.

      มาร์ค-เทือก-บิ๊กป๊อกได้เฮ ป.ป.ช.ตีตกคดีสลายเสื้อแดง 99 ศพ ระบุปฏิบัติหน้าที่โดยชอบ 'บิ๊กตู่'สวมบทโชเฟอร์ขับรถตุ๊กตุ๊กพา'น้องแนท'ซิ่งในทำเนียบ ขอโทษข้าราชการที่ทำให้เสียหน้าเพราะเข้ามาไม่สง่างาม แสดงกิริยาไม่เหมาะสม อุบไต๋ทางออก-ถ้ารัฐธรรมนูญไม่ผ่านประชามติ'บิ๊กช้าง'แถลงผลสอบราชภักดิ์วันนี้'บิ๊กโด่ง'ขู่กลับคนพาดพิงราชภักดิ์ระวังต้องชดใช้ นักข่าวสภางดตั้งฉายาฝ่ายนิติ บัญญัติ สตง.เล็งสอบกทม.ทุ่มโชว์ไฟปีใหม่ 40 ล้าน สาธารณสุขเร่งตั้งกรรมการศึกษา 30 บาทก่อนชงรัฐตัดสินให้ประชาชนร่วมจ่ายหรือไม่

วันที่ 30 ธันวาคม พ.ศ. 2558 ปีที่ 25 ฉบับที่ 9163 ข่าวสดรายวัน
ขับโชว์ - พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ขับรถตุ๊กตุ๊กโชว์ โดยมี "น้องแนท" เจ้าของรางวัลชนะเลิศชุดประจำชาติยอดเยี่ยม "ตุ๊กตุ๊กไทยแลนด์" จากเวทีมิสยูนิเวิร์ส 2015 ร่วมนั่งไปด้วยภายในบริเวณ ทำเนียบ เมื่อวันที่ 29 ธ.ค.


'บิ๊กตู่'ประชุมครม.ส่งท้ายปี
     เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 29 ธ.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธานประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.)
     พล.อ.ประยุทธ์ให้สัมภาษณ์ว่า การประชุมครม.ครั้งนี้เป็นการประชุมครม.นัดส่งท้ายปี เพื่อขับเคลื่อนงานต่างๆ ตามแผนที่วางไว้ก่อนถึงการเลือกตั้งในปี 2560 ซึ่งต้องเร่งและจัดสรรงบประมาณให้เป็นไปตามเป้าหมาย เพื่อไม่ให้เป็นภาระด้านงบประมาณ โดยจะอนุมัติงบช่วยเหลือประชาชนระดับล่าง บางโครงการยังมีเม็ดเงินเหลืออยู่ จะปรับแก้ให้เป็นไปตามแผนโครงการ จากการลงพื้นที่คิดว่าปัญหาน่าจะแก้ไขได้ เมื่อถามว่าปีใหม่อยากได้อะไรเป็นของขวัญ นายกฯ กล่าวว่า ไม่อยากได้อะไร อยากให้ประเทศชาติปลอดภัย
      ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ห้องประชุมชั้น 5 ตึกบัญชาการ 1 ก่อนการประชุมครม.จะเริ่มขึ้น พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เป็นตัวแทนครม. มอบแจกันดอกไม้ พร้อมนำกล่าวอวยพรนายกฯ เนื่องจากโอกาสส่งท้ายปี 2558 เข้าสู่ปีใหม่ 2559

ขับตุ๊กตุ๊กพา'น้องแนท'ซิ่ง
     ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ก่อนการประชุม นางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) และน้องแนท น.ส.อนิพรณ์ เฉลิมบูรณะวงศ์ มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2015 ซึ่งชนะเลิศชุดประจำชาติยอดเยี่ยมในชุด "ตุ๊กตุ๊กไทยแลนด์" จากเวทีประกวดมิสยูนิเวิร์ส 2015 เข้าพบนายกฯเพื่อประชาสัมพันธ์โครงการ "ส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ Thailand Countdown 2016" จัดโดยททท. วันที่ 29-31 ธ.ค. ที่ถนนมหาราช เขตพระนคร มีการจัดแสดงแสง เสียงและสื่อผสม มีพระปรางค์วัดอรุณราชวราราม ราชวรมหาวิหารเป็นสัญลักษณ์
      พล.อ.ประยุทธ์ได้สร้างความฮือฮาด้วยการขับรถตุ๊กตุ๊กพาน้องแนท นั่งวนไปด้านหน้าตึกไทยคู่ฟ้า แล้ววนกลับมาที่ด้านหน้าตึกบัญชาการ 1 โดยระบุว่า ตนไม่เคยขับตุ๊กตุ๊กมาก่อน แต่อยากลอง ยอมรับว่าขับยาก จึงเข้าใจว่าทำไมคนขับตุ๊กตุ๊กถึงหงุดหงิด รถกระชาก อยากให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีไปพัฒนาเรื่องเครื่องยนต์

นางงามยอมรับหวาดเสียว
      ขณะที่น้องแนท กล่าวว่า รู้สึกตกใจ หวาดเสียวและตื่นเต้น ไม่คิดว่านายกฯจะขับจริงๆ ระหว่างขับก็เสียวจับราวจับตลอด ผู้สื่อข่าวถามว่าระหว่างประกวดนางงามกับนั่งรถตุ๊กตุ๊กครั้งนี้อันไหนตื่นเต้นกว่ากัน น้องแนท กล่าวว่า อันนี้หวาดเสียวมากกว่า ดีใจที่นายกฯ ขับรถตุ๊กตุ๊กให้นั่ง ถือว่าเป็นบุญ อาจทำให้เกรดเฉลี่ยเพิ่มขึ้น และรู้สึกประทับใจนายกฯเพราะเจอกันครั้งแรก
      พล.อ.ประยุทธ์ได้อวยพรให้น้องแนทตั้งใจเรียนหนังสือให้จบ ประสบความสำเร็จในชีวิต และฝากความคิดถึงถึงชาวลำปาง บ้านเกิดของน้องแนทด้วย

