WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

1AAC1นายก21

นายกฯ ยืนยันจัดสรรงบฯ ตามความจำเป็นเร่งด่วน เป็นธรรมและทั่วถึง ย้ำบริหารสถานการณ์โควิด-19 ภายใต้ ศบค. ยืนยันให้เกียรติทุกพรรคทุกคนในการทำงาน

       ณ ห้องประชุมสภาผู้แทนราษฎร อาคารรัฐสภา ถนนสามเสน เขตดุสิต กรุงเทพฯ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เข้าร่วมประชุมสภาผู้แทนราษฎร (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่ 1) เป็นพิเศษ เพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 ยืนยันให้เกียรติรัฐมนตรีทุกคนและทุกพรรค และสามารถพูดคุยกับนายกรัฐมนตรีได้ทุกโอกาส ที่ผ่านมาได้มีพูดคุยกับรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขมาโดยตลอด เพื่อแก้ปัญหาสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ทั้งการควบคุมการแพร่ระบาด การจัดหาและการกระจายวัคซีน ภายใต้การทำงานร่วมกันในศบค. ด้วยการบูรณาการทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งสาธารณสุข พลเรือน ตำรวจ ทหาร รับฟังข้อเสนอแนะของบุคลาทางการแพทย์และสาธารณสุขเป็นหลักเพื่อนำมติที่เห็นชอบร่วมกันไปสู่การปฏิบัติให้เกิดผลเป็นรูปธรรม

        นายกรัฐมนตรี ยังยืนยันการกำหนดอำนาจหน้าที่ของรัฐมนตรีตามกฎหมายโอนมาเป็นอำนาจหน้าที่ของนายกรัฐมนตรีเป็นการชั่วคราวกรณีกฎหมาย 31 ฉบับนั้น เป็นไปเพื่อประสิทธิภาพในการแก้ไขสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อโควิด-19 เพราะกฎหมาย พ.ร.บ.โรคติดต่อร้ายแรงอันตรายให้กรอบอำนาจเฉพาะกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งกระทรวงสาธาณสุขไม่สามารถที่จะไปสั่งการหน่วยงานอื่นได้ ทั้งตำรวจ ทหาร หรือกระทรวงมหาดไทย เป็นต้น และการเข้ามาดูแลการบริหารงบประมาณและวัคซีน ก็เพื่อหาแนวทางจัดหางบประมาณมาให้เพียงพอต่อการจัดหาวัคซีน ทั้งงบวงเงินกู้ 4 หมื่นกว่าล้านบาท และงบกลาง

         โดยพิจารณาตามความจำเป็นเร่งด่วนเป็นสำคัญ นายกรัฐมนตรียืนยันการใช้จ่ายงบกลางเป็นไปตามกลไลที่มีการตรวจสอบคัดกรองแผนงานโครงการต่างๆ ก่อนดำเนินการทั้งสิ้น เพื่อให้คุ้มค่า เกิดประโยชน์สูงสุด โดยให้ความสำคัญกับประชาชนเป็นหลักครอบคลุมทุกภาค ทุกจังหวัด และทุกกลุ่มจังหวัด รวมถึงการแก้ปัญหาที่มีความจำเป็นเร่งด่วนและภัยพิบัติต่างๆ ทั้งน้ำท่วม ภัยแล้ง ตลอดจนการดูแลการปลูกพืชให้เหมาะสมกับพื้นที่และปริมาณน้ำ  เป็นต้น

        นายกรัฐมนตรี ยังยืนยันว่า โครงการที่เสนอมามาจากความต้องการของพื้นที่จากผู้ว่าราชการจังหวัที่เห็นว่าเกิดประโยชน์ต่อประชาชน รัฐบาลก็พร้อมจัดสรรและสนับสนุนงบประมาณให้เกิดความทั่วถึงและเป็นธรรม สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในขณะนั้น ส่วนโครงการที่พรรคร่วมรัฐบาลเสนอมา รัฐบาลก็มีการจัดสรรงบประมาณให้ตามความจำเป็นเร่งด่วนโดยเป็นโครงการที่รายละเอียดชัดเจนครบถ้วนตามที่กำหนดไว้ในกฎหมาย นายกรัฐมตรียังให้การสนับสนุนกระทรวงสาธารณสุขอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะเรื่องวัคซีน กระทรวงสาธารณสุขมีอำนาจในการจัดสั่งซื้อและจัดสั่งจองทั้งหมดตั้งแต่ที่มีการเริ่มดำเนินการของวัคซีน ซึ่งเมื่อมีการรับรองก็มีการทยอยนำเข้ามาบางส่วนแล้วตามกำหนดและจะเร่งแจกจ่ายต่อไปในพื้นที่ต่าง ๆ ที่ได้วางแผนไว้ให้สอดคล้องกับสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด -19 ที่เกิดขึ้น

      นายกรัฐมนตรี ยังชี้แจงถึงการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 ในกรุงเทพมหานคร ที่พบในแคมป์คนงาน ตลาดสดว่า เป็นเรื่องของความเป็นอยู่ของประชาชนในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ซึ่งอาจจะมีคัสเตอร์ที่อยู่ในพื้นที่แออัด  ซึ่งเมื่อมีคนแออัดมากก็ต้องระมัดระวังมากขึ้นที่สุด ดังนั้น รัฐบาลกำลังหามาตรการที่เหมาะสมในการควบคุม คัดกรอง แยกคน แต่ยังสามารถควบคุมในพื้นที่จำกัดได้ โดยเฉพาะคลัสเสตอร์กลุ่มเสี่ยง 39 คลัสเตอร์ รวมถึงการหาแนวทางในการดูแล กรมราชทัณฑ์ และในแต่ละจังหวัด 

      นายกรัฐมนตรียังย้ำวัคซีนใช้สำหรับคนที่ยังไม่เป็นโรคโควิด 19 แต่หากนำวัคซีนไปให้กับผู้ที่ติดโรคโควิด 19 อาจทำให้อาการแย่ลงได้ ขณะนี้ได้มีการนำพืชสมุนไพรของไทยซึ่งจะเป็นรายได้ของประเทศต่อไปในอนาคต เช่น “ฟ้าทะลายโจร” มาใช้ควบคู่กับยาฟาวิพิราเวียร์ในการรักษาอาการเจ็บป่วยของผู้ติดเชื้อโควิด-19 ซึ่งรัฐบาลกำลังดำเนินการในเรื่องดังกล่าวทั้งหมดทุกขั้นตอน

      ในตอนท้าย นายกรัฐมนตรี ย้ำขอให้ทุกคนอย่าสร้างความเกลียดชัง วันนี้ประเทศไทยต้องการความเป็นหนึ่งเดียว

นายกรัฐมนตรีชี้แจงการตั้งงบประมาณกระทรวงกลาโหม กระทรวงสาธารณสุข การใช้เงินเพื่อเยียวยาประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน ซึ่งได้พิจารณาจัดสรรอย่างเหมาะสม

นายกรัฐมนตรีชี้แจงการตั้งงบประมาณกระทรวงกลาโหม กระทรวงสาธารณสุข การใช้เงินเพื่อเยียวยาประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน ซึ่งได้พิจารณาจัดสรรอย่างเหมาะสม รวมทั้งได้วางโครงสร้างพื้นฐานเพื่อพัฒนาประเทศมาโดยตลอด

    ณ ห้องประชุมสภาผู้แทนราษฎร อาคารรัฐสภา ถนนสามเสน เขตดุสิต กรุงเทพฯ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เข้าร่วมประชุมสภาผู้แทนราษฎร (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่ 1) เป็นพิเศษ เพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 โดย นายกรัฐมนตรีได้ชี้แจงถึงงบประมาณกระทรวงกลาโหม ในปี 2565 ซึ่งถูกปรับลดลงอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2563-2564 ตามเหตุผลและความจำเป็น ขณะที่งบประมาณกระทรวงสาธารณสุขที่รวมถึงกองทุนหลักประกันสุขภาพ กองทุนแพทย์ฉุกเฉิน กองทุนภูมิปัญญาแพทย์แผนไทย ซึ่งสูงกว่างบประมาณของกระทรวงกลาโหม และค่าใช้จ่ายที่ถูกปรับลดลงเพียงร้อยละ 1.97 ทั้งนี้ รัฐบาลไม่ต้องการให้กระทบต่อการให้บริการประชาชน

