WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

วันที่ 09 มกราคม พ.ศ. 2558 เวลา 14:23 น.  ข่าวสดออนไลน์                  

สรุปประเด็นยิ่งลักษณ์ แถลงคัดค้านข้อหาทุจริตจำนำข้าว(มีคลิป)

   เมื่อวันที่ 9 ม.ค. น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เดินทางไปแถลงยังห้องประชุมรัฐสภา เปิดคดีคัดค้านข้อกล่าวหาในคดีทุจริตโครงการรับจำนำข้าว ตามที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ชี้มูลความผิด ต่อสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ตามกระบวนการถอดถอน ด้วยท่าทีสงบ สีหน้านิ่งเรียบ ไม่แสดงความกังวลกับการชี้แจงดังกล่าว

  ทั้งนี้ ในเอกสารคำแถลงความหนา 139 หน้า มีเนื้อหาสรุปประเด็นสำคัญดังนี้

1.ความเป็นมาของนโยบาย

   โครงการรับจำนำข้าวเป็นโครงการที่การดำเนินการในหลายยุคหลายสมัยตั้งแต่รัฐบาลพล.อ.เปรมติณสูลานนท์ในปี 2524 เรื่อยมา ว่างเว้นก็แต่ในรัฐบาลของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ช่วงปี 2552 ถึงต้นปี 2554 ที่ใช้แนวทางการประกันรายได้เกษตรกร

   การอุดหนุนสินค้าเกษตรนั้น ทุกรัฐบาล ทุกประเทศอื่นๆ ในโลกต่างมีโครงการช่วยเหลือเกษตรกร ไม่ต่างจากโครงการรับจำนำข้าว  ที่ไม่ได้บิดเบือนกลไกตลาด แต่สร้างความเป็นธรรม ในตลาดเสรี ให้รายได้และกำไรอยู่ตกอยู่ในมือชาวนาเพิ่มมากขึ้น

   โครงการรับจำนำข้าว เป็นโครงการช่วยเหลือชาวนา ถือว่าเป็นการลงทุนของประเทศชาติ จึงไม่ควรจะคิดกำไร-ขาดทุนจากโครงการที่พัฒนาขึ้นเพื่อช่วยเหลือชาวนา ซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศ เป็นกระดูกสันหลังของชาติ

2.ไขข้อข้องใจต่อโครงการรับจำนำข้าว

   2.1 ทำไมกำหนดราคารับจำนำข้าวที่ตันละ 15,000 บาท และรับจำนำทุกเม็ด

   กำหนดราคาจำนำข้าวเปลือกตันละ 15,000 บาท เพื่อแก้ปัญหาและข้อบกพร่องโครงการรับจำนำข้าวในอดีตที่ต่ำกว่าตลาด และแค่ร้อยละ 10 ของการผลิตข้าวในประเทศ เพื่อให้มีแรงผลักดันให้ข้าวเปลือกราคาสูง ทำให้ชาวนามีรายได้ที่เหมาะสม คุ้มค่าต่อการลงทุน

   โดยวางระดับรายได้ชาวนาใกล้เคียงกับรายได้ของผู้ใช้แรงงานคือมีรายได้ประมาณ240บาทต่อคนต่อวันใกล้เคียงกับแรงงานขั้นต่ำ 300 บาทต่อวัน

   การรับจำนำข้าวทุกเม็ดเมื่อรวมกับการกำหนดราคาที่ตันละ 15,000 บาท จะทำให้ราคาข้าวเปลือกอยู่ในระดับที่สูงตามไปด้วย ชาวนาที่ไม่ได้เข้าร่วมโครงการก็จะได้รับผลประโยชน์เช่นกัน

   แม้รับจำนำทุกเม็ดแต่ข้าวทั้งปีการผลิต38ล้านตันฤดูกาลผลิต2555/56 มีข้าวที่เข้าร่วมโครงการเพียง 22 ล้านตัน หรือ 58% คงเหลือข้าวอยู่นอกโครงการ 16 ล้านตัน

2.2 จริงหรือที่โครงการรับจำนำข้าวบิดเบือนกลไกตลาด?

