- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 16 March 2022 13:34
- Hits: 6935
บล. เมย์แบงก์ : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน 16-3-2022
AT THE OPEN (#ATO)
S T R A T E G Y R E P O R T / 16 มีนาคม 2565
ฟื้นตัว : จุดเริ่มต้นวงจรดอกเบี้ยขาขึ้น
วันนี้คาด SET ฟื้นตัว ในกรอบแนวรับ 1,640 จุด และแนวต้าน 1,670 จุด เน้นหุ้นอิงเศรษฐกิจฟื้นตัว โดย ATO Picks วันนี้ แนะนำ “SCGP, CPALL”
SCGP
ราคาถ่านหินโลกปรับตัวลงต่อเนื่อง ช่วยผ่อนคลายแรงกดดันของต้นทุน ในขณะที่ราคาขายได้มีการปรับขึ้นแล้ว ส่วนทางด้านต้นทุนเศษกระดาษมีแนวโน้มปรับลดลงในช่วงเดือน ม.ค.-ก.พ. ดังนั้นเชื่อว่าอัตรากำไรขั้นต้นปรับขึ้น ผสานกับยอดขายที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่องจาก M&P
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 75 บาท
CPALL
คาดกำไร 1Q65 ขยายตัวเด่นทั้ง QoQ, YoY จากการบริโภคที่ฟื้นตัว การขยายสาขา การปรับเพิ่มราคาสินค้าจากต้นทุนสินค้าที่ปรับขึ้น โดยภาพ SSSGในช่วง 2 เดือนแรกของปี 2565 หนุน SSSG ของร้าน 7-11 คาด ปรับขึ้นเด่น 10-11% รวมทั้งอัตราการทำกำไรขั้นต้นคาดเพิ่มขึ้นราว 20-40 bps เพิ่มความน่าสนใจในการสะสม
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 79 บาท
INVESTMENT THEME
จุดเริ่มต้นของวงจรดอกเบี้ยขาขึ้น: ตลาดกำลังจับตาการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) ในวันที่ 15-16 มีนาคม อย่างใกล้ชิด (รู้ผลเช้าวันที่ 17 มีนาคม) โดยคาดการประชุมรอบนี้ FED มีโอกาสสูงที่จะตัดสินใจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% ซึ่งจะถือเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยสหรัฐฯเป็นครั้งแรก ภายหลังจากการดำเนินมาตรการการเงินผ่อนคลายมาตั้งแต่ปี 2563 เพื่อแก้วิกฤติ COVID-19 รวมทั้งการปรับดอกเบี้ยยังเป็นการช่วยลดปัญหาเงินเฟ้อสูงจากผลกระทบด้านต้นทุนอีกด้วย
คาด FED ส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไป : จากสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย-ยูเครน ที่ยังคงยืดเยื้อ คาดจะเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้การปรับดอกเบี้ยนโยบายของ FED จะเพิ่มขึ้นแบบค่อยเป็นค่อยไป โดยอิงกับภาพรวมการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจในช่วงเวลานั้นเป็นสำคัญ โดยการดำเนินนโยบายขึ้นดอกเบี้ยแบบค่อยเป็นค่อยไป คาดจะเพิ่มแรงหนุนเชิงบวกต่อการกลับเข้าเก็งกำไรในตลาดหุ้นเพิ่มเติม
ทยอยสะสมหุ้นพื้นฐานดี : ยังมองเป็นโอกาสทยอยสะสมหุ้นพื้นฐานดีในจังหวะที่ตลาดย่อตัว โดยเน้นกลุ่มที่อิงการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศเป็นหลัก เช่น ค้าปลีก (CPALL, HMPRO), อาหาร (OSP), ธนาคาร (KBANK), บริหารสินทรัพย์ (JMT), สื่อ (BEC), โรงพยาบาล (BDMS)
MARKET SUMMARY
วานนี้ SET ย่อตัว มีแรงขายมากในหุ้นที่พึ่งพิงกับตลาดจีน โดย SET ปิดที่ 1,644.36 (-15.79 จุด) มูลค่าการซื้อขาย 8.2 หมื่นล้านบาท (เทียบกับวันก่อนหน้า 6.5 หมื่นล้านบาท)
โดยนักลงทุนต่างชาติขายหุ้นไทย 954 ลบ. (นักลงทุนสถาบันขาย 1,414 ลบ. ส่วนตลาด TFEX นักลงทุนต่างชาติ Short Index Future ที่ 4,281 สัญญา)