เผยมีทางออก-ถ้ารธน.ถูกคว่ำ
     พล.อ.ประยุทธ์ ให้สัมภาษณ์หลังการประชุมครม.ถึงการร่างรัฐธรรมนูญของคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ว่า รัฐบาลยืนยันว่าพยายามทำทุกอย่างให้มีการเลือกตั้งให้ได้ ให้มีการทำประชามติ ถ้าประชามติไม่ผ่านจะทำอย่างไรให้มีการเลือกตั้งนั้น ขณะนี้มีวิธีแล้วแต่ไม่บอก อย่ามากดดันตนตรงนี้ อย่ามาโยนความรับผิดชอบให้ตน เพราะมีกรธ.อยู่แล้ว เขาตั้งใจอยู่
     พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า จะให้นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานกรธ. โดนตำหนิทุกวันอย่างนี้มันไม่ได้ เขาตั้งใจทำให้ประเทศชาติปลอดภัย ถ้าทุกคนมองว่าไม่เป็นประชาธิป ไตย มันก็จะเป็นอย่างนั้น จะให้เป็นที่พอใจของทุกคนไม่ได้ แต่เขียนให้ประเทศไปได้ มีปฏิรูปซึ่งมันมีหนทาง มันต้องสร้างความเข้าใจกัน
    "ไม่ใช่เขียนว่ารัฐธรรมนูญจะผ่านไม่ผ่าน นายกฯต้องรับผิดชอบ ผมว่ามันไม่ใช่ วันนี้ผมรับผิดชอบอยู่แล้ว ส่วนจะรับผิดชอบอย่างไรก็เป็นเรื่องของผม จะให้มีเลือกตั้งหรือไม่มีเลย มันก็เรื่องของผม รัฐธรรมนูญไม่ผ่านแล้วจะทำอย่างไรก็เรื่องของผม เข้าใจหรือไม่ ถ้าหาข้อตกลงตรงนั้นไม่ได้ เดี๋ยวผมจัดการเอง ความรับผิดชอบของผมเป็นแบบนั้น" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

อุบไต๋กระทบเลือกตั้งหรือไม่
     ผู้สื่อข่าวถามว่าหากร่างรัฐธรรมนูญไม่ผ่านประชามติ การเลือกตั้งจะยังเป็นปี 2560 หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า "ทำไมใจร้อน ผมไม่ได้สนใจ เดี๋ยวคนก็รู้เอง อย่ามาถามผมตอนนี้ ถ้ามาถามตอนนี้ก็ตีกันตอนนี้ ทุกอย่างอยู่ในหัวผมหมดแล้ว ผมอยากให้รัฐธรรมนูญผ่าน อย่าไปเขียนว่าผมต้องรับผิดชอบ ถ้าไม่ผ่านผมก็ต้องหาวิธีแก้ปัญหา ไม่ใช่ต้องรับผิดชอบถ้ารัฐธรรมนูญไม่ผ่าน ผมต้องรับผิดชอบอยู่แล้วไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ผมคงไม่ปล่อยประเทศย่อยสลายไปต่อหน้าผม ผมไม่ยอม ผมคิดว่าคนไทยอีกเยอะ เดี๋ยวถามไปเลยได้ไหมว่าใครที่พร้อมจะอยู่กับผมบ้าง"
      ผู้สื่อข่าวถามว่า ช่วงปีใหม่นายกฯไป เคานต์ดาวน์ที่ไหน นายกฯ กล่าวว่า ที่บ้าน ตนไม่เคยไปไหน ส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ อยากให้ทุกคนคิดใหม่ทำใหม่ ช่วยกันปฏิรูปประเทศชาติ ในเวลาอีกปีครึ่งของตน เพื่อให้ส่งต่อรัฐบาลหน้าให้ได้ มีการเลือกตั้งให้ได้ ให้มีรัฐธรรมนูญที่ผ่านการทำประชามติ อย่าให้ตนต้องมาตัดสินใจอีกเลย อยู่ที่ประชาชนตัดสินใจ จะเลือกประเทศหรือเลือกอิสระเสรี ร้อยเปอร์เซ็นต์อะไรก็ว่ามา เลือกแบบนั้นตนก็จนปัญญาไม่รู้จะทำอย่างไร