        ด้านงบประมาณทางสังคม การเสริมสร้างทรัพยากรมนุษย์ รัฐบาลได้ตั้งงบประมาณอุดหนุนเด็กแรกเกิดสูงขึ้นทุกปี ในปี 2565 มีเด็กกว่าสองล้านคนได้ประโยชน์จากนโยบายดังกล่าว ยืนยันว่ารัฐบาลไม่เคยลดความสำคัญกับงบประมาณด้านการศึกษาเลย แต่เนื่องจากจำนวนนักเรียนลดลง จากอัตราการเกิดลดลง รัฐบาลมีโครงการสนับสนุนอาหารเสริม สำหรับนักเรียน 6.87 ล้านคน และสนับสนุนอาหารกลางวันให้นักเรียน 5.88 ล้านคน เป็นงบประมาณรวมทั้งสิ้นกว่า 25,400 ล้านบาท มีโครงการหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า ซึ่งมีการเพิ่มงบประมาณสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง มีการจ่ายเงินสมทบประกันสังคมให้แก่ผู้ใช้แรงงาน

       การจ่ายค่าตอบแทนให้ อสม. ซึ่งมีการพิจารณาสบทบเพิ่มเติมอีก มีงบประมาณเบี้ยผู้พิการ มีงบประมาณบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ งบประมาณสามหมื่นล้านบาท มีการช่วยเหลือผู้สูงอายุ ผู้พิการในสังคม มีการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยทั้งในเมืองในชนบท เบี้ยยังชีพผู้สูงอาชีพ 11 ล้านคน อย่างไรก็ดี รัฐบาลได้ให้ลำดับความสำคัญเกี่ยวกับการบริหารสถานการณ์โควิดกว่า 117,862 ล้านบาท รัฐบาลได้จัดงบประมาณและเงินกู้ที่มีความสำคัญกับการแพทย์และการสาธารณสุข ทั้งค่าตอบแทนแพทย์และ อสม การจัดซื้อจัดหาครุภัณฑ์ ค่ารักษาพยาบาลผู้ป่วยโควิด ค่าใช้จ่ายวัคซีน และการจัดซื้อจัดหานำมาใช้ในประเทศ รวมถึงการป้องกันการแพ้วัคซีน การจัดตั้งสถานกักตัวของรัฐ SQ การเตรียมความพร้อมด้านสาธารณสุข และสถานการณ์ฉุกเฉิน

        นอกจากนี้ ยังมีเงินกู้จำนวนสามหมื่นล้านบาท จะเห็นว่ารัฐบาลเห็นถึงความสำคัญเร่งด่วนและเป็นการวางแผนล่วงหน้าเพื่อการแก้ไขสถานการณ์โควิด พรบ.เงินกู้จะใช้ได้เร็วกว่า ทันต่อสถานการณ์กว่า แต่ได้คำนึงถึงข้อจำกัดที่เกิดขึ้น และจัดการให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ ซึ่งประกอบไปด้วยการเสริมสร้างความเข้มแข็งของการพัฒนาศักยภาพในการขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศ การปรับปรุงและพัฒนาปัจจัยพื้นฐาน และการฟื้นฟูกิจกรรมทางเศรษฐกิจและสังคม

        ทั้งนี้ ในส่วนของการจัดซื้ออาวุธ เราไม่ได้ซื้อเฉพาะยุทธโธปกรณ์อย่างเดียว ได้แบ่งเป็นงบประมาณเพื่อการฝึกอบรม และซ่อมบำรุง ประเทศไทยอยู่ใจกลางของอาเซียน จึงมีความจำเป็นต้องพัฒนายุทธโธปกรณ์ ซึ่งไม่ได้หวังถึงประโยชน์ส่วนตัวคำนึงถึงประโยชน์ของประเทศชาติเท่านั้น

