WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

 1หยอง โจ

แถลงตาย-เผาแล้ว ศพหยอง อนุมัติจับ'พ.อ.โจ้' กรมคุกชี้เหตุติดเชื้อในเลือด ประวิตรย้ำดำเนินคดี"คชาชาต" ราชกิจจาถอดยศ-ริบเครื่องราช 'พล.ต.พิสิฐศักดิ์'ฐานแอบอ้าง

      กรมคุกออกแถลงการณ์ 'หมอหยอง' ตายแล้ว ด้วยอาการติดเชื้อในกระแสเลือด ตั้งแต่คืนวันที่ 7 พ.ย.ที่ผ่านมา หลังป่วยหนักแล้วถูก นำส่งร.พ.ราชทัณฑ์โดยมีอาการป่วย-มีโรคประจำตัวตั้งแต่ก่อนเข้าเรือนจำ ญาติรับศพ-ทำพิธีเผาทันที ส่วนราชกิจจาฯเผยแพร่ประกาศให้ถอดยศทหาร-เรียกคืนเครื่องราชฯจากเสธ.เฮง ระบุทําผิดวินัยทหารประพฤติชั่วร้ายแรง แอบอ้างพระราชกระแสใช้อํานาจหน้าที่ในทางมิชอบหาผลประโยชน์ให้ตัวเองและพวกพ้อง ขณะที่บิ๊กป้อมย้ำคดี'พ.อ.คชาชาต' ชัดเจน โดยทัพภาคที่ 3 สั่งตั้งคกก.สอบ-ถ้าขาดงานถึง 17 พ.ย.ให้ออกราชการ ด้านศาลทหารออกหมายจับเสธ.โจ้ พร้อมพวก แอบอ้างเบื้องสูงไถ 2 บริษัทใหญ่

วันที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558 ปีที่ 25 ฉบับที่ 9113 ข่าวสดรายวัน

 
หยอง-โจ้ -ภาพถ่ายนายสุริยัน สุจริตพลวงศ์ หรือหมอหยอง กับพ.อ.คชาชาต บุญดี หรือเสธ.โจ้ ล่าสุดหมอหยองเสียชีวิตที่เรือนจำมทบ.11 ส่วนเสธ.โจ้หนีไปพม่าก่อนถูกแจ้งจับ

       จากกรณีเจ้าหน้าที่ออกหมายจับและคุมตัวกลุ่มผู้ต้องหาแอบอ้างเบื้องสูงไปเรียกรับผลประโยชน์ โดยอ้างโครงการสำคัญ นำโดยนายสุริยัน สุจริตพลวงศ์ หรือหมอหยอง ก่อนคุมตัวไปคุมขังไว้ที่เรือนจำชั่วคราว แขวงถนนนครไชยศรี ภายในมณฑลทหารบกที่ 11 (มทบ.11) จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้ขยายผลสืบสวนถึงผู้ร่วมกระทำผิด ต่อมาฝ่ายกฎหมายของคสช.เข้าแจ้งความเอาผิดกับนายสุริยัน และพ.อ.คชาชาต บุญดี หรือเสธ.โจ้ นายทหารฝ่ายเสนาธิการ ประจำกองทัพภาคที่ 3 ฐานแอบอ้างเบื้องสูงเรียกรับผลประโยชน์จากบริษัท ซีพีออลล์ และบริษัทคิง เพาเวอร์ จำกัด นอกจากนี้ยังพบข้อมูลเชื่อมโยงถึงพล.ต. เกี่ยวข้องด้วย ตามที่เคยเสนอข่าวไปนั้น


บิ๊กต๊อกแถลง'หมอหยอง'ตาย
      สำหรับ ความคืบหน้า เมื่อเวลา 12.30 น. วันที่ 9 พ.ย. ที่กระทรวงยุติธรรม (ยธ.) พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม แถลงถึงกระแสข่าวการเสียชีวิตของนายสุริยัน หรือหมอหยอง ว่าเมื่อคืนวันที่ 7 พ.ย.ที่ผ่านมา ได้รับรายงานจากนายวิทยา สุริยะวงค์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ว่าได้นำตัวนายสุริยันออกจากเรือนจำชั่วคราว แขวงถนนนครไชยศรี ภายในมทบ.11 เนื่องจากมีอาการป่วยหนัก จึงเร่งนำส่งแพทย์เพื่อรักษาอาการป่วยที่ทัณฑสถานร.พ.ราชทัณฑ์ ก่อนเสียชีวิตในช่วงกลางดึกวันเดียวกัน
      พล.อ.ไพบูลย์ กล่าวต่อว่า หลังจากนายสุริยันเสียชีวิต พนักงานสอบสวนร่วมกับพนักงานอัยการ ฝ่ายปกครองและแพทย์ ชันสูตรพลิกศพหาสาเหตุการตาย ซึ่งจากการตรวจพิสูจน์ดังกล่าว ได้รับรายงานจากแพทย์พบว่า นายสุริยันเสียชีวิตด้วยอาการติดเชื้อในกระแสเลือด ก่อนออกใบมรณบัตรตามขั้นตอนหลังพิสูจน์แล้ว ส่วนกรณีหากญาติของนายสุริยันติดใจหรือข้องใจสาเหตุการตาย สามารถร้องขอตามขั้นตอนของกฎหมายเพื่อตรวจสอบได้ ขณะที่ศพของนายสุริยันนั้น ทางญาติจะรับศพไปเมื่อใดนั้น ไม่ทราบรายละเอียด ต้องถามอธิบดีกรมราชทัณฑ์
      "สำหรับ เรื่องการดูแลผู้ต้องขังนั้นได้สอบถามไปยังผู้เกี่ยวข้องว่าดูแลกันอย่างไรจึงตาย ความจริงแล้วหมอหยองมีอาการป่วยตลอด ขณะขึ้นศาลทหารครั้งที่แล้วยังมีอาการป่วย ซึ่งปกติก่อนเข้าเรือนจำก็มีโรคประจำตัวอยู่แล้ว เหมือนกรณีผู้ต้องขังที่เป็นอดีตผู้บริหารธนาคารกรุงไทย ซึ่งเหมือนกับกรณีนายสุริยันที่มีอาการป่วยเช่นกัน เพราะหลังจากนำตัวเข้าเรือนจำที่มทบ.11 ก็ต้องเกิดความเครียดและกดดันเป็นธรรมดา ซึ่งราชทัณฑ์ส่งแพทย์เข้าไปดูแลอาการตลอด ส่วนเรื่องการเฝ้าเวรยามผู้ต้องขังมีกฎระเบียบอยู่แล้ว โดยทุกชั่วโมงและครึ่งชั่วโมงจะมีเจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบ โดยวันที่ 7 พ.ย.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่เห็นนายสุริยันมีอาการป่วย จึงนำตัวส่งทัณฑสถานร.พ. ราช ทัณฑ์"พล.อ.ไพบูลย์กล่าว