   โครงการรับจำนำข้าวไม่ได้บิดเบือนกลไกตลาดแต่ช่วยให้การกำหนดราคาข้าวเหมาะสมขึ้นประโยชน์ตกอยู่กับชาวนาโดยรัฐบาลรับเอาความเสี่ยงจากชาวนามาบริหารทำให้ชาวนามีอำนาจต่อรองมากขึ้น และทำให้ตลาดการค้าข้าวเสรีŽและเป็นธรรมŽ

   รัฐเองไม่ได้ซื้อข้าวแต่ผู้เดียวตามที่มีการกล่าวหา เพราะพ่อค้าข้าวยังสามารถซื้อข้าวเปลือกได้มากถึงร้อยละ 40-50 ของผลผลิต

   และแม้ช่วงแรกจะประกาศจำนำข้าวเปลือกทุกเม็ด แต่เมื่อดำเนินการไปแล้วจากผลผลิตข้าว 38 ล้านตัน มีข้าวเปลือกมาจำนำ 22 ล้านตัน หรือร้อยละ 58 จึงยังคงมีข้าวในตลาดที่พ่อค้าสามารถซื้อขายได้อย่างเสรีอีกร้อยละ 42

  ช่วงต่อมา ปริมาณข้าวที่จะจำนำลดลง เพราะรัฐบาลจำกัดให้แต่ละรายไม่เกินมูลค่า 500,000 บาท และ 350,000 บาทต่อรายในที่สุด

  ปี 2556/2557 รับจำนำข้าวเพียง 16.5 ล้านตัน จากผลผลิต 38 ล้านตัน หรือเพียงร้อยละ 44 ทำให้มีข้าวเปลือกที่อยู่วงจรการค้าข้าวของพ่อค้าข้าวถึงร้อยละ 56

   การระบายข้าว กระทรวงพาณิชย์ดำเนินการขายข้าวตามกรอบยุทธศาสตร์ 5 วิธี เหมือนการขายข้าวในรัฐบาลที่ผ่านๆ มา จนถึงรัฐบาลปัจจุบันของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา

2.3 ปล่อยให้มีการทุจริตและการระบายข้าวของรัฐบาล ?

   โครงการรับจำนำข้าวและการระบายข้าวดำเนินการมาก่อนหน้ารัฐบาลน.ส.ยิ่งลักษณ์แล้วไม่ต่ำกว่า32ปีกระบวนการและขั้นตอนรวมถึงองค์ประกอบของคณะทำงานคล้ายคลึงกัน หลายขั้นตอนถูกนำไปใช้ในโครงการประกันรายได้ในรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เช่นกัน

   รัฐบาลของตนได้สร้างมาตรการเพิ่มเติมเพื่อป้องกัน ปราบปราม ตรวจสอบ ลดความเสี่ยงและดำเนินการในเรื่องต่างๆ ในกำกับ ควบคุม ดูแล โดยไม่เพิกเฉยหรือละเลยเพื่อป้องกันความเสียหาย

   นำปัญหาในอดีตมาปรับปรุงเพื่ออุดช่องว่างขั้นตอนการปฏิบัติได้กำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพัฒนาปรับปรุงอยู่ตลอดเวลาโดยนำข้อเสนอจากผู้บริหารโครงการผู้ปฏิบัติโรงสี ชาวนา พ่อค้าข้าว ฯลฯ

   รวมถึงข้อเสนอแนะจากหน่วยงานภายนอกอย่าง คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินด้วย (สตง.)