EYES ON
15-16 มี.ค. การประชุม FED
17 มี.ค. การประชุม BOE
AAPICO Hitech (AH)
แนวโน้มปี2565จะเติบโต
BUY
Share Price THB 23.50
12 m Price Target THB 28.00 (+19%)
Previous Price Target THB 28.00
ประเด็นการลงทุน
แนวโน้มปี 2565 ผู้บริหารตั้งเป้าหมายจะเติบโตสูง 30% แรงหนุนจากอุตสาหกรรมรถยนต์ที่จะเติบโต รวมถึงได้รับคำสั่งซื้อใหม่ซึ่งเป็น Global Model ดีกว่าอุตสาหกรรมรถยนต์ที่ยอดผลิตรถยนต์ในปีนี้ 1.8 ล้านคัน เติบโต 7% ประมาณการของเราค่อนข้างอนุรักษ์นิยม ประเมินยอดขาย 23,045 ล้านบาท โต 12.8% และ มีกำไรสุทธิ 1,130 ล้านบาท โต 10% ส่วนกำไรปกติโต 43% ราคาหุ้นปัจจุบันมี Valuation ที่ถูก ซื้อขาย P/E ปี 2565 ที่ต่ำ 7.4 เท่า P/BV 0.9 เท่า และ อัตราเงินปันผลตอบแทน 4.7% เราคงประเมินราคาเป้าหมาย 28 บาท บนค่า Forward P/E ปี 2565 เท่ากับ 8.8 เท่า โดยให้ส่วนลดจากค่าเฉลี่ย Forward P/E 10 ปี ซึ่งเท่ากับ 9.9 เท่า คงแนะนำ ซื้อ
4Q64กำไรลดลง แต่รวมปี2564กำไรฟื้นตัวแรง
AH ประกาศผลประกอบการ 4Q64 มีกำไรสุทธิที่ลดลงเหลือเพียง 128 ล้านบาท (-45%QoQ, -18%YoY) แม้ว่าไตรมาสนี้จะมียอดขายที่ฟื้นตัวที่ดีขึ้น 5,770 ล้านบาท (+36%QoQ, +4%YoY) และ อัตรากำไรขั้นต้นปรับดีขึ้นเป็น 10.0% จาก 9.3% ในไตรมาสก่อน และ 6.8% ในปีก่อน แต่ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารเพิ่มเป็น 449 ล้านบาท (+45%QoQ, +13%YoY) โดยถูกฉุดจากประเทศโปรตุเกสที่ขาดทุนร่วม 100 ล้านบาทจากปัญหาขาดแคลนไมโครชิป และ เหล็กที่ขึ้นราคายังไม่สามารถปรับราคากับลูกค้าได้ รวมปี 2564 เป็นปีที่มีการฟื้นตัวแรงมียอดขายเท่ากับ 20,433 ล้านบาท โต 19% และ มีกำไรสุทธิเท่ากับ 1,024 ล้านบาท เติบโตสูงถึง 593%YoY
แนวโน้มปี2565ผู้บริหารตั้งเป้าหมายจะโตสูง 30%
AH ได้จัดประชุมนักวิเคราะห์เมื่อวาน (15 มี.ค.) ผู้บริหารตั้งเป้าหมายในปีนี้จะเติบโตสูง 30% แรงหนุนจากอุตสาหกรรมรถยนต์ที่เติบโต ได้รับคำสั่งซื้อใหม่รถกระบะ Ford ซึ่งเป็น Global Model รับรู้ปีนี้ 800 ล้านบาท ปีหน้า 1.1 พันล้านบาท รถ EV จากค่าย Vinfast ของเวียดนาม 100 ล้านบาท เป็นตัวแทนจำหน่ายรถยนต์เพิ่มขึ้น คือ Mazda, MG, GWM เทียบกับยอดผลิตรถยนต์ในปีนี้ 1.8 ล้านคัน เติบโต 7% โดย AH จะเติบโตได้ดีกว่าอุตสาหกรรมรถยนต์รวม จากคำสั่งซื้อใหม่ สำหรับบริษัทย่อยในโปรตุเกส (สัดส่วน 18% ของยอดขาย) ซึ่งไตรมาสสี่ประสบปัญหาขาดแคลนไม่โครชิปทำให้ตลาดยุโรปลดลงถึง 25% และ ทำให้ขาดทุนถึง 100 ล้านบาท ไตรมาสแรกจะฟื้นดีขึ้นไม่ขาดทุน และ ช่วงที่เหลือของปีจะมีกำไรที่ดีขึ้นเล็กน้อย
คงประมาณการแบบอนุรักษ์นิยม คาดยอดขายและกำไรปีนี้จะเติบโตต่อ
เราคงประมาณการแบบอนุรักษ์นิยม และ ต่ำกว่าประมาณการของผู้บริหาร ประเมินยอดขายเท่ากับ 23,045 ล้านบาท เติบโต 12.8% ดีกว่าอุตสาหกรรมรถยนต์ที่มียอดผลิต 1.8 ล้านบาท เติบโต 7% และ คาดจะมีกำไรสุทธิ 1,130 ล้านบาท เติบโต 10% ถ้าไม่รวมกำไรอัตราแลกเปลี่ยนในปีก่อนจะมีกำไรปกติที่โตถึง 43%
Surachai Pramualcharoenkit
surachai.p@maybank.com
(66) 2658 6300 ext 1470
******************************************
กด Like - Share เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