WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

บล.เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน 10-3-2022เมย์แบงก์

AT THE OPEN (#ATO)

S T R A T E G Y   R E P O R T / 10 มีนาคม 2565

INVESTMENT STRATEGY

แกว่งขึ้นต่อ : ผ่อนคลายมากขึ้น

วันนี้คาด SET แกว่งขึ้นต่อ ในกรอบแนวรับ 1,625 จุด และแนวต้าน 1,660 จุด เน้นหุ้นแนวโน้มกำไรดี โดย ATO Picks วันนี้ แนะนำ “MINT, EPG”

MINT

ปรับคาดการณ์กำไรปีนี้ขึ้นสู่ระดับ 1.5 พันล้านบาท (จากคาดเดิมที่ขาดทุน 1.2 พันล้านบาท) แรงหนุนจากการเติบโตที่ดีในธุรกิจโรงแรมและร้านอาหาร คาด RevPar เติบโต 64% ในปีนี้ และยอดขายสาขาเดิมจะเติบโตอ 10% YoY เพิ่มคำแนะนำเป็น ซื้อ ปรับเป้าหมายขึ้นเป็น 37 บาท

เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 37 บาท

EPG

คาดแนวโน้มปีนี้ยังโตต่อเนื่อง ทั้งจาก1) ธุรกิจฉนวนยาง ได้แรงหนุนจากกำลังการผลิตใหม่ในสหรัฐ 2.) ธุรกิจอุปกรณ์ชิ้นส่วนรถยนต์ ได้คำสั่งซื้อใหม่จากรถกระบะ Ford ที่เพิ่งเปิดตัว และ กลางปีนี้ได้คำสั่งซื้อใหม่จากสองค่ายรถยนต์ 3.) ธุรกิจบรรจุภัณฑ์เติบโตจากเก็บเกี่ยวเงินลงทุนในอดีต

เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 15 บาท

INVESTMENT THEME

มีความหวังเชิงบวกมากขึ้น : การเจรจาระหว่างรัสเซียกับยูเครน เพื่อแก้ไขความขัดแย้ง มีความคืบหน้ามากยิ่งขึ้น โดยด้านยูเครนล้มความคิดที่จะเข้าไปอยู่ในกลุ่ม NATO ในขณะที่ด้านรัสเซียก็ไม่มีความประสงค์ที่จะครองยูเครน หรือโค่นล้มรัฐบาลยูเครน ด้วยจุดยืนดังกล่าว ส่งผลให้ตลาดเริ่มมีความหวังต่อการยุติสงครามในช่วงถัดไป ทำให้กระแสเงินทุนเริ่มไหลออกจากสินทรัพย์ปลอดภัย (ราคาทองคำวานนี้ ลดลง 24 เหรียญ สู่ระดับ 1982 เหรียญต่อออนซ์, อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 1.95%) และกลับเข้าเก็งกำไรในตลาดสินทรัพย์เสี่ยง (Dow +2%, Euro Stoxx50 +7.4%, เอเชียเช้านี้เปิดบวกเฉลี่ย 2%) ส่วนด้านราคาน้ำมันดิบเบรนท์ เริ่มปรับตัวลง 16 เหรียญ สู่ระดับ 111 เหรียญต่อบาร์เรล ขานรับการผ่อนคลายของภาวะสงครามเช่นกัน

คืนนี้ติดตามเงินเฟ้อสหรัฐฯ และประชุม ECB : แม้ว่าประเด็นรัสเซีย-ยูเครนมีแนวทางที่ดีมากขึ้น อาจส่งผลให้ทิศทางราคาพลังงานมีโอกาสย่อตัวลง แต่ก็ไม่สามารถปลดล็อกปัญหาเงินเฟ้อสูงได้โดยง่าย ซึ่งคืนนี้เราคาดว่าตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐฯ ประจำเดือนกุมภาพันธ์ จะขยายตัวต่อเนื่อง +7.8%YoY จากเดือนมกราคมที่ +7.5% ซึ่งจะเป็นปัจจัยที่ทำให้ FED ตัดสินใจปรับเพิ่มดอกเบี้ยนโยบายในการประชุม FED กลางเดือนมีนาคม ขึ้นราว 0.25% ส่วนประชุม ECB จับตาว่าจะมีมาตรการเข้ามาช่วยเหลือเพิ่มเติมหรือไม่