   เป็นรัฐบาลแรกที่แต่งตั้งคณะอนุกรรมการปิดบัญชีโครงการรับจำนำข้าวตามนโยบายของรัฐบาลซึ่งทำเรื่องปิดบัญชีข้าวโดยเฉพาะทำให้การดำเนินโครงการมีประสิทธิภาพและป้องกันการทุจริต

   เพื่อป้องกันการทุจริตการประชุมคณะรัฐมนตรี19มิ.ย. 2555 มีมติมอบหมายให้ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกฯ เป็นประธานคณะกรรมการ จับกุมผู้กระทำความผิดและสั่งให้ดำเนินคดีจำนวน 276 คดี

   กรณีมีข้อกล่าวหาเรื่องระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) มีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง นางวัชรี วิมุกตายน ปลัดฯพาณิชย์เป็นประธาน สรุปผลว่าเป็นการดำเนินการที่ถูกต้อง

   กรณีการกล่าวหาทุจริตโครงการข้าวถุงแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงมีนายสมชาติ สร้อยทอง อธิบดีกรมการค้าภายในเป็นประธาน

   ช่วงดำเนินโครงการมีโรงสีทุจริต จึงมีการตัดสิทธิโรงสีและไม่อนุญาตให้เข้าร่วมโครงการ 12 ราย ในพื้นที่ 9 จังหวัด

2.4 ข้อกล่าวหาข้าวคุณภาพต่ำและรับจำนำข้ามเขต

   มีประกาศห้ามไม่รับจำนำข้าวคุณภาพต่ำ18สายพันธุ์เช่น พวงทอง พวงเงิน พวงแก้ว โพธิ์ทองของคลองหลวง และสามพราน 1 และห้ามไม่ให้รับจำนำข้าวอายุสั้นกว่า 110 วัน

   กำหนดราคารับจำนำข้าวสูงต่ำตามคุณภาพข้าว ราคาตันละ 15,000 บาท เฉพาะข้าวเปลือกเจ้า 100% 

   ส่วนข้อกล่าวหาเรื่องการสวมสิทธิ์ข้าวหรือลักลอบนำข้าวข้ามเขตนั้น มีอนุกรรมการรับจำนำข้าวระดับจังหวัดและคณะทำงานจังหวัดมีผู้ว่าฯ เป็นประธาน ตรวจข้าวที่เข้าโครงการ ป้องกันการสวมสิทธิ์และปลอมปนข้าว 

2.5 กรณีข้าวหาย ข้าวเน่าและข้าวเสื่อมคุณภาพ ใครเป็นผู้รับผิดชอบ

  ประเทศชาติจะไม่ได้รับความเสียหายจากกรณีดังกล่าวเลย เพราะมีผู้รับผิดชอบแต่ละขั้นตอนที่ชัดเจน มีผู้รับผิดตามสัญญาแต่ละกรณี เช่น อคส. อตก. เจ้าของโกดัง เซอร์เวย์เยอร์ ประกันภัย ฯลฯ

2.6 การระบายข้าวแบบจีทูจี นายกฯ รับรู้และดำเนินการอย่างไร

  กรณี ป.ป.ช.เห็นว่าคำจำกัดความของ รัฐบาลของประเทศผู้ซื้อŽหากเป็นรัฐวิสาหกิจต้องถือหุ้น 100% โดยรัฐบาลกลางเท่านั้น ขณะที่กระทรวงพาณิชย์ถือปฏิบัติตามทุกรัฐบาลที่ผ่านมา ยอมให้รัฐวิสาหกิจที่ถือหุ้น 100% โดยรัฐบาลมณฑล หรือรัฐบาลท้องถิ่น ทำสัญญารัฐต่อรัฐได้

   แต่นายกฯ สั่งการให้กระทรวงพาณิชย์พิจารณาสัญญาที่จะมีการลงนาม หรือลงนามแล้วแต่ยังไม่มีการส่งมอบ ให้ปฏิบัติตามความเห็นของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ไว้ก่อน

   เป็นผลให้กระทรวงพาณิชย์ยกเลิกสัญญาซื้อข้าวแบบรัฐต่อรัฐของรัฐวิสาหกิจของมณฑลเฮยหลงเจียงประเทศจีนจำนวน1.2 ล้านตัน มูลค่าเกือบ 20,000 ล้านบาท