เสียชีวิตช่วงค่ำวันที่ 7 พ.ย.
   วันเดียวกัน กรมราชทัณฑ์ออกแถลงการณ์ว่า เมื่อวันเสาร์ที่ 7 พฤศจิกายน 2558 กรมราชทัณฑ์ ได้รับรายงานจากเรือนจําชั่วคราวแขวงถนนนครไชยศรี สังกัดเรือนจําพิเศษกรุงเทพมหานครว่า เวลาประมาณ 21.00 น. ข.ช.สุริยัน สุจริตพลวงศ์ ผู้ต้องขังคดีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ซึ่งในขณะนี้อยู่ระหว่างฝากขังผัดที่ 2 เวรรักษาการณ์ไปตรวจพบขณะนอนอยู่ในห้องขัง เรียกชื่อไม่ขานตอบ มองจากภายนอกห้องขังเห็นว่ามีอาการหายใจเฮือก จึงรีบแจ้งให้หน่วยเสนารักษ์ประจํา มทบ.11 มาตรวจสอบพบว่าชีพจรอ่อน ไม่รู้สึกตัว จึงรีบนําตัวส่งทัณฑ สถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ แขวงลาดยาว เขตจตุจักร
     เมื่อไปถึงทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ เวลา 22.20 น. ห้องฉุกเฉินแรกรับพบว่า ผู้ต้องขังดังกล่าวไม่รู้สึกตัว ไม่ตอบสนองใดๆ วัดสัญญาณชีพจรไม่ได้ ม่านตาขยาย 4 ม.ม. ไม่ตอบสนองต่อแสงทั้งสองข้าง โรงพยาบาลได้ดําเนินการช่วยฟื้นคืนชีพเป็นเวลาชั่วโมงเศษ แต่ไม่ประสบความสําเร็จ แพทย์เวรลงความเห็นว่าเสียชีวิต
     การเสียชีวิตครั้งนี้เป็นการเสียชีวิตระหว่างถูกควบคุมตัว เจ้าพนักงานมีหน้าที่ต้องปฏิบัติตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา คือต้องแจ้งให้พนักงานสอบสวน แพทย์ พนักงานอัยการ และพนักงานฝ่ายปกครอง รวม 4 ฝ่าย มาชันสูตรพลิกศพ ซึ่งในกรณีนี้ได้แจ้งพนักงานสอบสวน สน.ประชาชื่น ซึ่งเป็นท้องที่ที่พบศพเข้ามาดําเนินการ

เหตุติดเชื้อในกระแสเลือด
      ส่วนสาเหตุการเสียชีวิต ซึ่งชันสูตรโดยสถาบันนิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตํารวจ ได้ตรวจพิสูจน์ศพเรียบร้อย เอกสารลงวันที่ 8 พฤศจิกายน 2558 ปรากฏสาเหตุการเสียชีวิต สันนิษฐานว่า "ระบบหายใจไหลเวียนโลหิตล้มเหลวจากติดเชื้อในกระแสโลหิต" เรือนจําได้แจ้งญาติผู้เสียชีวิตให้มาขอรับศพ เพื่อไปดําเนินการตามประเพณีต่อไป


บัญชาการ - ภาพถ่ายเมื่อครั้งพ.อ.คชาชาต หรือเสธ.โจ้ ผู้ต้องหาแอบอ้างเบื้องสูงรายล่าสุด ยืนควบคุมดูแลการ จัดการเสื้อยืดที่ใช้ใน"กิจกรรมปั่นเพื่อแม่" ภายในกรมทหาร

       สําหรับ การดําเนินการหลังการเสียชีวิต เรือนจําพิเศษกรุงเทพมหานครได้ตั้งกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง เพื่อรายงานผลมาให้กรมราชทัณฑ์พิจารณา ส่วนการดําเนินการตามกฎหมาย กรณีเสียชีวิตในสถานที่คุมขังนั้น พนักงานสอบสวน สน.ประชาชื่น จะเป็นผู้ ดําเนินการในเรื่องการไต่สวนการเสียชีวิตต่อไป
      เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 5 พฤศจิกายน 2558 ต่อเนื่องถึงวันศุกร์ที่ 6 พฤศจิกายน 2558 ผู้ต้องขังมีอาการไข้สูง กระสับกระส่าย ไอ พยาบาลเสนารักษ์ประจําเรือนจําได้จ่ายยาลดไข้ ยาลดอาการไอ แล้วให้นอนพัก
       แถลงการณ์ ระบุอีกว่า ต่อมาในวันเสาร์ที่ 7 พฤศจิกายน 2558 เวลาประมาณ 21.00 น. เจ้าหน้าที่เวรไปตรวจพบว่า ผู้ต้องขังมีอาการเรียกไม่รู้สึกตัว หายใจเฮือกยาว เสนารักษ์จึงแจ้งให้นําส่งทัณฑสถานโรงพยาบาลราช ทัณฑ์ทันที
       เมื่อไปถึงทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ แพทย์เวรได้พยายามช่วยชีวิตตามหลักเกณฑ์และจรรยาบรรณทางวิชาชีพ ทํากระบวนการฟื้นคืนชีพ (Advanced CPR: Cardio Pulmonary Resuscitation) ใช้เวลา ดําเนินกระบวนการ ตั้งแต่แรกพบตัว โดยใส่ท่อช่วยหายใจ ปั๊มหัวใจ ให้ยากระตุ้นหัวใจและความดันโลหิต ฯลฯ โดยใช้เวลา 1 ชั่วโมงเศษ แต่ไม่ประสบความสําเร็จ จึงได้แจ้งพนักงานสอบสวนท้องที่ มาดําเนินการตามกฎหมายต่อไป มีความเป็นได้หรือไม่ว่า มีเชื้อใดที่ทําให้ผู้ป่วยเสียชีวิตทันทีได้อย่างรวดเร็ว