MARKET SUMMARY

วานนี้ SET ฟื้นตัวแรง ด้วยความคาดหวังบวกต่อการเจรจากันของรัสเซีย-ยูเครน โดย SET ปิดที่ 1,643.64 (+24.5 จุด) มูลค่าการซื้อขาย 1.15 แสนล้านบาท (เทียบกับวันก่อนหน้า 1.49 แสนล้านบาท)

โดยนักลงทุนต่างชาติขายหุ้นไทย 3,986 ลบ. (นักลงทุนสถาบันซื้อ 5,140 ลบ. ส่วนตลาด TFEX นักลงทุนต่างชาติ Long Futureที่ 7,344 สัญญา)

EYES ON

10 มี.ค. การประชุม ECB, ดัชนี US CPI, ผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ US

11 มี.ค. ดัชนีความเชื่อมั่น US

Minor International (MINT TB)

คาดปี 65 ฟื้นตัวแรง

BUY

Share Price               THB 29.25

12 m Price Target     THB 37.00 (+26%)

Previous Price Target THB 33.00

เพิ่มน้ำหนักเป็น “ซื้อ” จากฟื้นตัวแรงในปีนี้

เราเพิ่มคำแนะนำเป็น “ซื้อ” จากผลประกอบการที่แข็งแกร่งในไตรมาส 4/64 โดยมีกำไรหลัก 1.6 พัน ลบ.(จากการฟื้นตัวในยุโรป) ขณะที่ผู้บริหารคาดว่า MINT จะพลิกมีกำไรในปี 65 เราเพิ่มราคาเป้าหมายขึ้น 12% เป็น 37 บาท เนื่องจากเราคาดการณ์กำไร 1.5 พัน ลบ.ในปี 65 เทียบกับขาดทุน 1.2 พัน ลบ.ในสมมติฐานก่อนหน้านี้ ซึ่งได้แรงหนุนจากการเติบโตที่ดีในธุรกิจโรงแรมและร้านอาหาร เพื่อให้สอดคล้องกับผู้บริหาร เราคาดว่า RevPar จะเติบโต 64% ในปีนี้ และยอดขายสาขาเดิมจะเติบโตอย่างแข็งแกร่ง 10% YoY ในปีนี้ (เทียบกับสมมติฐานก่อนหน้านี้ที่ 2%)

แม้ว่าการฟื้นตัวในยุโรปอาจแข็งแกร่งหลังโควิด-19 แต่มีความเสี่ยงสูงจากความขัดแย้งในยูเครนที่อาจกดดันการฟื้นตัวของโรงแรมของ MINT เนื่องจากประมาณ 60% ของรายได้ปกติของโรงแรมอยู่ในยุโรป

ธุรกิจโรงแรมในยุโรปฟื้นตัวโดดเด่น แม้จะมีความเสี่ยง

เราคาดว่าอัตราการเข้าพักจะเพิ่มขึ้นเป็น 54% ในปี 65 จาก 36% ในปี 64 ทั้งนี้ จากความต้องการที่ตึงตัวมากขึ้นหลังโควิด เราคาดว่าราคาห้องพักเฉลี่ยจะเพิ่มขึ้น 2% ในปีนี้ ส่งผลให้ RevPar เพิ่มขึ้น 66% YoY พร้อมประเมินว่า RevPar จะเพิ่มขึ้นอีก 36% ในปี 66 และ 9% ในปี 67 เนื่องจากธุรกิจโรงแรมเข้าสู่ภาวะปกติหลังโควิดคลี่คลาย