   และในหลักการบริหาร หากมีการกระทำการทุจริตประพฤติมิชอบในระดับปฏิบัติแล้ว จะให้นายกฯ ร่วมรับผิดชอบการประพฤติทุจริตของฝ่ายปฏิบัติการนั้นๆ ย่อมไม่ใช่วิสัย

2.7 โครงการรับจำนำข้าวไม่ขาดทุน และไม่ทำให้ประเทศชาติเสียหาย

   รายงานการปิดบัญชีโครงการรับจำนำข้าวของคณะอนุกรรมการปิดบัญชีฯทำมาพิจารณาเฉพาะผลโดยตรงและมีข้อโต้แย้งทั้งการไม่บันทึกบัญชีข้าวบางส่วนการคำนวณมูลค่าสต๊อกคงเหลือ การเสื่อมราคาข้าว ไม่ได้บันทึกบัญชีข้าวสารครบถ้วน

   ดังนั้น เงินที่ใช้ในโครงการที่คณะอนุกรรมการปิดบัญชีฯ เรียกว่า ขาดทุนŽสำหรับการปิดบัญชีวันที่31 พ.ค. 2556 ควรจะเป็นประมาณ 219,432 ล้านบาท ไม่ใช่ 332,372 ล้านบาท

  2.8 โครงการรับจำนำข้าวไม่ทำให้เสียวินัยการเงินการคลัง ไม่สร้างปัญหาหนี้สาธารณะ

   การจัดสรรวงเงิน ครม.มีมติให้ ธ.ก.ส. เป็นผู้กู้เงิน กระทรวงการคลังค้ำประกัน วงเงินที่ใช้แต่ละปีเป็นตามกรอบกฎหมายการกู้เงิน พ.ร.บ.หนี้สาธารณะ ที่กำหนดให้กระทรวงการคลังค้ำประกันได้ไม่เกินร้อยละ 20 ของงบฯ รายจ่ายประจำปีและงบฯ เพิ่มเติม

   ระดับหนี้สาธารณะต่อจีดีพีมีสถานะ ณ สิ้นปี 2556 หลังยุบสภาอยู่ที่เพียง 5.449 ล้านล้านบาท หรือเพียงร้อยละ 45.71 ของจีดีพี มีการยืนยันจากรัฐบาลชุดปัจจุบันของพล.อ.ประยุทธ์ ว่า สถานะการเงินของประเทศมีเงินคงคลังอยู่ถึง 3 แสนกว่าล้านบาท ยังมั่นคงอยู่มาก

   2.9 ปัญหาการจ่ายเงินชาวนาในปี 2556/57 ไม่ได้เกิดจากนโยบายการรับจำนำข้าว

   การดำเนินงานโครงการตั้งแต่ปี 2554 เป็นต้นมา ไม่เคยมีปัญหาเรื่องการจ่ายเงินค่าจำนำข้าวแก่ชาวนา ปัญหาเกิดขึ้นในฤดูกาลผลิตนาปี 2556/2557 ตั้งแต่ ต.ค. 2556 มีสาเหตุมาจากความขัดแย้งทางการเมืองที่ฝ่ายต่อต้านรัฐบาลใช้ชาวนาเป็นเครื่องมือ ขัดขวาง ทำให้ธนาคารรัฐและรัฐบาลไม่สามารถกู้เงินได้

    2.10 ข้อกล่าวหาที่ว่าชาวนายากจนได้ประโยชน์จากโครงการน้อยกว่าชาวนาที่มีฐานะปานกลางและฐานะดี

    ข้อมูลของธ.ก.ส.มูลค่าการจำนำข้าวเฉลี่ยตั้งแต่เริ่มโครงการปลายปี2554จนถึงฤดูกาลนาปี 2556/2557 ชาวนามากกว่าครึ่ง คือร้อยละ 54 ได้รับเงินจากการจำนำข้าว ไม่เกินรายละ 150,000 บาท (เป็นชาวนารายเล็กที่มีที่ดินไม่เกิน 12 ไร่)

   และประมาณร้อยละ 64 ได้รับเงินจำนำข้าวไม่เกิน 200,000 บาท (เป็นชาวนาที่มีที่ดินไม่เกิน 25 ไร่)