ญาติเผาศพ'หยอง'ทันที
      เท่าที่สอบถามกับแพทย์พบว่า มีเชื้อโรคที่เป็นสาเหตุทําให้ระบบหายใจล้มเหลวแล้วเสียชีวิตอย่างรวดเร็วได้ เช่น เชื้อไวรัสที่ติดต่อทางเดินหายใจ สายพันธุ์รุนแรง ผู้รับเชื้อจะเกิดอาการอย่างเฉียบพลัน ยากแก่การประเมินหรือรักษาไม่ทันการณ์ โดยเฉพาะผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงสูง เช่น ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยเบาหวาน ผู้ป่วยที่ได้รับสารสเตียรอยด์ เพื่อกดภูมิต้านทาน หรือผู้เป็นโรคที่ยังไม่ได้ระบุการตรวจวินิจฉัย โดยเฉพาะผู้ที่มีภูมิต้านทานอ่อนแอจากการเป็นโรคประจําตัวบางอย่าง หรือภาวะภูมิต้านทานบกพร่องจากโรคเฉพาะตัวที่ยังไม่ได้รับการค้นพบ หากได้รับเชื้อไวรัสดังกล่าวจะมีอาการรุนแรงและอาจเสียชีวิตได้อย่างรวดเร็ว เช่น ไวรัส ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ที่รุนแรง
   ซึ่งในกรณี ข.ช.สุริยัน มีความเป็นไปได้ที่ผู้ต้องขังอาจมีภูมิต้านทานอ่อนแอ โดยตรวจพบจากการเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ เมื่อวันที่ 22 ตุลาคม 2558 ว่า มีภาวะไขมันสะสมในตับสูง ประกอบกับผลการตรวจเลือดในขณะการช่วยฟื้นคืนชีพ เมื่อคืนวันที่ 7 พฤศจิกายน 2558 พบมีเอนไซม์การทํางานของตับสูง ตรวจความสมบูรณ์ของเม็ดเลือดพบว่า มีภาวะเกล็ดเลือดต่ำกว่าปกติ มีเพียง 60,000 คิวบิกมิลลิเมตร (ค่าปกติ ตั้งแต่ 140,000-400,000/คิวบิกมิลลิเมตร) สันนิษฐานว่าเมื่อได้รับเชื้อโรคที่เป็นสาเหตุของการติดเชื้อในกระแสเลือดเข้าไป จึงอาจทําให้ระบบหายใจล้มเหลวและนําไปสู่การเสียชีวิตอย่างรวดเร็ว
     รายงานข่าวแจ้งว่า สำนักทะเบียนเขตจตุจักร ได้ออกใบมรณบัตรนายสุริยัน สุจริตพลวงศ์ อายุ 52 ปี เสียชีวิตเมื่อวันที่ 7 พ.ย.2558 เวลา 22.20 น. โดยสันนิษฐานว่าระบบหายใจไหลเวียนโลหิตล้มเหลวจากการติดเชื้อ ที่ร.พ.กลางกรมราชทัณฑ์ แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กทม. โดยในใบมรณบัตรยังระบุว่าเผาศพที่วัดทองสุทธาราม เขตบางซื่อ กทม. วันที่รับแจ้งการตาย 9 พ.ย.2558
    ต่อมาผู้สื่อข่าวเดินทางไปยังวัดทอง สุทธาราม เขตบางซื่อ กทม. ซึ่งเป็นสถานที่เผาศพหมอหยองตามใบมรณบัตรที่แจ้งไว้ พบญาติของหมอหยองเดินอยู่บริเวณรอบเมรุ ก่อนได้รับแจ้งว่าได้มีการเผาศพหมอหยองไปแล้ว จากนั้นญาติของหมอหยองจะเดินทางกลับ

ถอดยศเสธ.เฮง-ริบเครื่องราชฯ
      ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในเว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษาได้เผยแพร่ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่องให้นายทหารสัญญาบัตรออกจากราชการ พระราชทานพระบรมราชานุญาตให้ถอดยศทหารและเรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ระบุมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ปลด พลตรีพิสิฐศักดิ์ เสนีวงศ์ ณ อยุธยา รองผู้บังคับหน่วยทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ หน่วยบัญชาการถวายความปลอดภัยรักษาพระองค์ออกจากราชการ และพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้ถอดออกจากยศทหาร ตั้งแต่วันที่ 16 ตุลาคม 2558 ซึ่งเป็นวันที่มีคําสั่งพักราชการ เนื่องจากกระทําผิดวินัยทหารประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง กระด้างกระเดื่อง ขัดพระราชบัณฑูร ไม่ปฏิบัติตามคําสั่ง ผู้บังคับบัญชา แอบอ้างพระราชกระแส ใช้อํานาจหน้าที่ในทางมิชอบ หาผลประโยชน์ให้กับตัวเองและพวกพ้องเป็นภัยต่อความมั่นคงสถาบัน ทั้งนี้ ตามข้อ 4 ของข้อบังคับกระทรวงกลาโหมว่าด้วยการบรรจุ ปลด ย้าย เลื่อน และลดตําแหน่งข้าราชการกลาโหม พ.ศ.2502 และข้อ 2 ของระเบียบกระทรวงกลาโหมว่าด้วยผู้ซึ่งไม่สมควรจะดํารงอยู่ในยศทหารและบรรดาศักดิ์ พ.ศ.2507

       และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราช ทานพระบรมราชานุญาตให้เรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ชั้นทวีติยาภรณ์ช้างเผือก ทวีติยา ภรณ์มงกุฎไทย ตริตาภรณ์ช้างเผือก ตริตาภรณ์มงกุฎไทย จัตุรถาภรณ์ช้างเผือก จัตุรถาภรณ์มงกุฎไทย และเหรียญจักรมาลา ที่บุคคลดังกล่าวได้รับพระราชทาน ตามข้อ 6 และข้อ 7 (4) ของระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตเรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ พ.ศ.2548 ประกาศวันที่ 9 พฤศจิกายน 2558 ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี
      ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับพล.ต.พิสิฐศักดิ์ เสนีวงศ์ ณ อยุธยา หรือเสธ.เฮง มีตำแหน่งเป็นรองผู้บังคับหน่วยทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ หน่วยบัญชาการถวายความปลอดภัยรักษาพระองค์ กระทั่งมีประกาศสำนักนายกรัฐมนตรีให้ถอดยศทหารและเรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์

ปปง.เดินหน้ายึดทรัพย์หยอง
      ขณะที่พ.ต.อ.สีหนาท ประยูรรัตน์ เลขาธิ การคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) กล่าวถึงกรณีการเสียชีวิตของนายสุริยัน หรือหมอหยองว่า ไม่ส่งผลกระทบกับการทำงานของปปง. เพราะเป็นเรื่องกระบวนการทางแพ่ง ซึ่งการได้มาของทรัพย์ สินที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด ปปง.ต้องดำเนินการกับทุกคน แม้จะเสียชีวิตไปแล้วก็ตาม เบื้องต้นปปง.จะดำเนินการในส่วนของการยึดทรัพย์ในคดีดังกล่าว ซึ่งต้องรอพนักงานสอบสวนสรุปสำนวนให้ชัดเจนก่อนว่าใครเป็นผู้กระทำความผิด ใครเป็นผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง หรือมีความเกี่ยวข้องปฏิสัมพันธ์ในคดีดังกล่าวบ้าง หรือไม่อย่างไร เพราะการจะเข้าไปยึดอายัดทรัพย์สิน ต้องมีความชัดเจนในเรื่องของการกระทำความผิด ทั้งตัวบุคคลและเส้นทางการเงินก่อน ปปง.จึงจะเข้าไปดำเนินการได้
     พ.ต.อ.สีหนาท กล่าวอีกว่า คดีเหล่านี้ไม่เหมือนคดีทั่วไป เช่น คดียาเสพติด หรือคดีฉ้อโกง ยูฟันฯ เพราะคดีดังกล่าวเป็นคดีที่ละเอียดอ่อน ซึ่งเส้นทางการเงินของนายสุริยันกับพวก ขณะนี้ปปง.กำลังดำเนินการขอเอกสารจากสถาบันการเงินต่างๆ พร้อมตรวจสอบบัญชีทุกประเภทไม่ว่าจากธนาคาร บริษัทหลักทรัพย์ รวมถึงบริษัทหลักทรัพย์ที่ดูแลกองทุนต่างๆ และประกันชีวิตทุกประเภทอีกด้วย โดยในชั้นนี้ยังไม่ขอเปิดเผยในรายละเอียด จึงต้องขอให้เจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบตามขั้นตอนต่อไปก่อน

บิ๊กป้อมรับแจ้งจับ'คชาชาต'
      ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และรมว.กลาโหม กล่าวถึงกรณีตำรวจออกหมายจับพ.อ.คชาชาต บุญดี นายทหารฝ่ายเสนาธิการ ประจำกองทัพภาคที่ 3 ในความผิดฐานแอบอ้างเบื้องสูงเรียกรับเงินว่า "ก็ออกหมายจับมาแล้ว เวลานี้มีคนเดียว"
     ผู้สื่อข่าวถามว่า ก่อนหน้านี้ท่านเคยระบุไม่มีทหารเข้าไปเกี่ยวข้อง รองนายกฯ กล่าวว่า "ก่อนหน้านี้ไม่มี หมายจับเพิ่งออกมา จะปฏิเสธอย่างไร ตอนนี้ผมเพิ่งรู้เพราะตำรวจเพิ่งบอก จะหาว่าผมปฏิเสธได้อย่างไร จะมาว่าผมปฏิเสธไม่ได้ เพราะก่อนหน้านี้ผมไม่รู้"
     เมื่อถามว่า เหตุการณ์ดังกล่าวจะส่งผลต่อกองทัพหรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า จะส่งอะไร คนหนีไปแล้ว จะทำอย่างไร ตนย้ำแล้วว่าเป็นเรื่องบุคคล เวลานี้ยังมีรายเดียว แต่จะมีอีกหรือไม่ยังไม่พูด ตำรวจก็สืบสวนต่อไป
      เมื่อถามว่า การจับกุมครั้งนี้เชื่อมโยงกับนายสุริยัน หรือหมอหยอง ผู้ต้องหาแอบอ้างเบื้องสูงด้วยหรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า สื่อรู้อยู่แล้ว ไม่รู้จะถามทำไม ก็มีอยู่แค่ คดีเดียว
      เมื่อถามว่า จะต้องขยายผลต่อไปถึงการก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์ด้วยหรือไม่ รอง นายกฯ กล่าวว่า ไม่รู้ว่าจะเกี่ยวอย่างไร เกี่ยวกับเรื่องอะไร ต้องให้ตำรวจสอบสวนไปว่ามีใครเข้าไปเกี่ยวข้องหรือไม่
      รายงานข่าวแจ้งว่า กองทัพภาคที่ 3 ตรวจสอบทราบว่า พ.อ.คชาชาตไม่ได้เข้ามาทำงานตั้งแต่วันที่ 2 พ.ย. ที่ผ่านมา โดยไม่มีการลางานหรือแจ้งเป็นหนังสือใดๆ จึงนับเป็นการขาดงาน หากขาดราชการนานติดต่อกันเป็นเวลา 15 วัน จนถึงวันที่ 17 พ.ย. โดยไม่แจ้งให้ทราบ อาจมีผลให้ต้องออกจากราชการ ขณะที่พล.ท.สมศักดิ์ นิลบรรเจิดกุล แม่ทัพภาคที่ 3 สั่งการให้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับพ.อ.คชาชาต แล้ว