ยอดขายสาขาเดิมเป็นบวก หลังไม่มีล็อกดาวน์แล้ว

เราคาดว่าการเติบโตของยอดขายสาขาเดิม (SSSG) จะอยู่ที่ 10% ในปี 65 เพิ่มขึ้นจาก –5.4% ในปี 64 โดยมีแรงหนุนจากการฟื้นตัวทั้งในประเทศไทย จีน และออสเตรเลีย ซึ่งจะทำให้ยอดขายในธุรกิจร้านอาหารสูงกว่าช่วงก่อนโควิด-19 ถึง 3% ที่ประมาณ 2.34 หมื่น ลบ. จากธุรกิจโรงแรมและร้านอาหารที่ฟื้นตัว เราเชื่อว่า MINT จะทำกำไรได้ 1.6 พัน ลบ.ในปีนี้ เทียบกับขาดทุนหลักที่ 9.6 พัน ลบ.ในปี 64 ทั้งนี้ หลังพลิกมีกำไรจะทำให้อัตราส่วน D/E สุทธิลดลงเป็น 1.27 เท่า ณ สิ้นปี 65 ซึ่งต่ำกว่าเกณฑ์ที่ 1.75 เท่า

ความเสี่ยงที่สำคัญคือ โควิดและต้นทุนอาหารที่สูงขึ้น

เราใช้วิธี DCF, WACC 8%, การเติบโต 3% ประเมินราคาเป้าหมาย โดยความเสี่ยงที่สำคัญ ได้แก่ 1) ความขัดแย้งในยูเครนที่อาจกระทบการฟื้นตัวของโรงแรมในยุโรป และ 2) ต้นทุนวัตถุดิบอาหารที่สูงขึ้นซึ่งอาจส่งผลกระทบต่ออัตรากำไรของธุรกิจร้านอาหาร เราคาดว่าทุกๆ 1% ของต้นทุนวัตถุดิบอาหารที่เพิ่มขึ้นอาจทำให้กำไรลดลง 1.8%

Yuwanee Prommaporn

Yuwanee.P@maybank.com

(66) 2658 5000 ext 1393  

Central Plaza Hotel (CENTEL TB)

พลิกมีกำไร

BUY

Share Price               THB 36.00

12 m Price Target     THB 44.00 (+22%)

Previous Price Target THB 30.50

U/G เป็น ซื้อ

CENTEL รายงานกำไรหลัก 62 ล้านบาท สำหรับไตรมาส 4/64 ถือเป็นกำไรครั้งแรกในรอบ 2 ปี โดยได้แรงหนุนจากไฮซีซัน โดยเฉพาะในมัลดีฟส์ ส่วนในประเทศไทย การเปิดพรมแดนในเดือน พ.ย. 64 ช่วยเพิ่มอัตราการเข้าพักอีก 14% ppt QoQ (ทรงตัว YoY) เป็น 27% ผู้บริหารคาดว่า Covid จะบรรเทาลงในปีนี้และตั้งเป้าเดินหน้าขยายตัวในปี 65 (รูปที่ 12) ส่วนใหญ่มาจาก 1) RevPar เติบโตมากกว่าสองเท่า YoY (เป็น 1,700-1,900 บาท) 2) ยอดขายสาขาเดิม (SSS) เติบโต 10-15% และ 3) การขยายตัวเชิงรุกในปี 65-69 (รูปที่ 10) ที่อาจเห็นจำนวนห้องพักเพิ่มขึ้นเกือบสองเท่าในปี 69 (จาก 9,410 หน่วยในปี 64 เป็น 17,448 ห้อง) เพื่อรองรับการฟื้นตัวของการท่องเที่ยวทั่วโลกหลังโควิด-19 คลี่คลาย นี่คือเหตุผลที่เราปรับเพิ่มคาดการณ์กำไรหลักเป็น 738 ลบ. (จากที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ที่ 200 ลบ.) ในปี 65 และ 1.7 พัน ลบ.(จาก 929 ลบ.) ซึ่งส่งผลให้ราคาเป้าหมายเพิ่มขึ้น 22% เป็น 44 บาท