   และในฤดูกาลผลิตนาปี 2556/2557 มีการจำกัดให้ชาวนาจำนำได้รายละไม่เกิน 350,000 บาท มีชาวนาถึงร้อยละ 79 ที่ได้รับเงินจำนำไม่เกินรายละ 200,000 บาท

   2.11 ข้อกล่าวหาเรื่องโครงการข้าวถุงราคาถูก

   หลังมีข่าวคณะอนุกรรมการพิจารณาระบายข้าวมีมติให้ระงับโครงการข้าวถุงฯไว้ก่อนต่อมานายกฯสั่งการให้กระทรวงพาณิชย์แต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงโครงการข้าวถุงมีนายสมชาติ สร้อยทอง อธิบดีกรมการค้าภายในเป็นประธาน

   2.12 ข้อกล่าวหาที่ว่าการรับจำนำข้าวไม่ได้ช่วยในเรื่องการพัฒนาพันธุ์ข้าวให้มีคุณภาพสูงและผลผลิตสูง จริงหรือไม่

   การไม่รับจำนำข้าวที่มีคุณภาพต่ำ 18 สายพันธุ์ และข้าวพันธุ์ที่มีอายุต่ำกว่า 110 วัน จะทำให้ชาวนาใช้พันธุ์ข้าวดีมีคุณภาพมาปลูก

   การจัดโครงการพัฒนาดินและการทำเขตเฉพาะการเกษตร(เกษตรโซนนิ่ง)จะช่วยทำให้การผลิตข้าวมีผลผลิตสูงและต้นทุนต่ำ

2.13 ข้าวไทยเสียแชมป์ จริงหรือ

   ช่วงก่อนปี 2554/55 ไทยเป็นแชมป์การส่งออก เพราะอินเดียมีนโยบายการเก็บสำรองข้าวไว้บริโภคในประเทศ ส่งออกเพียง 3-4 ล้านตันต่อปี เวียดนามก็มีข้าวส่งออกเพียงปีละ 7 ตัน

   หลังปี 2554/55 อินเดียเปลี่ยนนโยบายส่งออกข้าวเพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 10 ล้านตัน หรือเพิ่มขึ้น 300%-400% และยังมีการแข่งขันด้านราคาอย่างรุนแรงนำโดยอินเดียและเวียดนาม ไทยจึงไม่ใช่ผู้ส่งออกข้าวอันดับหนึ่งของโลกเช่นเดิม แต่สถานการณ์การขายข้าวไทยก็ดีขึ้นเป็นลำดับ

   3.ข้อกล่าวหามีวาระซ่อนเร้นเพื่อวัตถุประสงค์ทางการเมือง

3.1 ข้อกล่าวหาทุจริตเชิงนโยบายŽ

   โครงการรับจำนำข้าวมีการดำเนินการผ่านมาหลายรัฐบาลนับแต่ปี2524แม้แต่ในรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ก็ดำเนินโครงการนี้ในปี2552 ก่อนเปลี่ยนเป็นโครงการประกันราคาข้าว

   เมื่อเป็นสัญญาประชาคม เป็นนโยบายที่แถลงต่อรัฐสภา เรื่องทั้งหมดจึงถือเป็นการจัดทำ นโยบายสาธารณะŽเป็นการกระทำทางการบริหารรัฐ (Act of Government) อันเป็นหลักปฏิบัติของรัฐบาลที่ดี

  3.2 ข้อกล่าวหาถึงการที่ยังดำเนินโครงการทั้งๆ ที่รู้ว่า ยิ่งดำเนินการต่อรัฐยิ่งเสียหายŽ

  การยุติหรือยกเลิกโครงการ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ในฐานะนายกฯ และประธาน กบข. โดยลำพังสามารถยกเลิกโครงการได้หรือไม่ เพราะตลอดมาการดำเนินโครงการมิได้ดำเนินการโดยลำพังแต่เป็นรูปคณะบุคคล