ขอโทษขรก.ที่ทำเสียหน้า
      เวลา 17.30 น. พล.อ.ประยุทธ์กล่าวกับข้าราชการที่เข้าร่วมอวยพรปีใหม่ว่า วันนี้ประเทศไทยตกกับดักอยู่เรื่องเดียวคือการมีประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ ซึ่งตนตั้งใจจะทำประโยชน์ให้มากที่สุดเพื่อประเทศชาติ ตนไม่กลัวอะไรทั้งสิ้นเพราะถือเป็นชะตากรรม และต้องขอโทษข้าราชการหากแสดงกิริยาไม่เหมาะสม หรือไม่คุ้นเคยกับการเป็นทหารของตน ขอให้รู้ว่าตนไม่มีอะไร ถือเป็นพี่เป็นน้องเสมอมา และตนป็นคนรับฟัง วันนี้ต้องรวมกันเป็นหนึ่งเดียวให้ได้เหมือนกับเพลงที่ตนแต่งขึ้นมาใหม่
     อย่างไรก็ตาม คิดเพียงว่าเกิดมาชีวิตเดียว เวลาตายก็ตายชีวิตเดียว ถ้าชาติหน้ามีจริงตนก็เกิดเป็นทหาร เราสัญญาไว้ต่อหน้าวัดพระแก้วว่าเราจะทำอะไร ซึ่งตนคิดว่าเวลาของตนหมดไปตั้งแต่เดือนต.ค.2557 แล้วที่เกษียณ ตนอดทนมาได้ 6 เดือนแล้ว แต่ 6 เดือนหลังเริ่มทนไม่ไหวจริงๆ จึงทำให้ทุกคนต้องเหน็ดเหนื่อยบ้าง ช่วงที่ตนเข้ามาอาจทำให้เสียหน้าไปบ้าง ที่เข้ามาโดยไม่สง่างาม
    "ในปีหน้าเราจะกำหนดให้ชัดเจนว่าเวลาที่เหลืออยู่จะแก้ปัญหาหลักๆ ให้ได้ ทุกคนต้องร่วมมือกัน ทุกอย่างจะไปได้ กฎหมายมีไว้ให้คนอยู่ร่วมกัน ฉะนั้นกฎหมายต้องเป็นตัวเริ่มต้นทุกอย่าง ทั้งการปรองดองและการปฏิรูป ถ้าไม่มีกฎหมายก็อย่าอยู่เลย ใช้มาตรา 44 ยุบกฤษฎีกาไปเลย ยุบหน่วยงานเกี่ยวกับกฎหมายทิ้งให้หมด
     พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวถึงการแถลงผลการตรวจสอบโครงการก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์ของกระทรวงกลาโหมในวันที่ 30 ธ.ค.ว่า จะมีการแถลงก็รอฟังสิ ถ้ายังไม่จบแค่นั้นก็ไปสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน(สตง.) คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.)

บิ๊กป้อมเตือน"เต้น"ระวังปมราชภักดิ์
      พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม กล่าวว่าวันที่ 30 ธ.ค. พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รองปลัดกระทรวงกลาโหม ประธานคณะกรรมการตรวจสอบโครงการก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์จะแถลงทั้งหมด เรื่องการใช้เงิน การดำเนินการในทุกขั้นตอน การใช้งบประมาณที่มีการบริจาคว่าทำอะไรบ้าง ซึ่งกรรมการชุดดังกล่าวเป็นการตรวจสอบข้อเท็จจริง ส่วนจะขยายผลโดยสตง. ป.ป.ช. ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง รัฐบาลนี้ทำงานทุกอย่างชัดเจน ไม่ต้องห่วง กองทัพก็เรียบร้อย ตำรวจก็เรียบร้อยไม่เห็นมีอะไร
      ส่วนที่มีข่าวนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เลขาธิการนปช.จะแถลงเรื่องการตรวจสอบอุทยานราช ภักดิ์ในวันที่ 31 ธ.ค.นี้ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่าเอาเลย อยากแถลงอะไรก็แถลงไป แต่ขอถามว่านายณัฐวุฒิเคยไปทำเรื่องราชภักดิ์หรือไม่ ใครอยากจะตรวจสอบก็ไปถามประธานที่จะแถลงในวันที่ 30 ธ.ค. ต่อข้อถามว่า หากนายณัฐวุฒิจะแถลงข่าวสามารถทำได้ใช่หรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่าจะแถลงเรื่องอะไร รู้หรือไม่ว่าคำว่าราชภักดิ์มาจากอะไร จะทำอะไรขอให้ระวัง อย่าไปคิดเอง เอาข้อเท็จจริงมาว่ากัน ไม่ใช่มาสร้างประเด็น เรื่องนี้ให้องค์กรตรวจสอบทุจริตเข้ามาดูแล้วจะเอาอะไรอีก ขอให้ไปช่วยถามทีว่าตัวเองเป็นใคร

'บิ๊กโด่ง'ซัดคนไม่หวังดีคอยขย่ม
    พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหม ในฐานะประธานมูลนิธิอุทยานราชภักดิ์ ให้สัมภาษณ์ว่า ตนคงไม่เข้าไปก้าวก่าย และไม่หนักใจเรื่องผลสอบ ยืนยันว่าตั้งใจดำเนินการก่อสร้างโครงการดังกล่าวและไม่มีการทุจริต ที่ผ่านมาไม่ได้ทำงานคนเดียว มีคณะกรรมการดำเนินงานชุดต่างๆ ที่รับผิดชอบร่วมกันและไม่ได้ปล่อยให้สิ่งที่ไม่ดีงามเกิดขึ้น
     รมช.กลาโหม กล่าวว่า อยากบอกว่าผ่านมา 2 เดือนแล้วที่ตีข่าวกันอยู่นั้น ไม่ได้มีผลดีขึ้นมาเลย เรื่องอุทยานราชภักดิ์ไม่มีอะไร แต่มีบางคนที่ปรารถนาไม่ดี ทำให้มีปัญหาไม่ดีไม่งามขึ้น ไม่ทุจริตก็จะทำให้มีการทุจริตให้ได้ แต่ขอบคุณคนไทยทุกคนที่ช่วยบริจาคเงินตั้งแต่ 5 บาท 10 บาทไปถึงหลายล้าน ร้อยล้านบาทก็ยังมี คนเหล่านี้ไม่เคยเอ่ยว่าโครงการ เพราะเขามั่นใจว่ากองทัพบกทำด้วยความตั้งใจ สุขใจ และภูมิใจที่จะทำ และทำจนเป็นผลสำเร็จมาระยะหนึ่งแล้ว แต่ยังไม่เสร็จสมบูรณ์ ซึ่งเราจะทำให้สมบูรณ์ต่อไป เพราะผู้บริจาคเงินนั้นรอคอยสิ่งที่สมบูรณ์ กองทัพบกและมูลนิธิจะดูแลสิ่งเหล่านี้