นอกจากนี้ ในกลุ่มผู้ประกอบการโรงแรมไทย CENTEL มีงบดุลที่แข็งแกร่งที่สุดโดยมีอัตราส่วน D/E สุทธิเพียง 0.68 เท่า ณ สิ้นปี 65 ซึ่งเป็นผลมาจากธุรกิจร้านอาหารที่ปรับตัวได้ดี หรือ 60% ของรายได้ปกติ ทำให้สามารถขยายธุรกิจในเชิงรุกหลังโควิด-19 ได้

SSSG เพิ่ม +12% ยอดขายร้านอาหารต่ำกว่าปี 62 เพียง 6%

สำหรับแนวโน้มปี 65 จากที่คาดว่าสถานการณ์โควิดจะคลี่คลายลง ผู้บริหารคาดว่ายอดขายสาขาเดิมจะเติบโตอย่างแข็งแกร่ง (SSSG) เราคาดว่า SSSG จะอยู่ที่ 12% ซึ่งสอดคล้องกับผู้บริหารตั้งเป้าที่ 10-15% ซึ่งจะทำให้ยอดขายของร้านอาหารในปีนี้ (1.14 หมื่น ลบ.) ต่ำกว่าระดับก่อนโควิดเพียง 6% ในปี 62 ในแง่ของการขยายธุรกิจ เราคาดว่า CENTEL จะเพิ่มร้านอาหาร 200 แห่งในปีนี้ (1,389 ร้าน ณ สิ้นปี 64)

คาด RevPar จะเพิ่มเป็นสองเท่า YoY ในปี 65

เราคาดว่าอัตราการเข้าพักจะเพิ่มขึ้นเป็น 43% จาก 19% ในปี 64 เนื่องจากความต้องการที่ตึงตัวมากขึ้น อัตราค่าห้องพักก็อาจเพิ่มขึ้นอย่างมากเช่นกัน และ RevPar จะเพิ่มขึ้น 125% YoY เป็น 1,737 บาทในปี 65 แผนการขยายธุรกิจเชิงรุกของ CENTEL ตั้งแต่ปี 65-69 น่าจะช่วยให้กำไรเพิ่มขึ้นอย่างมากจาก 738 ลบ.ในปี 65 เป็น 1.9 พัน ลบ.ในปี 67

ความเสี่ยงที่สำคัญ คือ ขัดแย้งในยูเครนและต้นทุนอาหารที่สูงขึ้น

เราใช้วิธี DCF, WACC 7.2% และการเติบโตของเทอร์มินัล 4% ประเมินราคาเป้าหมาย ความเสี่ยงที่สำคัญ ได้แก่ 1) ความขัดแย้งในยูเครนที่อาจกดดันการเดินทางทั่วโลก และ 2) ต้นทุนวัตถุดิบอาหารที่เพิ่มขึ้นซึ่งอาจกระทบส่วนต่าง EBITDA ของ CENTEL (แม้ว่า CENTEL ได้ปรับราคาเมนูแล้ว แต่ยังไม่เพียงพอ) เราประเมินว่าต้นทุนอาหารที่สูงขึ้น 1% อาจส่งผลให้กำไรหลักลดลง 2.4%

Yuwanee Prommaporn

Yuwanee.P@maybank.com

(66) 2658 5000 ext 1393  

COREHOON

******************************************

line logotwitterLike1 Share3Like1 Share1กด Like - Share  เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ

 Click Donate Support Web

 

EXIM One 720x90 C J

BITKUB Ad

SAM720x100px bgGC 790x90

smed banpu 720x90 new1 1

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!