WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

111098 ABM AT

ABM X AT ลงนาม MOU โครงการ ‘Energy Transformation’ ขยายธุรกิจพลังเชื้อเพลิงชีวมวลให้เติบโตยั่งยืน

          “ABM - แอท เอนเนอจีฯ” ลงนาม MOU โครงการ “Energy Transformation” ผนึกกำลังขยายธุรกิจเชื้อเพลิงชีวมวล และเพิ่มศักยภาพทั้งสองบริษัทให้เติบโตอย่างยั่งยืน ด้าน “ธิญาดา เมฆพงษ์สาทร” พร้อมรุกธุรกิจ Green Transformation สนองนโยบายรัฐใช้พลังงานสะอาดทดแทนการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล หวังช่วยชาติลดโลกร้อน
          นางสาวธิญาดา เมฆพงษ์สาทร กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอเชีย ไบโอแมส จำกัด (มหาชน) หรือ ABM
ผู้ประกอบธุรกิจจัดหาและจัดจำหน่ายเชื้อเพลิงชีวมวล 5 กลุ่ม ประกอบด้วย กลุ่มกะลาปาล์ม, กลุ่มไม้สับและส่วนอื่นๆ ของไม้, กลุ่มขี้กบ ขี้เลื่อย และฝุ่นไม้, กลุ่มชีวมวลอัดแท่ง และกลุ่มสินค้าอื่นๆ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน 2565 ABM และ บริษัท แอท เอนเนอจี โซลูชั่น จำกัด หรือ AT Energy ได้บันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) โครงการ “Energy Transformation” เพื่อแสดงถึงความร่วมกันในการให้บริการลูกค้าที่ติดตั้ง Boiler กับทาง AT Energy ซึ่งจะเลือกใช้เชื้อเพลิงชีวมวลของ ABM จึงได้จัดทำบันทึกข้อตกลงความร่วมมือขึ้น โดยมีวัตถุประสงค์ ดังนี้ 1. เพื่อเป็นศูนย์กลางในการพัฒนาส่งเสริมการใช้พลังงานสะอาดในกลุ่มธุรกิจอุตสาหกรรมอย่างมีประสิทธิภาพ เน้นการเปลี่ยนเชื้อเพลิงฟอสซิลมาสู่กลุ่มเชื้อเพลิงที่เป็น Carbon-Neutral 2. เพื่อร่วมกันส่งเสริมและขยายผลการประยุกต์องค์ความรู้สู่การพัฒนาผลิตภัณฑ์เชื้อเพลิงชีวมวลให้เหมาะสมกับความต้องการใช้พลังงานของภาคอุตสาหกรรม 3. ศึกษาการนำไปใช้ การรับรองปริมาณ และการแลกเปลี่ยน Carbon-credit เพื่อเตรียมความพร้อมภาคอุตสาหกรรมสู่การเป็น Net-zero Emission และ4. เพื่อร่วมกันพัฒนาและเสริมสร้างความเข้มแข็งระยะยาวในการเป็นกลุ่มผู้นำธุรกิจเอกชนด้านพลังงานสะอาด
          สำหรับกรอบแนวทางของความร่วมมือครั้งนี้ เพื่อสร้างศูนย์กลาง Energy-Transformation โดยใช้ประโยชน์จากความเชี่ยวชาญและเพื่อสร้างความร่วมมือทางด้านพลังงานชีวมวลระหว่างบริษัท เอเชีย ไบโอแมส จำกัด (มหาชน) กับ บริษัท แอท เอนเนอจี โซลูชั่น จำกัด รวมทั้งสนับสนุนและส่งเสริมด้านการพัฒนาผลิตภัณฑ์ด้านเชื้อเพลิงชีวมวลให้กับโรงงานอุตสาหกรรมที่ บริษัท แอท เอนเนอจี โซลูชั่น จำกัด เข้าไปดำเนินการขายไอน้ำให้ โดยมีระยะเวลาความร่วมมือ 3 ปี ตั้งแต่วันที่ 24 พฤศจิกายน 2565 ถึง วันที่ 23 พฤศจิกายน 2567
          “การ MOU ครั้งนี้ จะส่งเสริมให้ทั้งสองบริษัทได้ใช้ความเชี่ยวชาญที่มีให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยจะร่วมมือกันจัดหาแหล่งวัตถุดิบ เพื่อนำมาผลิตและจำหน่ายให้กับลูกค้าได้ตรงตามความต้องการ ซึ่งจะช่วยให้ลูกค้ามีความพึงพอใจสูงที่สุด” นางสาวธิญาดา กล่าว
          นางสาวธิญาดา กล่าวด้วยว่า ปัจจุบันรัฐบาลไทยได้ให้ความสำคัญในการแก้ปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศอย่างจริงจังในการใช้พลังงานสะอาดแก้ปัญหาสภาพอากาศ ลดอุณหภูมิโลกที่เพิ่มสูงขึ้นจากการแพร่กระจายก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์หรือก๊าซเรือนกระจก ซึ่ง ABM ในฐานะผู้นำในการให้บริการจัดหาและจัดจำหน่ายเชื้อเพลิงชีวมวลหลากหลายประเภทให้กับลูกค้าในอุตสาหกรรมต่างๆ ที่ใช้พลังงานเชื้อเพลิงชีวมวลในกระบวนการผลิตทั้งในและต่างประเทศ พร้อมสนับสนุนการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลที่ก่อผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม ที่ประเทศทั่วโลกต่างให้ความสำคัญกับพลังงานหมุนเวียนชนิดอื่นๆ แทนพลังงานฟอสซิล รวมทั้งสนับสนุน Green Economy ลด Carbon Footprint ตามนโยบายรัฐบาล เพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศ ด้วยการพัฒนาเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียว (Bio-Circular-Green Economy) ซึ่งกำลังเป็นเทรนด์ในขณะนี้
        อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมา ABM ได้กำหนดยุทธศาสตร์การขยายธุรกิจ Green Transformation เพื่อสนับสนุนการใช้พลังงานสะอาดทดแทนการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล โดยนำเทคโนโลยีและกลยุทธ์ทางดิจิทัล เข้ามาใช้ในการวางรากฐานเป้าหมายและดำเนินธุรกิจให้กับลูกค้าในปัจจุบันและลูกค้าในอนาคต ที่ต้องการปรับเปลี่ยนการใช้พลังงานสิ้นเปลือง หรือพลังงานฟอสซิล ได้แก่ น้ำมัน รวมทั้งหินน้ำมัน ทรายน้ำมัน ถ่านหิน และก๊าซธรรมชาติ มาเป็นพลังงานหมุนเวียน หรือพลังงานชีวมวล (Biomass Energy) ซึ่งเป็นพลังงานที่ผลิตได้จากการนำวัสดุชีวมวล มาผ่านกระบวนการแปรรูปจนได้ก๊าซ นำไปใช้เป็นเชื้อเพลิงเพื่อการผลิตไฟฟ้า ช่วยลดการนำเข้าพลังงานจากต่างประเทศ ลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม ลดรายจ่ายให้กับผู้ผลิตและผู้ใช้พลังงานอย่างครอบคลุมแบบครบวงจร นับเป็นการสร้าง New S-curve ของ ABM ที่ชัดเจนตั้งแต่ปี 2565 เป็นต้นไป
          ด้าน นายเกียรติชาย ไมตรีวงษ์ ผู้อำนวยการองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) กล่าวว่า ความร่วมมือ (MOU) ระหว่างสองบริษัทครั้งนี้ สามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เพื่อยุติการใช้ถ่านหินในการผลิตไฟฟ้า ซึ่งการยุติถ่านหินใน Boiler หรือเตาต่างๆ ในอุตสาหกรรม เป็นการสนับสนุนให้ผู้ที่มี Boiler หรือใช้เชื้อเพลิงเก่าๆ เช่น ถ่านหิน น้ำมัน ฯลฯ หันมาเปลี่ยนเป็นพลังงานเชื้อเพลิงชีวมวล เพื่อเป็นประโยชน์ต่อทั้งตัวมนุษย์โลกและลดความเสี่ยงทางธุรกิจ
          “เราต้องช่วยกันรณรงค์ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก โดยเฉพาะสาเหตุที่เกิดจากการใช้พลังงานฟอสซิลในการผลิตไฟฟ้า ดังนั้นสิ่งที่ทุกคนต้องร่วมกันทำคือการประหยัดไฟฟ้า ต่อมาคือการคมนาคมขนส่งและควรใช้ดิจิทัลให้มากขึ้น เพื่อลดการใช้พาหนะในการเดินทาง ถ้าหากจำเป็นก็ควรเลือกใช้รถไฟฟ้า อย่างไรก็ตาม ภาคอุตสาหกรรมในฐานะที่เป็นผู้ผลิตควรเลือกเชื้อเพลิงที่ถูกต้องที่ไม่ปล่อยก๊าซเรือนกระจก เช่น เลือกผลิตเองโดยใช้ Renewable ดูแลเรื่องการแยกขยะ เนื่องจากขยะจะปล่อยก๊าซมีเทนมีสู่ชั้นบรรยากาศ ในส่วนของด้านของเศรษฐกิจ ในพื้นที่ของโรงงานก็ควรมีการเพิ่มพื้นที่ของต้นไม้หรือทำโปรเจกต์เพื่อสิ่งแวดล้อม เนื่องจาก Carbon-credit ที่ได้จากการปลูกป่า สามารถนำมาลบการปล่อยคาร์บอนด์ นำไปสู่ Net Zero ได้ ซึ่งเป็นเป้าหมายของหลายองค์กรในโลกนี้ เช่นเดียวกับการ MOU ระหว่าง ABM และ AT Energy จะเป็นต้นแบบสำคัญในการร่วมมือกันลดโลกร้อนในภาคธุรกิจและอุตสาหกรรม” นายเกียรติชาย กล่าว

 

A111098

Click Donate Support Web  

EXIM One 720x90 C J

วิริยะ 720x100

AXA 720 x100

aia 720 x100

PTG 720x100TU720x100sme 720x100

BANPU 720x100QIC 720x100

ธกส 720x100

ใจฟู720x100px

ais 720x100

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!