WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

10175 FETCO ICS

ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนปรับลงสู่เกณฑ์ซบเซา นักลงทุนคาดหวังปัจจัยหนุนจากภาคท่องเที่ยวและเศรษฐกิจฟื้นตัว ขณะที่กังวลเรื่องนโยบายขึ้นดอกเบี้ยของ FED และเงินทุนไหลออก

          นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล ประธานกรรมการสภาธุรกิจตลาดทุนไทย เปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน (FETCO Investor Confidence Index) ผลสำรวจในเดือนกันยายน 2565 พบว่าดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน (FETCO Investor Confidence Index: ICI) ในอีก 3 เดือนข้างหน้าอยู่ที่ระดับ 67.83 ปรับตัวลดลง 41.8% จากเดือนก่อนหน้ามาอยู่ในเกณฑ์ซบเซานักลงทุนมองว่าการฟื้นต้วของภาคท่องเที่ยวจะเป็นปัจจัยหนุนความเชื่อมั่นมากที่สุด รองลงมาคือการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศ และการขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของ กนง. สำหรับปัจจัยที่ฉุดความเชื่อมั่นนักลงทุนมากที่สุด ได้แก่ นโยบายการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของ FED รองลงมาคือ การไหลออกของเงินทุน และสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างประเทศ

          ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน (FETCO Investor Confidence Index) สำรวจในเดือนกันยายน 2565 ได้ผลสำรวจโดยสรุป ดังนี้

          ● ดัชนีความเชื่อมั่นรวมทุกกลุ่มนักลงทุนในอีก 3 เดือนข้างหน้า (ธันวาคม 2565) อยู่ในเกณฑ์ซบเซา” (ช่วงค่าดัชนี 40-79) ลดลง 41.8% จากเดือนก่อนหน้า มาอยู่ที่ระดับ 67.83 

          ● ความเชื่อมั่นกลุ่มนักลงทุนบุคคล และกลุ่มนักลงทุนต่างประเทศ ปรับลงมาอยู่ในเกณฑ์ซบเซาในขณะที่ความเชื่อมั่นกลุ่มบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ และกลุ่มนักลงทุนสถาบันในประเทศ อยู่ในระดับทรงตัว” 

          ● หมวดธุรกิจที่น่าสนใจมากที่สุด คือ หมวดท่องเที่ยวและสันทนาการ (TOURISM)

          ● หมวดธุรกิจที่ไม่น่าสนใจมากที่สุด คือ หมวดปิโตรเคมีและเคมีภัณฑ์ (PETRO)

          ● ปัจจัยหนุนที่มีอิทธิพลต่อตลาดหุ้นไทยมากที่สุด คือ การฟื้นต้วของภาคท่องเที่ยว

          ● ปัจจัยฉุดที่มีอิทธิพลต่อตลาดหุ้นไทยมากที่สุด คือ นโยบายการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของ FED 

          ผลสำรวจ เดือนกันยายน 2565 รายกลุ่มนักลงทุน พบว่าความเชื่อมั่นนักลงทุนแทบทุกกลุ่มปรับลดลงโดย นักลงทุนบุคคลปรับลดลง 39.3% อยู่ที่ระดับ 77.33 กลุ่มบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ปรับลดลง 28.6% อยู่ที่ระดับ 100.00 กลุ่มนักลงทุนต่างชาติปรับลดลง 60.0% อยู่ที่ระดับ 40.00 ในขณะที่กลุ่มนักลงทุนสถาบันในประเทศปรับเพิ่ม 6.2% อยู่ที่ระดับ 113.33

          ในช่วงเดือนกันยายน 2565 SET Index ปรับตัวเพิ่มขึ้นในสัปดาห์แรกในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นทั่วโลก และทยอยปรับตัวลดลงหลังเผชิญแรงกดดันหลายประเด็น อาทิ ตัวเลขอัตราเงินเฟ้อสหรัฐเพิ่มขึ้นเกินกว่าคาดซึ่งส่งผลต่อความกังวลต่อการเร่งขึ้นอัตราดอกเบี้ยของ FED แนวโน้มการถดถอยของเศรษฐกิจโลกในปี 2566 ตามที่ธนาคารโลกได้ออกมาประกาศ สถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างรัสเซียยูเครนที่ทวีความตึงเครียดขึ้นหลังรัสเซียสั่งระดมทหารกองหนุนเพิ่มขึ้นเพื่อเตรียมทำสงครามกับยูเครน นอกจากนี้ การปรับลดน้ำหนักหุ้นไทยของดัชนี FTSE ซึ่งมีผลในวันที่ 16 กันยายน 2565 ยังเป็นอีกปัจจัยที่เพิ่มความกดดันต่อนักลงทุน โดยตลอดทั้งเดือนกันยายน 2565 SET index เคลื่อนไหวในกรอบแคบระหว่าง 1,589.51— 1,665.74 จุดและ SET Index สิ้นเดือนปิดที่ 1,589.51 จุด ปรับตัวลดลง 3% จากเดือนก่อนหน้า ในขณะที่นักลงทุนต่างชาติกลับมาขายสุทธิในเดือนกันยายน 2565 กว่า 24,279 ล้านบาท โดยตลอดทั้งปี 2565 นักลงทุนต่างชาติยังคงซื้อสุทธิเป็นมูลค่า 146,465 ล้านบาท

          ปัจจัยต่างประเทศที่ต้องติดตามได้แก่ แนวโน้มการใช้นโยบายการเงินที่เข้มงวดขึ้นของ FED รวมถึงการขึ้นดอกเบี้ยในระยะถัดไปเพื่อต่อสู้กับอัตราเงินเฟ้อสหรัฐที่ยังคงสูง อีกทั้งนโยบายการเงินของธนาคารกลางในหลายประเทศที่ออกมาเพื่อบริหารจัดการความผันผวนในตลาดอัตราแลกเปลี่ยน แนวโน้มการถดถอยของเศรษฐกิจโลก และสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างรัสเซียยูเครนที่ตึงเครียดขึ้นหลังรัสเซียรับรองพื้นที่ 4 เขตในยูเครนให้เป็นดินแดนของรัสเซีย ในส่วนของปัจจัยในประเทศที่น่าติดตาม ได้แก่ การเข้าสู่ยุคดอกเบี้ยขาขึ้นของประเทศไทยหลังจากธนาคารแห่งประเทศไทยได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายเป็นครั้งที่ 2 มาอยู่ในระดับ 1% แนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยที่ได้แรงหนุนจากภาคการท่องเที่ยวซึ่งขยายตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง และสถานการณ์ทางการเมืองในประเทศที่คาดว่าจะมีการเลือกตั้งในช่วงไตรมาส 2 ของปี 2566”

 

A10175

Click Donate Support Web  

EXIM One 720x90 C J

วิริยะ 720x100

AXA 720 x100

aia 720 x100

PTG 720x100TU720x100sme 720x100

BANPU 720x100QIC 720x100

ธกส 720x100

ใจฟู720x100px

ais 720x100

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!