เตือนใครทำเสียหายต้องชดใช้
      พล.อ.อุดมเดชกล่าวว่า ขอให้สื่อเสนอข่าวในทางที่ดีได้แล้ว เพราะไม่มีอะไรเสียหาย และคนที่ไม่ปรารถนาดีอาจจะขุดหลุมพรางขึ้นมา เราควรจะขึ้นมาจากหลุมพรางเหล่านี้ได้แล้ว ใครที่ทำเพื่อกลบเกลื่อนเรื่องต่างๆ ที่ไม่ดีงาม โดยเอาเรื่องนี้มากลบเกลื่อน คิดว่าไม่เหมาะสมและบาปกรรมมาก
     "อุทยานราชภักดิ์เป็นสิ่งที่ต้องเคารพ โดยเฉพาะสื่อนั้น ผมให้ลูกน้องจดบันทึกไว้และคิดว่าอีกระยะหนึ่งต้องมีคนต้องชดใช้กับสิ่งที่เขาได้ทำความเสียหายต่อชื่อเสียงของอุทยาน มีบางสื่อไปเขียนภาพพระองค์ รู้หรือไม่ว่าคุณไม่เคารพอะไร เพราะพวกเราที่เป็นทหารและข้าราชการ เห็นภาพสิ่งที่เราเคารพรักไม่ว่าจะเป็นที่ใด เราก็ยกมือไหว้ แต่คนที่เอามาเขียนข่าวเล่น เขียนภาพเล่นๆ รู้หรือไม่ว่าจะผิดกฎหมายข้อใด ขอให้ระวัง ผมเก็บสิ่งเหล่านี้ไว้แล้วจะเอามาดูอีกครั้ง" พล.อ.อุดมเดชกล่าว

ลั่นอย่าสนใจคนไร้คุณค่า
     รมช.กลาโหม กล่าวว่า ขอให้ดูผลสอบของคณะกรรมการและเชื่อว่าจะให้ความเป็นธรรม ยืนยันว่าสิ่งที่ไม่มีอะไรก็คือไม่มีอะไร ไม่ได้ทุจริตก็อย่าให้ทุจริตเลย และอย่าไปให้คุณค่ากับบางคนที่เป็นตัวหลักเอ่ยหยอดถามประเด็นนั้นประเด็นนี้ หลายคนถ้าเห็นชื่อแล้วไม่มีคุณค่าทางสังคมและไม่มีคุณค่าต่อประเทศชาติอย่างไร ไปดูว่าเคยบริจาคสักบาทหรือไม่แล้วมากล่าวหากล่าวร้าย คนที่มั่นใจไม่เคยพูดสักคำ ทั้งที่เขาบริจาคเยอะแยะ ฉะนั้นเราต้องรักษาสิ่งที่ดีไว้
      เมื่อถามว่า ยังยืนยันจะทำงานในตำแหน่งต่อไปหรือไม่ พล.อ.อุดมเดชกล่าวว่าขอไม่พูดถึง และอย่าถามในสิ่งที่เขาคงไม่ให้คำตอบ เรามีภาระหน้าที่ก็ทำไปและผู้บังคับบัญชาต้องดูความเหมาะสมหลายอย่างประกอบกัน ทุกคนที่เข้ามาทำงานไม่ใช่นักการเมือง แต่เข้ามาทำหน้าที่การเมืองให้ในระยะหนึ่งที่สถานการณ์จำเป็นให้ทำและพยายามทำต่อไปให้ดีที่สุด ขอให้สื่อและประชาชนเข้าใจ และช่วยพยุงประเทศชาติไปให้ได้ สิ่งใดถูกสร้างเพื่อไม่ให้เกิดประโยชน์และมีเป้าหมายไม่ดี จะทำร้ายบุคคลหรือกลุ่มรัฐบาลขอให้ทุกคนช่วยกัน

นักข่าวสภางดตั้งฉายา
      วันเดียวกัน สื่อมวลชนประจำรัฐสภามีมติเสียงข้างมาก งดตั้งฉายาแก่ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองในฝ่ายนิติบัญญัติประจำปี 2558 อย่างไรก็ตาม แม้ในปี 2550 สื่อมวลชนประจำรัฐสภา ร่วมกันตั้งฉายาฝ่ายนิติบัญญัติที่มาจากรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว พ.ศ.2549 เพื่อสะท้อนถึงการปฏิบัติหน้าที่ในฐานะผู้แทนปวงชนชาวไทย แต่สถานการณ์การเมืองขณะนั้นไม่ได้มีความขัดแย้งรุนแรงเหมือนปัจจุบัน สื่อมวลชนประจำรัฐสภาจึงเห็นควรให้งดการตั้งฉายาออกไปก่อน เพื่อไม่ให้ฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดนำฉายาที่สื่อมวลชนตั้งขึ้นด้วยความสุจริตไปเป็นเครื่องมือ เพื่อขยายผลทางการเมือง
      ทั้งนี้ สื่อมวลชนประจำรัฐสภา ยังยืนยันจะทำหน้าที่ติดตามและตรวจสอบการทำงานของสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) และคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ภายใต้กรอบจรรยาบรรณของสื่อมวลชนต่อไป
     ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้สื่อมวลชนประจำทำเนียบรัฐบาล ได้ออกแถลงการณ์งดตั้งฉายาครม. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไปแล้วเช่นกัน

สธ.ถกปชช.ร่วมจ่ายบัตรทอง
    เมื่อเวลา 15.00 น. ที่กระทรวงสาธารณสุข นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร รมว.สาธารณสุข (สธ.) เป็นประธานประชุมร่วมกับคณะกรรมการจัดทำแนวทางการระดมทรัพยากรเพื่อความมั่นคงของระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า หรือบัตรทอง ใช้เวลากว่า 1 ชั่วโมง


เที่ยวพัทยา - น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี พาน้องไปป์ ด.ช.ศุภเสกข์ อมรฉัตร ลูกชาย ไปเที่ยวพักผ่อนในช่วงหยุดยาวเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ ที่ย่านพัทยา-นาเกลือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี เมื่อวันที่ 29 ธ.ค.