  แม้กระทั่งตามหนังสือของป.ป.ช.ฉบับวันที่30เม.ย. 2555 ยังยอมรับว่าโครงการรับจำนำข้าวเป็นนโยบายสำคัญและเป็นนโยบายหลักที่ได้แถลงไว้ต่อรัฐสภาที่อัยการสูงสุดชี้ข้อไม่สมบูรณ์3ประเด็นในสำนวนป.ป.ช.เมื่อข้อเท็จจริงไม่สมบูรณ์ ยังไม่เสร็จสิ้นกระแสความก็ด่วนกล่าวหา แล้วจะถือว่าข้อกล่าวหาถูกต้องได้อย่างไร

  คดีนี้มีการชี้มูลความผิดหลังศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัย7พ.ค.2557เพียงวันเดียว รุ่งขึ้นวันที่ 8 พ.ค. 2557 ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดต่อ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ทันที ตรงสุภาษิตทางกฎหมายที่ว่า กรรมเป็นเครื่องชี้เจตนาŽ

  หากดำเนินคดีเอากับคณะรัฐมนตรีและ กบข.ทั้งคณะ ดังเช่นคดีหวยบนดิน อาจใช้เวลา ที่ผู้กล่าวหาไม่อาจตอบสนองต่อวาระทางการเมืองที่จะทำให้น.ส.ยิ่งลักษณ์ พ้นจากตำแหน่งได้

4. กระบวนการไต่สวนที่ไม่เป็นธรรม

   การรวมคดีถอดถอนเข้ากับคดีอาญาโดยไม่ถูกต้อง คณะกรรมการ ป.ป.ช. จึงไม่ใช่ผู้ที่ เป็นกลางŽในการชี้มูลความผิดคดีถอดถอน

   เพราะหากไม่รวมคดีพรรคประชาธิปัตย์ต้องหาหลักฐานมาเสนอให้ป.ป.ช.แต่เมื่อรวมคดีป.ป.ช.กลายเป็นผู้หาหลักฐานให้กับพรรคประชาธิปัตย์ผู้ร้องคดีถอดถอน

   โดยนำพยานหลักฐานในคดีอาญามารวมให้กับคดีถอดถอนในลักษณะเติมพยานให้กับคดีถอดถอนและเร่งชี้มูลความผิดในคราวเดียวกันและยังมีกระบวนการไต่สวนที่เร่งรีบรวบรัดเป็นกรณีพิเศษ

   การเลือกพิจารณารับฟัง พยาน หลักฐาน ที่เป็นอคติ และเป็นผลร้าย อาทิ รายงานวิจัยซึ่งเป็นพยานเอกสารและนายนิพนธ์ พัวพงศกร จาก TDRI และรับฟังพยานบุคคลรายนายอภิสิทธิ์  เวชชาชีวะ และนายวรงค์ เดชกิจวิกรม พร้อมพยานเอกสารจากพรรคประชาธิปัตย์ เป็นส่วนใหญ่

5. บทสรุปโครงการรับจำนำข้าว

   จากการปฏิบัติหน้าที่ของตนที่กล่าวข้างต้นไม่ใช่การทำหน้าที่ส่อว่าจงใจใช้อำนาจหน้าที่ขัดต่อบทบัญญัติรัฐธรรมนูญมาตรา270และมาตรา 178 หรือส่อว่าจงใจใช้อำนาจหน้าที่ขัดต่อบทบัญญัติแห่ง พ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2534 มาตรา 11 (1)

   กรณี ถอดถอนมีข้อเท็จจริงว่า ตนได้พ้นจากตำแหน่งนายกฯ และรมว.กลาโหม ไปตั้งแต่วันที่ 7 พ.ค. 2557 แล้ว แต่ ป.ป.ช. กลับชี้มูลความผิดในวันที่ 8 พ.ค. 2557

   การดำเนินการตามสำนวนในเรื่องนี้จึงไม่สมเหตุสมผล นอกจากเป็นการกระทำเพื่อผลประโยชน์อื่นใดหรือไม่

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!