       ในค่าใช้จ่ายวัคซีน มีการจัดสรรงบประมาณจากหลายส่วน ซึ่งได้ดำเนินการใช้งบประมาณอย่างถูกต้องตามหลักเกณฑ์ ต้องขออนุมัติ และมีการตรวจสอบตามกฎระเบียบ ทั้งนี้ รัฐบาลได้จัดสรรงบประมาณเพื่อพัฒนาวัคซีนเพื่อใช้ประโยชน์ในประเทศด้วย และได้ทำความร่วมมือวิจัยกับต่างประเทศด้วย

               ด้านการจัดลำดับความน่าเชื่อถือในระดับสากล นายกฯ เผยว่า ประเทศไทยเป็นเพียงไม่กี่ไม่ประเทศในโลกที่ได้รับการประเมินความน่าเชื่อถือทางการเงินและการคลังในลำดับเท่าเดิม แม้อยู่ในสถานการณ์โควิด-19 โดยบริษัท S&P Global Ratings บริษัท Moody’s Investors Serviceและบริษัท Fitch Ratings ได้คงอันดับของไทยไว้ที่ BBB+ และคงอันดับความน่าเชื่อถือของเศรษฐกิจไทยอยู่ในระดับที่มีเสถียรภาพ จาก Japan credit rating Agency และ Rating and Investment Information ประเมินระดับความน่าเชื่อถือไทยในระดับ A- และให้มุมมองความน่าเชื่อถือไทยอยู่ในระดับที่มีเสถียรภาพ (Stable Outlook) ทั้งนี้ เนื่องจากประเทศไทยมีภาคการเงินและการคลังที่แข็งแกร่ง มีการปรับกฎเกณฑ์และกติกาเพื่อความเหมาะสมในตลอดหลายปีผ่านมานี้

      และในส่วนเงินกู้ที่รัฐบาลกู้มาตั้งแต่ปี 2557 ถึง 2564 รัฐบาลชำระหนี้เงินกู้ไปแล้ว 2.53 ล้านล้านบาท ซึ่งเงินที่รัฐบาลกู้มา ได้นำไปใช้เพื่อประโยชน์ โดยใช้ในการดูแลด้านสาธารณสุขเกี่ยวกับการจัดหาวัคซีน การคัดกรอง การรักษาพยาบาลผู้ป่วยโควิด การเฝ้าระวัง การควบคุม การป้องกัน การค้นหา การตรวจคัดกรองโรค การจัดหาครุภัณฑ์ อุปกรณ์ทางการแพทย์ที่เกี่ยวข้อง รวมทั้ง ค่าตอบแทนเสี่ยงภัยให้กับบุคลากรทางการแพทย์ และ อสม.

       นอกจากนี้ เงินกู้ดังกล่าว ยังถูกจัดนำใช้กับการดูแลพี่น้องประชาชน และผู้ประกอบการผ่านโครงการต่างๆ ไม่วาจะ โครงการคนละครึ่ง โครงการเราชนะ โครงการม. 33 เรารักกัน โครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ซึ่งครอบคลุมประชากรทุกกลุ่มมากกว่า 50 ล้านคน ซึ่งท่านรองนายกรัฐมนตรีจะได้มาชี้แจงเพิ่มเติมเป็นการต่อไป

      สำหรับ เงินกู้ตั้งแต่ปี 2559 ถึง ปัจจุบัน รัฐบาลได้นำไปลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมไปกว่า 2.1 ล้านล้านบาท จำนวน 162 โครงการ ซึ่งกว่า 70 เปอร์เซ็นต์ เป็นการกู้เพื่อการลงทุนวงเงินงบประมาณ 1.5 ล้านล้านบาท เพื่อสร้างการเจริญเติบโตของประเทศ การจ้างงานและยกระดับความเป็นอยู่ของประชาชน อาทิ การมีรถไฟฟ้าสายต่างๆ ที่พักอาศัยเพื่อผู้มีรายได้น้อยทั้งเช่า เช่าซื้อและซื้อ ต่างอยู่ในแผนงานโครงการทั้งสิ้น ระบบประปา ไฟฟ้า พลังงานที่จะต้องกระจายความเจริญไปในภูมิภาคต่างๆ ดังต่อไปนี้