    นพ.สุวิทย์ วิบุลผลประเสริฐ ประธานอนุกรรมการศึกษาและจัดทำข้อเสนอการพัฒนากลไกกลางเพื่อลดความเหลื่อมล้ำในระบบหลักประกันสุขภาพภาครัฐ ให้สัมภาษณ์ว่า ได้ยื่นข้อเสนอต่อที่ประชุม เพื่อให้รัฐบาลพิจารณา 2 ทางเลือก เพื่อให้เกิดความยั่งยืนของระบบหลักประกันสุขภาพ ได้แก่ 1.ให้ประชาชนร่วมจ่าย และ 2.ไม่มีการร่วมจ่าย หากจะให้มีการร่วมจ่าย จะเป็นการจ่ายล่วงหน้า ไม่ใช่จ่ายที่จุดบริการ อาจแบ่งรายได้ประชาชนเป็น 3-5 ระดับว่าใครควรจ่ายในอัตราใด โดยระบบประกันสังคมหรือสวัสดิการข้าราชการ ก็ต้องร่วมจ่ายด้วย

หมอปิยะสกลเร่งตั้งกก.ศึกษา
     นพ.สุวิทย์ กล่าวว่า นอกจากนี้ รูปแบบการจ่ายอาจผ่านระบบภาษีเงินได้ ภาษีมูลค่าเพิ่ม หรือการร่วมจ่ายแบบเดียวกับประกันสังคม แต่หลักการสำคัญคือ อัตราที่กองทุนจ่ายให้ผู้ให้บริการ ต้องต่างกันไม่เกิน 10% ไม่ใช่ข้าราชการปีละหมื่นกว่าบาท บัตรทองปีละ 3,000 บาทอย่างในปัจจุบัน เพื่อไม่ให้เกิดความเหลื่อมล้ำ อย่างไรก็ตาม จะมีคนที่ต้องร่วมจ่ายที่จุดบริการ คือผู้ที่ประกาศตัวว่ารวย จากการใช้ห้องพิเศษหรือคลินิกพิเศษ
     ด้านนพ.ปิยะสกลกล่าวว่า มีการประชุมคณะกรรมการไปแล้ว 4 ครั้ง ซึ่งตนจะรับทุกข้อเสนอไปพิจารณาถึงข้อดีข้อเสีย แต่ต้องดูตามภาวะความเป็นจริง เมื่อแก้ปัญหาหนึ่งแล้วจะไม่เกิดปัญหาอื่นตามมา โดยจะตั้งคณะทำงานเพื่อพิจารณาทุกข้อเสนอให้เร็วที่สุด คาดว่าหลังปีใหม่จะได้คณะกรรมการทันที แต่อาจจะยังไม่ปรับเปลี่ยนทันทีในปี 2559

ตีตก"มาร์ค-เทือก-ป๊อก"สลายแดง
    เมื่อเวลา 16.30 น. ที่สำนักงานป.ป.ช. นายสรรเสริญ พลเจียก เลขาธิการป.ป.ช. ในฐานะโฆษกสำนักงานป.ป.ช. แถลงมติที่ประชุมคณะกรรมการป.ป.ช. กรณีคำร้องขอให้ถอดถอนและคำกล่าวหานายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกฯ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เมื่อครั้งเป็นรองนายกฯ และพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา เมื่อครั้งเป็นผบ.ทบ. กับพวก ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ สั่งใช้กำลังทหาร ตำรวจ และข้าราชการ สลายการชุมนุมของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ในวันที่ 10 เม.ย. ถึง 19 พ.ค.2553 จนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก
      จากการไต่สวนปรากฏข้อเท็จจริงว่า ขณะเกิดเหตุที่มีการสั่งใช้กำลังทหารพร้อมอาวุธปืนติดตัว เข้าขอคืนพื้นที่จากผู้ชุมนุมนปช. ในช่วงดังกล่าวเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บนั้น อยู่ในช่วงการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง ซึ่งปรากฏข้อเท็จจริงตามคำพิพากษาของศาลว่า การชุมนุมของกลุ่ม นปช. มิใช่การชุมนุมโดยสงบตามรัฐธรรมนูญ และมีบุคคลที่มีอาวุธปืนปะปนอยู่ในกลุ่มผู้ชุมนุม จึงจำเป็นที่ศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) ต้องใช้มาตรการขอพื้นที่คืน เพื่อให้เกิดความสงบสุขในบ้านเมือง โดยมีคำสั่งให้พนักงานเจ้าหน้าที่นำอาวุธติดตัว หากจำเป็นสามารถนำมาใช้เพื่อระงับยับยั้งได้ตามสถานการณ์หรือเหตุการณ์เฉพาะหน้า หรือป้องกันตนเองได้ เป็นไปตามหลักสากล ตามนัยคำพิพากษาศาลแพ่งในคดีหมายเลขดำที่ 1433/2553