ออกหมายจับเสธ.โจ้แล้ว
      เมื่อเวลา 16.00 น. ศาลทหารกรุงเทพได้อนุมัติหมายจับนายจิรวงศ์ วัฒนเทวาศิลป์ และพ.อ.คชาชาต บุญดี ตามที่พ.ต.อ.พงษ์ไสว แช่มลำเจียก พนักงานสอบสวนผู้ทรงคุณวุฒิ กก.1 บก.ป. พร้อมด้วยพนักงานสอบสวนได้มายื่นขออำนาจศาลอนุมัติหมายจับ จากเมื่อวันที่ 7 พ.ย. พล.ต.วิจารณ์ จดแตง ผอ.ส่วนกฎหมายและสิทธิมนุษยชน กอ.รมน. และหัวหน้าฝ่ายกฎหมายหน่วยเฉพาะกิจการข่าว คสช. ได้เข้าร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวน บก.ป.เพิ่มเติมอีก 2 คดี คือเลขที่คดี 113/2558 และเลขที่คดี 114/2558 โดยได้ร้องทุกข์กล่าวโทษ นายจิรวงศ์ และพ.อ. คชาชาต ในความผิดฐานร่วมกันหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาทหรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ และเป็น เจ้าหน้าที่รัฐปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในพฤติการณ์ที่ทำให้ผู้อื่นเชื่อว่ามีตำแหน่งหรือหน้าที่ ทั้งที่ตนมิได้มีตำแหน่งหรือหน้าที่นั้นเพื่อแสดงหาผลประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมายสำหรับตนเองหรือผู้อื่น หรือในความผิดฐานอื่นที่พบภายหลัง
      สำหรับ คดีแรกพฤติการณ์คือ แอบอ้างเบื้องสูงในการดำเนินกิจกรรมสำคัญที่ได้จัดขึ้นไปแล้ว เหตุเกิดกรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ ถ.พหลโยธิน แขวงอนุสาวรีย์ เขตบางเขน และบริษัทซีพีออลล์ แขวงสีลม เขตบางรัก เมื่อปลายเดือน พ.ค.-ส.ค.2558 ส่วนคดีที่ 2 พฤติการณ์ คือแอบอ้างเบื้องสูง ในการดำเนินกิจกรรมสำคัญที่กำลังจะจัดขึ้น เหตุเกิดบริษัทคิงเพาเวอร์ จำกัด ถ.ซอยรางน้ำ แขวงพญาไท เขตราชเทวี เมื่อวันที่ 20 ก.ย.58
      สำหรับ นายสุริยัน หรือหมอหยอง ที่พล.ต.วิจารณ์ได้ร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวน บก.ป.นั้น ได้เสียชีวิต จึงจำหน่ายจากการขออนุมัติหมายจับตาม ขั้นตอน

ผบ.ตร.สั่งล่าพ.อ.หนีไปพม่า
      ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ. จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. กล่าวถึงกรณีกองทัพปฏิเสธไม่มีทหารเข้ามาเกี่ยวข้องกับคดีแอบอ้างเบื้องสูงว่า กองทัพออกมาปฏิเสธเช่นนั้น เพราะขณะนั้นอยู่ระหว่างการสืบสวนสอบสวน เมื่อพบความเชื่อมโยงไปถึงใครก็ดำเนินการอยู่แล้ว ตนไม่กังวลที่มีทหารเข้ามามีความผิดเกี่ยวข้องกับมาตรา 112 เพราะทำไปตามพยานหลักฐาน ส่วนหลังจากนี้จะขยายผลว่ามีนายทหารยศพล.ต.เชื่อมโยงด้วยหรือไม่นั้น ตนไม่ทราบ ต้องให้เป็นหน้าที่ของพนักงานสืบสวนสอบสวน เพราะไม่เคยไปก้าวก่ายการทำหน้าที่ เชื่อว่าพล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รรท.รองผบ.ตร. และพล.ต.ท.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ ผบช.ก. ทำเต็มที่อยู่แล้ว
      ผบ.ตร.กล่าวอีกว่า หากผู้ต้องหาหลบหนีออกนอกประเทศ ตำรวจก็มีช่องทางนำตัวมาดำเนินคดีอยู่แล้ว เป็นไปตามขั้นตอนกระบวนการปกติ ส่วนที่ว่าหลบหนีไปอยู่กับกลุ่มชาติพันธุ์จะเป็นการนำตัวกลับมายากกว่าปกติหรือไม่นั้น ตนไม่ทราบ โดยจะมีการประสานไปยังกลุ่มชาติพันธุ์ด้วยหรือไม่นั้น เป็นหน้าที่ของพนักงานสืบสวนสอบสวน ตำรวจที่ปฏิบัติงานตามชายแดนคงไม่มีอุปสรรคในการทำงานหากมีกรณีดังกล่าวจริง