        1.การคมนาคม ได้แก่ โครงการรถไฟฟ้าสีต่างๆ ใน กทม. และปริมณฑล โครงการก่อสร้างรถไฟรางคู่ทั่วประเทศ การปรับปรุงรางรถไฟทั่วประเทศ การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานสนามบิน ตลอดจน รถเมล์ NGV ส่วนในเรื่องถนน ได้มอบหมายให้กระทรวงคมนาคม ขยายและซ่อมแซมเส้นทางเก่า และมอบหมายให้สร้างถนนสายใหม่ที่ไม่ผ่านแหล่งชุมชุม เพื่อสร้างเศรษฐกิจในพื้นที่ กระจายความเจริญและให้ผู้คนเข้าถึงมากขึ้น

  1.       การไฟฟ้าและการประปา มีโครงการให้เปลี่ยนสายไฟฟ้าลงดินใน กทม. และหลายจังหวัด โครงการขยายเขตไฟฟ้าในครัวเรือนที่ไม่มีไฟฟ้าใช้ โครงการก่อสร้างสายเคเบิลใต้น้ำยังเกาะต่างๆ ในส่วนของการประปา ได้แก่ โครงการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำระยะเร่งด่วน ประกอบด้วยโครงการจัดทำประปาหมู่บ้าน ระบบชลประทานเพื่อการเก็บกักน้ำ โครงการแก้ปัญหาการขาดแคลนน้ำเพื่อการบริโภคและการเกษตร โครงการป้องกันและบรรเทาอุทกภัยในทุกภูมิภาค ซึ่งรัฐบาลยังคงแก้ปัญหาอย่างต่อเนื่อง อาทิ โครงการเติมน้ำให้เขื่อนซึ่งดำเนินการแล้ว การสร้างแหล่งน้ำเพิ่มเติมทั้งน้ำบนดินและใต้ดิน การพักน้ำ การสร้างประตูน้ำเพิ่มเติม ทั้งหมดนี้อยู่ในแผนแล้วทั้งสิ้น เพราะนี่คือ อนาคตของประชาชนชาวไทย เพราะฉะนั้น จะเห็นว่ารัฐบาลได้ใช้เงินกู้อย่างมีประโยชน์และก่อให้เกิดผลลัพธ์ที่ดีต่อประเทศและประชาชน

       นายกรัฐมนตรี เน้นย้ำว่า รัฐบาลยืนยันในการนำงบประมาณที่ใช้เป็นไปตามกฎหมาย มีการจัดลำดับความสำคัญ และแผนการรับรอง อย่างไรก็ตาม ขอขอบคุณสมาชิกรัฐสภาทั้งฝ่ายค้ายและฝ่ายรัฐบาลที่ช่วยนำเสนอ โดยรัฐบาลพร้อมรับฟัง สนับสนุน และร่วมมือกับทุกฝ่าย จึงหวังว่าทุกคนจะร่วมมือกันเพื่อเดินหน้าต่อสู้กับสงครามเชื้อโรค สงครามไซเบอร์ และข่าวปลอม สำหรับเรื่องการศึกษา จะให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการชี้แจงรายละเอียดในวันต่อไป พร้อมยืนยันว่าได้มีการสั่งการให้ปรับปรุงหลักสูตรและกฎระเบียบเพื่อความเหมาะสมแล้ว

นายกฯ ยืนยันรัฐบาลให้ความสำคัญในการจัดการและการจัดหาวัคซีนโรคโควิด-19 และใช้อำนาจ ศบค. ภายใต้คำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญ

       ณ ห้องประชุมสภาผู้แทนราษฎร อาคารรัฐสภา ถนนสามเสน เขตดุสิต กรุงเทพฯ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เข้าร่วมประชุมสภาผู้แทนราษฎร (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่ 1) เป็นพิเศษ เพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 โดย นายกรัฐมนตรีได้ยืนยันว่า รัฐบาลได้ไตร่ตรองร่าง พ.ร.บ. งบประมาณปี 2565 ที่ได้เสนอไปอย่างถี่ถ้วน ซึ่งจะชี้แจงภาพรวมงบประมาณอีกครั้ง ในส่วนตัวเลขสถานการณ์ทั่วโลก มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ ประมาณ 5 แสนราย ผู้ป่วยยืนยันทั่วโลก 170 ล้านราย รักษาหายป่วยแล้ว 152 ล้านราย เสียชีวิต 3 ล้าน 5 แสนราย

      ประเทศใหญ่ๆ เช่น สหรัฐ อินเดีย บราซิล ฝรั่งเศส ก็ยังมีจำนวนผู้ติดเชื้อจำนวนสูง ส่วนสถานการณ์ในประเทศสมาชิกอาเซียนไทยได้นำข้อมูลของทุกประเทศมาวิเคราะห์ว่าจะบริหารวัคซีนอย่างไร ส่วนยอดในประเทศไทยมีจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ที่ลดลง มีจำนวนคลัสเตอร์ที่รัฐบาลพยายามบริหารจำนวนเตียงผู้ป่วย โรงพยาบาลสนาม เพิ่มเตียงรักษาพยาบาล ปรับเรื่องการฉีดวัคซีน สถานที่ และจำนวนวัคซีน ซึ่งจะได้มอบหมายให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขชี้แจงต่อไป

       ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีได้พิจารณาจำนวนวัคซีน และช่วงเวลาจนถึงเดือนธันวาคม 2564 รัฐบาลพยายามหาวัคซีนทางเลือกอื่น ๆ ให้ได้จำนวนเพิ่มเติม ทั้งจากเดิมที่มีสองชนิดคือ Sinovac และ Astrazeneca ซึ่งจะได้จำนวนเพิ่มเติมในเดือนมิถุนายนนี้ คิดว่าจะเป็นไปตามแผน และในส่วนของวัคซีนจากบริษัทอื่น Sinopharm ซึ่งจะมีเพิ่มมาอีก ส่วน Pfizer จะมาในไตรมาสที่สามหรือสี่ อย่างไรก็ตาม การส่งออกวัคซีนต้องได้รับอนุมัติจากรัฐบาลต้นทาง และได้ผ่านกระบวนการการนำเข้าทาง อย. เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งรัฐบาลให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง

       สำหรับงบประมาณในการจัดหาวัคซีน ได้ใช้งบพิเศษเพิ่มเติมทั้งพระราชกำหนดเงินกู้เเละงบกลาง จึงไม่มีปัญหาเรื่องงบประมาณ พร้อมทั้งในส่วนของการใช้อำนาจผ่าน ศบค. ไม่ได้ให้อำนาจแก่ นรม. ผู้เดียว มีการหารือกับทุกภาคส่วนทั้งจากแพทย์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และขอยืนยันในขีดความสามารถของวัคซีนที่มีอยู่ ทั้ง Sinovac Astrazeneca และ Sinopharm ซึ่งมีประสิทธิภาพเช่นเดียวกัน

       แต่มีข้อจำกัดของวัคซีนแตกต่างกันไป ซึ่งทุกอย่างปรับเปลี่ยนไปตามสถานการณ์ในไทย และสถานการณ์โลก การแพร่ระบาดในสถานการณ์โลก ไทยพยายามทำอย่างดีที่สุดในสถานการณ์ฉุกเฉิน ซึ่งยืนยันว่ารัฐบาลให้ความสำคัญ และงบประมาณของวัคซีนมีไม่จำกัด ในส่วนของหนี้สาธารณะที่เพิ่มขึ้น รัฐบาลมีภาระในการใช้จ่ายหลายส่วน อาทิ หนี้จำนำข้าว ซึ่งรัฐบาลได้ใช้จ่ายไปเจ็ดแสนห้าพันล้านแล้ว

COREHOON

******************************************

line logotwitterLike1 Share3Like1 Share1กด Like - Share  เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ

 Click Donate Support Web

FBS728

EXNESS

SAM720x100px bgGC 790x90

SME720 x 100banpu 720x90 new1 1

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!