ส่งดีเอสไอฟันเจ้าหน้าที่
     แม้คำสั่งจะเป็นไปตามหลักสากล แต่เป็นความรับผิดชอบของเจ้าหน้าที่ต้องระมัดระวังในการใช้อาวุธปืนตามความจำเป็นและพอสมควรแก่เหตุ เป็นภาระที่หนักและยากยิ่งในการปฏิบัติ แต่เจ้าหน้าที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงความรับผิดชอบได้ หากภายหลังพิสูจน์ได้ว่ามีการใช้อาวุธปืนโดยไม่สุจริต เลือกปฏิบัติ และเกินสมควรแก่เหตุหรือเกินกว่ากรณีจำเป็น จนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บ อันเป็นความรับผิดเฉพาะตัว เช่นเดียวกับนายทหารระดับผู้บังคับบัญชาในพื้นที่ จะต้องรับผิดกรณีที่พิสูจน์ได้ว่า รู้ว่าเจ้าหน้าที่ที่อยู่ใต้บังคับบัญชาได้ใช้หรืออยู่ระหว่างใช้กำลังบังคับและอาวุธปืนโดยไม่ถูกต้องตามกฎหมายแล้วไม่ยับยั้ง ป้องกัน และรายงานเหตุ
      คดีการเสียชีวิตและบาดเจ็บของประชาชนในเหตุการณ์เดียวกันนี้ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ได้รับเป็นคดีพิเศษด้วย จึงมีมติให้ส่งเรื่องการดำเนินการกับเจ้าหน้าที่ทหารที่ทำให้เกิดการเสียชีวิตและบาดเจ็บ รวมถึงนายทหารระดับผู้บังคับบัญชาในพื้นที่ ซึ่งมิใช่บุคคลตามมาตรา 66 ให้ดีเอสไอดำเนินการต่อไป ตามพ.ร.บ.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 มาตรา 89/2

คนสั่งการ-ปฏิบัติโดยชอบ
     สำหรับ ประเด็นการกล่าวหานายอภิสิทธิ์ นายสุเทพ และพล.อ.อนุพงษ์ กับพวก กรณีละเว้นไม่สั่งระงับยับยั้ง ทบทวนวิธีการหรือปรับเปลี่ยนรูปแบบการใช้กำลังทหารนั้น จากการไต่สวนปรากฏข้อเท็จจริงว่า หลังเกิดเหตุ การณ์การขอคืนพื้นที่ชุมนุมเมื่อวันที่ 10 เม.ย.2553 จนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บแล้ว ศอฉ.ได้ทบทวนปรับเปลี่ยนรูปแบบวิธีปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ โดยไม่ใช้กำลังเจ้าหน้าที่เข้าผลักดันผู้ชุมนุมอีกต่อไป แต่ใช้มาตรการตั้งด่านตรวจ หรือจุดสกัดปิดล้อมวงนอกไว้โดยรอบ เพื่อให้ผู้ชุมนุมยุติการชุมนุมไปเอง โดยการปฏิบัติในวันที่ 14 พ.ค.2553 เป็นการตั้งด่านอยู่กับที่ทุกแห่ง
      แต่ในวันที่ 19 พ.ค.2553 เจ้าหน้าที่ได้เคลื่อนกำลังเข้าควบคุมพื้นที่สวนลุมพินี โดยไม่ได้ผลักดันต่อผู้ชุมนุมที่แยกราชประสงค์โดยตรง แต่กดดันต่อกองกำลังติดอาวุธที่ยึดสวนลุมพินีอยู่ ซึ่งการปฏิบัติกระชับพื้นที่สวนลุมพินี ในวันที่ 19 พ.ค.2553 เจ้าหน้าที่ดำเนินการตามขั้นตอน ประกาศให้ผู้ชุมนุมออกจากพื้นที่ก่อน หลังประกาศแล้ว เจ้าหน้าที่จึงเข้าไป ดังนั้น ข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานที่ได้จากการไต่สวน ยังรับฟังไม่ได้ว่า ผู้ถูกกล่าวหาทั้งสาม กับพวก ได้ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบดำเนินการเรื่องดังกล่าว โดยมีเจตนาเพื่อให้เกิดความเสียหายกับประชาชนผู้บริสุทธิ์ หรือเป็นผู้ก่อหรือใช้ให้มีการฆ่าผู้อื่น โดยเจตนาเล็งเห็นผลป.ป.ช.จึงมีมติให้ข้อกล่าวหาตกไปเช่นกัน

มติป.ป.ช.เอกฉันท์ 7:0
     ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คดีดังกล่าวมีคณะ กรรมการป.ป.ช.ทั้งคณะ ซึ่งเป็นชุดเดิม เนื่องจากป.ป.ช.ชุดใหม่ยังไม่เข้าปฏิบัติหน้าที่ เป็นองค์คณะไต่สวน โดยมอบให้นายวิชา มหาคุณ เป็นผู้รับผิดชอบสำนวนคดี ซึ่งการประชุมคณะกรรมการป.ป.ช.เมื่อวันที่ 29 ธ.ค.2558 ที่มีการลงมตินั้น มีคณะกรรมการอยู่ครบ 7 คน คือนายวิชา น.ส.สุภา ปิยะจิตติ นายประสาท พงษ์ศิวาภัย นายภักดี โพธิศิริ นายณรงค์ รัฐอมฤต นายปรีชา เลิศกมลมาศ พล.ต.อ.สถาพร หลาวทอง และลงมติด้วยเสียงเอกฉันท์ 7 ต่อ 0 เสียง ส่วนนายปานเทพ กล้าณรงค์ราญ และนายวิชัย วิวิตเสวี พ้นวาระไปแล้วเนื่องจากอายุ 70 ปี
    รายงานข่าว เปิดเผยว่า จากการไต่สวนถือว่าผู้ถูกกล่าวหาทั้ง 3 กับพวก ทำตามหน้าที่โดยมีมาตรการจากเบาไปหาหนักแล้ว ส่วนเรื่องที่มีมติส่งไปให้ดีเอสไอสอบสวนต่อนั้น คือกรณีมีผู้เสียชีวิตจำนวนมากในที่เกิดเหตุ เพื่อให้ดีเอสไอสอบสวนเพื่อหาตัวผู้กระทำผิดกรณีทำให้มีการตายเกิดขึ้น หรือการฆ่าคนตายที่เกิดขึ้นจากผู้ที่ยิง ถือเป็นผู้ที่เกี่ยวข้องโดยตรง ไม่เกี่ยวข้องกับผู้สั่งการแต่อย่างใด