แจงคดีแจ้งจับคชาชาตแอบอ้าง
      ด้านพล.ต.ต.ปิยะพันธ์ ปิงเมือง รอง โฆษกตร. กล่าวว่า ยังไม่มีการออกหมายจับพ.อ.คชาชาต หรือเสธ.โจ้ เป็นเพียงการแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษของพล.ต.วิจารณ์ จดแตง ผอ.ส่วนกฎหมายและสิทธิมนุษยชน กอ.รมน. และหัวหน้าฝ่ายกฎหมายหน่วยเฉพาะกิจการข่าว คสช. เมื่อวันที่ 7 พ.ย. ที่ผ่านมา โดยร้องทุกข์กล่าวโทษนายสุริยัน หรือหมอหยอง และพวกเพิ่มเติมอีก 2 คดี ประกอบด้วยเลขคดี 113/2558 กล่าวโทษนายสุริยัน, นายจิรวงศ์ วัฒนเทวาศิลป์ และพ.อ.คชาชาต ฐานความผิดมาตรา 112 และเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในพฤติการณ์ที่ทำให้ผู้อื่นเชื่อว่ามีตำแหน่ง หรือหน้าที่ทั้งที่ตนมิได้มีตำแหน่ง หรือหน้าที่นั้นเพื่อแสวงหาผลประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมายสำหรับตนเองหรือผู้อื่นหรือในความผิดฐานอื่นที่พบภายหลัง
     พล.ต.ต.ปิยะพันธ์ กล่าวอีกว่า ส่วนอีกคดีเลขที่ 114/2558 กล่าวโทษนายสุริยัน, นายจิรวงศ์ และพ.อ.คชาชาต ในฐานความผิดเดียวกัน เหตุเกิดบริษัท คิงเพาเวอร์ จำกัด แขวงพญาไท เขตราชเทวี เมื่อวันที่ 20 ก.ย. ที่ผ่านมา รวมคดีความผิดตามมาตรา 112 ทั้งหมด 16 คดีแล้ว ทั้งนี้ตร.ยังไม่มีการควบคุมตัวหรือเชิญพ.อ.คชาชาต มาให้ข้อมูล เพราะร้องทุกข์กล่าวโทษเมื่อ 2 วันที่ผ่านมา

เร่งสอบโยงอุทยานราชภักดิ์
       ผู้สื่อข่าวถามว่าพฤติการณ์ความผิดของพ.อ.คชาชาต มีลักษณะใด พล.ต.ต.ปิยะพันธ์กล่าวว่า เป็นเรื่องเดิมๆ คือร่วมกับนายสุริยันและพวกแอบอ้างเบื้องสูงเพื่อหาผลประโยชน์ และเมื่อมีความผิดพาดพิงถึงก็ดำเนินการตามนั้น ขณะนี้ไม่ได้รับรายงานจากสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) ว่า พ.อ.คชาชาตได้เดินทางออกนอกประเทศแต่อย่างใด รวมถึงได้ตรวจสอบไปทางสตม.เองด้วยก็ยังไม่พบว่าได้ออกไปนอกประเทศ และตร.ไม่มีข้อมูลการออกนอกประเทศของพ.อ.คชาชาต
      เมื่อถามว่า กระแสข่าวจากสตม.มีเอกสารยืนยันว่าพ.อ.คชาชาตเดินทางออกนอกประเทศไปแล้ว พล.ต.ต.ปิยะพันธ์กล่าวว่า เรื่องเอกสารนี้ยังไม่ทราบ ยังไม่เห็น ส่วนการประสานงานกับต้นสังกัดของพ.อ.คชาชาต อยู่ระหว่างดำเนินการ ยังไม่มีการติดต่อขอ มอบตัว โดยยืนยันว่าการทำคดีนี้ไม่ใช่เรื่องล่าช้า เป็นไปตามกระบวนการ ส่วนจะประสานงานกับกองทัพกรณีแจ้งความกล่าวโทษนั้น การทำงานเป็นไปตามกระบวนการ ขณะนี้ยังไม่มีความคืบหน้า นอกจากนี้ยังไม่มีการเชื่อมโยงความผิดคดีมาตรา 112 ไปยังนายทหารยศพล.ต. หรือเซียนพระชื่อดังที่มีกระแสข่าวแต่อย่างใด
     เมื่อถามว่า มีข่าวว่าพ.อ.คชาชาต เกี่ยวข้องกับความผิดปกติในการจัดสร้างอุทยาน ราชภักดิ์ จ.ประจวบคีรีขันธ์ พล.ต.ต.ปิยะพันธ์กล่าวว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างสืบสวนสอบสวน ขอเวลาเจ้าหน้าที่ทำงานก่อน

'บิ๊กต๊อก'แจงป่วยตาย หมอหยอง ติดเชื้อในกระแสเลือด ญาติรับศพทำพิธีเผา หมายจับผู้การโจ้-อาท ผิดข้อหาหมิ่นเบื้องสูง 'ป้อม'ลั่นเรื่องส่วนตัว ไม่เกี่ยวข้อง'กองทัพ'

      กรมคุกออกแถลงการณ์แจงเหตุ'หมอหยอง'ตายติดเชื้อในกระแสโลหิต 'บิ๊กต๊อก'เผยส่งเข้า รพ.ราชทัณฑ์ตั้งแต่ 7 พ.ย. ญาติรับศพไปบำเพ็ญกุศลแล้ว ศาลทหารอนุมัติหมายจับ"คชาชาต-อาท"ผิด ม.112 แล้ว 'บิ๊กป้อม'ยันเป็นความผิดส่วนตัวไม่เกี่ยวกองทัพ

 

@ บิ๊กป้อมชี้'โจ้'ผิดเรื่องส่วนตัว

     ความคืบกรณีที่นายสุริยัน สุจริตพลวงศ์ หรือหมอหยอง อายุ 53 ปี นายจิรวงศ์ วัฒนเทวาศิลป์ หรืออาท อายุ 39 ปี เลขาฯหมอหยอง และ พ.ต.ต.ปรากรม วรุณประภา หรือสารวัตรเอี๊ยด ตกเป็นผู้ต้องหาคดีหมิ่นประมาท ดูหมิ่นหรือแสดงอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ฯตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ต่อมา พ.ต.ต.ปรากรมเกิดความเครียดและผูกคอตาย ขณะที่นายศุกร์โข ตามเสรี หรือเค คนสนิท พ.ต.ต.ปรากรม ถูกดำเนินคดีข้อหาครอบครองอาวุธปืน ส่วน พล.ต.อ.ประวุฒิ ถาวรศิริ อดีตที่ปรึกษา (สบ 10) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งสนิทกับกลุ่มผู้ต้องหา ลาออกจากราชการ ท่ามกลางกระแสข่าวมีนายทหารยศ พล.ต.ที่ถูกพาดพิงยื่นหนังสือลาออก ขณะที่ พล.ต.วิจารณ์ จดแตง ผู้อำนวยการส่วนกฎหมายและสิทธิมนุษยชน กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) เข้าร้องทุกข์กล่าวโทษนายสุริยัน และพ.อ.คชาชาต หรือโจ้ บุญดี นายทหารฝ่าย เสธ.ประจำกองทัพภาคที่ 3 (ฝสธ.ทภ.3) ต่อตำรวจกองปราบปราม ในความผิดประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 นั้น

      เมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงกรณี พล.ต.วิจารณ์ร้องทุกข์กล่าวโทษ พ.อ.คชาชาต ว่า เป็นความผิดส่วนบุคคล

      ผู้สื่อข่าวถามว่า ที่ผ่านมาเคยปฏิเสธว่าไม่มีทหารพัวพัน พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า "ก่อนหน้านั้นไม่มีหมายจับที่พัวพันกับนายทหาร ผมไม่ได้ปฏิเสธ แต่ยอมรับว่าไม่มีนายทหารเกี่ยวข้อง สื่อจะมาว่าผมไม่ได้ และใช้คำพูดแบบนี้ไม่ได้ พูดแบบนี้ก็แย่สิ มาหาว่าปฏิเสธ ผมไม่รู้นี่ เพราะตอนนี้เขาเพิ่งออกมา"

       เมื่อถามว่า ข่าวออกมาจะส่งผลต่อกองทัพหรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า "จะมีผลอะไร คนมันหนีไปแล้ว แล้วจะให้ผมทำอย่างไร เป็นเรื่องของบุคคล ผมย้ำไปแล้วว่าเป็นเรื่องส่วนบุคคล"

@ ปัดตอบเอี่ยวทุจริตสร้างอุทยานฯ 

      ผู้สื่อข่าวถามว่า จะมีการจับกุมนายทหารแค่รายนี้รายเดียวใช่หรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ขณะนี้มีเพียงรายเดียว ยังไม่ขอตอบว่าจะมีอีกหรือไม่ เจ้าหน้าที่จะต้องสืบสวนต่อไป และรอผลสอบสวนจากเจ้าหน้าที่

     เมื่อถามว่า การแจ้งจับ พ.อ.คชาชาตจะเชื่อมโยงกับนายสุริยันด้วยหรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า สื่อก็รู้อยู่แล้ว ไม่รู้จะมาถามทำไม มีอยู่แค่คดีเดียว เมื่อถามว่า จะเชื่อมโยงกับกรณีของการส่อทุจริตการก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์ด้วยหรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ยังไม่ทราบ ว่ามันจะเกี่ยวข้องกันอย่างไร ถ้าจะเกี่ยว จะเกี่ยวข้องด้วยเรื่องอะไร ต้องปล่อยให้เจ้าหน้าที่สืบสวนต่อไปว่ามีใครเกี่ยวข้องด้วยบ้าง

     พล.อ.ประวิตรกล่าวถึงกรณีผลประโยชน์ทับซ้อนในโครงการอุทยานราชภักดิ์ว่า ต้องสอบสวนกันไป ว่าใครบ้างเกี่ยวข้อง มาพูดลอยๆ ไม่ได้หรอก เพราะมีเจ้าหน้าที่อยู่แล้ว ต้องมีคนร้องทุกข์กล่าวโทษในเรื่องอะไรบ้าง มีคนแจ้งความถึงจะดำเนินการได้ อยู่ดีๆ ไปดำเนินการได้อย่างไร เพราะไม่รู้ใครเป็นใคร

@ ผบ.ตร.ไม่ห่วงทหารเอี่ยวคดี 112

      พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) กล่าวถึงกรณีที่ทางกองทัพออกมาปฏิเสธว่าไม่มีทหารเข้ามาเกี่ยวข้องในขบวนการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ว่า กองทัพออกมาปฏิเสธเช่นนั้นเพราะว่า ขณะนั้นอยู่ระหว่างการสืบสวนสอบสวน เมื่อพบความเชื่อมโยงไปถึงใครก็มีการดำเนินการอยู่แล้ว 

      "ผมไม่กังวลที่มีทหารเข้ามามีความผิดเกี่ยวข้องกับมาตรา 112 เพราะทำไปตามพยานหลักฐาน หลังจากนี้หากขยายผลจะพบว่านายทหารยศ พล.ต. มีความเชื่อมโยงหรือไม่นั้น ไม่ทราบ ต้องให้เป็นหน้าที่ของพนักงานสืบสวนสอบสวน ไม่เคยลงไปก้าวก่ายการทำหน้าที่ เชื่อว่า พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รักษาราชการแทน รอง ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (ผบช.ก.) ทำอย่างเต็มที่อยู่แล้ว" ผบ.ตร.กล่าว และว่า หากผู้ต้องหาหลบหนีออกนอกประเทศ ตำรวจมีช่องทางในการนำตัวมาดำเนินคดีอยู่แล้ว 

      ผู้สื่อข่าวถามว่า มีข้อมูลว่าผู้ต้องหาอาจหลบหนีไปอยู่กับกลุ่มชาติพันธุ์แล้วจะประสานไปยังกลุ่มชาติพันธุ์เพื่อขอข้อมูลหรือไม่นั้น ผบ.ตร.กล่าวว่า เป็นหน้าที่ของพนักงานสืบสวนสอบสวน 