'ตู่'ชี้เรื่องนี้ไม่จบง่ายๆ
     นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานนปช. กล่าวว่า คดีนี้ไม่ควรมาที่ป.ป.ช.ตั้งแต่ต้น เพราะดีเอสไอทำสำนวนส่งฟ้องศาลอาญาผ่านความผิดเจตนาฆ่าคนตายโดยเล็งเห็นผล จึงต้องไปฟ้องต่อศาลอาญา เพราะป.ป.ช.ไม่มีอำนาจพิจารณาคดีฆ่าคนตาย และเมื่อส่งสำนวนไปที่ป.ป.ช.ว่าเป็นการตายผิดธรรม ชาติที่เกิดจากการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่จากคำสั่งของศอฉ. แต่นายอภิสิทธิ์และนาย สุเทพ เห็นว่าจะร้องต่อศาลอาญาไม่ได้ เพราะเป็นเรื่องของการปฏิบัติหน้าที่ ดังนั้น จึงไม่ใช่เรื่องที่ต้องส่งไปป.ป.ช.ตั้งแต่ต้น สอดคล้องกับความเห็นของอธิบดีศาลอาญาขณะนั้น ที่เห็นว่าเป็นอำนาจศาลอาญา เพราะเป็นคดีฆ่าคนตาย ซึ่งขณะนี้คดีอยู่ในขั้นตอนชั้นศาลอุทธรณ์พิจารณาว่าจะเป็นอำนาจของศาลอาญา ไม่ใช่ป.ป.ช.
      นายจตุพรกล่าวว่า มติของป.ป.ช.วันนี้ไม่เหนือความคาดหมายและใครที่เป็นคนไทยก็มองเจตนาออก หากใครมองไม่ออกก็เป็นเรื่องที่ผิดปกติแล้ว ตนมองว่าเรื่องนี้ยังอีกยาวไกล ต้องต่อสู้กันไปในอนาคตในส่วนของการฆ่าคนตาย และเห็นว่าการจะเอาความผิดเฉพาะเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติคงไม่ได้ จึงได้บอกว่าเรื่องนี้ยังไม่จบได้โดยง่าย แต่ในข่าวร้ายก็ยังมีข่าวดี ที่ศาลแพ่งวินิจฉัยยกคำร้องนายอภิสิทธิ์ ที่ฟ้องพล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต อดีตรมว.กลาโหม ที่มีคำสั่งปลดนายอภิสิทธิ์ ออกจากราชการกรณีใช้เอกสารเท็จสมัครเป็นอาจารย์โรงเรียนนายร้อย ซึ่งเท่ากับว่าคำสั่งปลดมีผลสมบูรณ์ และหากมองต่อไปก็ส่งผลให้นายอภิสิทธิ์ ขาดคุณสมบัติในการลงสมัครรับเลือกตั้ง เท่ากับนายอภิสิทธิ์ ถูกตัดสิทธิทางการเมืองตลอดชีวิต

มติบกพร่องรุนแรง
      ด้านนพ.เหวง โตจิราการ แกนนำนปช. กล่าวว่า ไม่เห็นด้วยกับมติของป.ป.ช. ที่อ้างว่ากลุ่มนปช.ได้ชุมนุมโดยไม่สงบและมีการใช้อาวุธเพราะไม่เป็นความจริง ซึ่งคำสั่งของศาลแพ่งคดีดำ 1433/2553 ที่ป.ป.ช.ยกมากล่าวอ้างนั้นระบุว่าการชุมนุมขัดขวางการจราจร ไม่ใช่บอกว่าชุมนุมโดยมีอาวุธ หากจะอ้างเช่นนี้ ป.ป.ช.ควรนำเอกสารคำพิพากษาของศาลอาญามาแสดงว่ามีการชุมนุมโดยมีอาวุธ ไม่ใช่เอาคำสั่งของศาลแพ่งมาอ้าง ดังนั้น มติของป.ป.ช.ในข้อนี้ถือว่ามีจุดบกพร่องรุนแรง รับฟังไม่ได้ และยืนยันว่าเราไม่มีกองกำลังติดอาวุธในคืนที่สวนลุมพินีอย่างแน่นอน
    ส่วนที่ป.ป.ช.ระบุว่ามีคำสั่งให้ปรับเปลี่ยนรูปแบบการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่โดยไม่ให้ใช้กำลัง และให้ดูแลสถานการณ์รอบนอก แต่ปรากฏว่าหลังจากมีคำสั่งยังมีกลุ่มเสื้อแดงถูกยิงที่ราชปรารภ บ่อนไก่ ซอยรางน้ำ รวมทั้งการยิงพล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือเสธ.แดง มีผู้เสียชีวิตประมาณ 30-40 ศพ ดังนั้น การจะบอกว่าปรับการทำงานโดยไม่ใช้กำลังตามที่ป.ป.ช.ยกขึ้นมาเป็นเหตุผล จึงฟังไม่ได้และนปช.จะหารือกันก่อนจะมีท่าทีในเรื่องนี้อีกครั้ง

สตง.เล็งสอบกทม.ทุ่มโชว์ไฟ
      เมื่อวันที่ 29 ธ.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรณีที่มีการวิจารณ์ความคุ้มค่าโครงการประดับไฟเปิดไฟแอลอีดี จำนวน 5 ล้านดวงบริเวณลานคนเมือง หน้าศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร (กทม.) ใช้งบประมาณดำเนินการกว่า 39 ล้านบาท ซึ่งกทม.จะเปิดไฟประดับให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวได้เที่ยวชมกันตั้งแต่วันที่ 30 ธ.ค.เป็นต้นไป ตั้งแต่เวลา 18.00-24.00 น. เป็นเวลา 1 เดือน ส่วนในวันที่ 31 ธ.ค. จะเปิดไฟประดับดังกล่าวตลอดทั้งคืน เพื่อเฉลิมฉลองการเข้าสู่เทศกาลปีใหม่
   ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯกทม. กล่าวว่า โครงการดังกล่าวคุ้มค่า เพราะบางคนอาจได้เห็นความสวยงามดังกล่าวในหนึ่งครั้งของชีวิต ยืนยันว่ากทม.ได้จัดสรรงบประมาณอย่างเหมาะสม มีแนวคิดแปลกใหม่ในการทำงาน และพร้อมให้ทุกฝ่ายเข้าตรวจสอบ
     ขณะที่ นายพิศิษฐ์ ลีลาวชิโรภาส ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) กล่าวว่า ได้มีการขอเอกสารการดำเนินโครงการจากกทม.พบว่า เป็นการใช้งบประมาณฉุกเฉิน 40 ล้านบาท เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวของกทม.ในช่วงเทศกาลปีใหม่ ซึ่งตามสัญญาผู้รับจ้างจะเริ่มดำเนินการตั้งแต่วันที่ 30 ธ.ค.2558 - 31 ม.ค.2559 จึงตั้งข้อสังเกตถึงการใช้งบประมาณว่าผิดวัตถุประสงค์หรือไม่ เนื่องจากโครงการลักษณะเช่นนี้ สามารถวางแผนโครงการล่วงหน้า และใช้งบประมาณปกติได้ อีกทั้งยังเห็นว่า การติดไฟในพื้นที่ดังกล่าว อาจไม่ได้ส่งเสริมการท่องเที่ยวเท่าที่ควร เนื่องจากบริเวณดังกล่าวอาจไม่ใช่จุดดึงดูดนักท่องเที่ยว และระยะเวลาการประชาสัมพันธ์ก็มีน้อยเกินไป
      นายรักษเกชา แฉ่ฉาย เลขาธิการ สตง. กล่าวถึงกระแสวิจารณ์กทม.ทุ่มเงินกว่า 39 ล้านบาท จัดอุโมงค์ไฟฟ้าฉลองปีใหม่แต่อ้างว่าไม่มีระเบียบทางราชการจ่ายเงินเยียวยาประชาชนประสบอุบัติเหตุตกฝาท่อระบายน้ำของกทม. และได้รับบาดเจ็บว่า เรื่องนี้หากประชาชนมีข้อสงสัยหรือคิดว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมจากรัฐก็ร้องมาที่สตง.ได้ เพื่อให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงหรือหาทางเยียวยาให้ตามกฎหมาย

ศาลยกคดี'มาร์ค'ฟ้อง'สุกำพล'
       วันที่ 29 ธ.ค. ที่ศาลแพ่ง ถนนรัชดาภิเษก ศาลแพ่งมีคำพิพากษาในคดีที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นโจทก์ยื่นฟ้องรมว.กลาโหม ขอให้ศาลเพิกถอนคำสั่งของกระทรวงกลาโหมที่ 1163/2555 ลงวันที่ 8 พ.ย. ปลดร.ต.อภิสิทธิ์ออกจากราชการ
     ศาลพิจารณาแล้วเห็นว่า เหตุที่จำเลยปลดโจทก์ออกจากราชการ เนื่องจากโจทก์ขาดการตรวจเลือกทหารแล้วนำใบสำคัญ (ใบสด.9) แทนฉบับที่ชำรุดสูญหายอันเป็นเท็จ มาแสดงต่อสัสดีจังหวัดนครนายก ทำให้สัสดีจังหวัดนครนายกไม่ทราบความจริงว่าโจทก์ครบเวลาที่จะต้องเข้ารับการตรวจเลือกทหาร จึงไม่ได้ระบุสถานะว่าเป็นผู้ขาดการเกณฑ์ทหาร เป็นเหตุให้สัสดีจังหวัดนครนายกออกใบสำคัญ สด.3 (ใบขึ้นทะเบียนกองประจำการ) ให้แก่โจทก์ อีกทั้งโจทก์ไม่มีใบสด.41 ซึ่งเป็นเอกสารแสดงว่าได้รับการผ่อนผันกรณีศึกษาที่ต่างประเทศว่าไม่ต้องเข้ารับการตรวจเลือกทหาร โจทก์จึงเป็นผู้ขาดคุณสมบัติและไม่มีคุณสมบัติที่จะบรรจุเข้ารับราชการกลาโหมพลเรือนชั้นสัญญาบัตรได้ การสมัครและบรรจุโจทก์เป็นข้าราชการกลาโหมพลเรือนชั้นสัญญาบัตร กับการแต่งตั้งโจทก์เป็นนายทหารสัญญาบัตรฯ ตามคำสั่งกระทรวงกลาโหมเป็นการไม่ชอบ คำสั่งของจำเลยที่ให้ปลดโจทก์ออกจากราชการ จึงเป็น คำสั่งที่ชอบแล้ว ไม่มีเหตุเพิกถอนคำสั่งของจำเลย
       ด้านนายไพบูลย์ โพธิ์น้อย ทีมทนายความเปิดเผยว่า คดีนี้นายอภิสิทธิ์เป็นโจทก์ยื่นฟ้องพล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต อดีตรมว.กลาโหม โดยทางทีมทนายเพิ่งทราบคำพิพากษาแบบ ฉุกละหุก จึงยังไม่สามารถให้ข้อมูลอะไรได้ ต้องขอศึกษารายละเอียดก่อนว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!