@ เผยผิดตามมาตรา 112 มี 16 คดี 

      พล.ต.ต.ปิยะพันธ์ ปิงเมือง รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) กล่าวว่า ยังไม่มีการออกหมายจับ พ.อ.คชาชาต เป็นเพียงการแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษของ พล.ต.วิจารณ์ โดยร้องทุกข์กล่าวโทษนายสุริยัน และพวกเพิ่มเติมอีก 2 คดี ประกอบด้วยเลขคดี 113/2558 กล่าวโทษนายสุริยัน, นายจิรวงศ์ วัฒนเทวาศิลป์ และ พ.อ.คชาชาต ในฐานความผิดมาตรา 112 และเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในพฤติการณ์ที่ทำให้ผู้อื่นเชื่อว่ามีตำแหน่งหรือหน้าที่ ทั้งที่ตนมิได้มีตำแหน่งหรือหน้าที่นั้นเพื่อแสวงหาผลประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมายสำหรับตนเองหรือผู้อื่นหรือในความผิดฐานอื่นที่พบภายหลัง และคดีเลขที่ 114/2558 กล่าวโทษนายสุริยัน, นายจิรวงศ์ และ พ.อ.คชาชาต ในฐานความผิดเดียวกัน เหตุเกิดที่บริษัท คิงเพาเวอร์ จำกัด แขวงพญาไท เขตราชเทวี เมื่อวันที่ 20 กันยายนที่ผ่านมา รวมคดีความผิดมาตรา 112 ทั้งหมด 16 คดีแล้ว 

     รองโฆษก ตร.กล่าวว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติยังไม่คุมตัวหรือเชิญ พ.อ.คชาชาต มาให้ข้อมูล เพราะมีการร้องทุกข์กล่าวโทษเมื่อ 2 วันที่ผ่านมา จึงอยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานภายหลังจากการร้องทุกข์และยังต้องสอบสวนพยานอีกหลายปากเมื่อนำมาวิเคราะห์ทางสำนวนการสอบสวนแล้วพบว่าหลักฐานทางคดีมีเหตุให้ต้องไปขอศาลอนุมัติขอหมายจับ ตอนนี้ยังไม่ถึงขั้นตอนขอออกหมายจับ

@ มทภ.3 ตั้งกก.สอบปมโจ้ผิด 112

     รายงานข่าวจากกองบัญชาการกองทัพภาคที่ 3 ค่ายสมเด็จพระนเรศวรมหาราช อ.เมือง จ.พิษณุโลก แจ้งว่า ทางกองทัพภาคที่ 3 ยังไม่ทราบกรณี พ.อ.คชาชาตเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการแอบอ้างสถาบันเบื้องสูงแต่อย่างใด แต่สำหรับการตรวจสอบทราบว่า พ.อ.คชาชาตไม่ได้เข้ามาทำงานตั้งแต่วันที่ 2 พฤศจิกายน ไม่มีการลางานหรือแจ้งหนังสือใดๆ นับว่าเป็นการขาดงาน ซึ่งหากขาดราชการนานติดต่อกันเป็นเวลา 15 วัน จนถึงวันที่ 17 พฤศจิกายน โดยไม่มีการแจ้งให้ทราบ อาจมีผลให้ต้องออกจากราชการ ขณะที่ทาง พล.ท.สมศักดิ์ นิลบรรเจิดกุล แม่ทัพภาคที่ 3 ได้สั่งการให้มีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับ พ.อ.คชาชาตแล้ว 

@ ศาลอนุมัติหมายจับ'โจ้-อาท'

     ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันเดียวกันศาลทหารกรุงเทพได้อนุมัติหมายจับนายจิรวงศ์ วัฒนเทวาศิลป์ หรืออาท และ พ.อ.คชาชาต บุญดี ตามที่ พ.ต.อ.พงษ์ไสว แช่มลำเจียก พนักงานสอบสวนผู้ทรงคุณวุฒิ กองกำกับการ 1 กองบังคับการตำรวจปราบปราม ยื่นขออำนาจศาลในการอนุมัติออกหมายจับ จากเมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน พล.ต.วิจารณ์เข้าร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวน บก.ป.เพิ่มเติมอีก 2 คดี คือ เลขที่คดี 113/2558 และเลขที่คดี 114/2558 โดยได้ร้องทุกข์กล่าวโทษนายจิรวงศ์และ พ.อ.คชาชาต ฐานร่วมกันหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ และเป็นเจ้าหน้าที่รัฐปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในพฤติการณ์ที่ทำให้ผู้อื่นเชื่อว่ามีตำแหน่งหรือหน้าที่ ทั้งที่ตนมิได้มีตำแหน่งหรือหน้าที่นั้น เพื่อแสวงหาผลประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมายสำหรับตนเองหรือผู้อื่น หรือในความผิดฐานอื่นที่พบภายหลัง

      สำหรับ คดีแรกพฤติการณ์คือแอบอ้างเบื้องสูงในการดำเนินกิจกรรมสำคัญที่ได้จัดขึ้นไปแล้ว เหตุเกิดที่กรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ (ร.11 รอ.) ถนนพหลโยธิน แขวงอนุสาวรีย์ เขตบางเขน และบริษัท ซีพีออลล์ แขวงสีลม เขตบางรัก เมื่อปลายเดือนพฤษภาคม-สิงหาคม ส่วนคดีที่ 2 พฤติการณ์คือแอบอ้างเบื้องสูงในการดำเนินกิจกรรมสำคัญที่กำลังจะจัดขึ้น เหตุเกิดบริษัท คิง เพาเวอร์ จำกัด ซอยรางน้ำ แขวงพญาไท เขตราชเทวี เมื่อวันที่ 20 กันยายน อย่างไรก็ตาม สำหรับนายสุริยันที่ พล.ต.วิจารณ์ร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวน บก.ป.นั้นได้เสียชีวิต จึงจำหน่ายจากการขออนุมัติหมายจับตามขั้นตอน 

@ ผิดมาตรา112-พ.ร.บ.ป.ป.ช.

      รายงานแจ้งว่า คดีอาญาที่ 113/58 ศาลทหารออกหมายจับเลขที่ 33/2558 ให้จับกุม พ.อ.คชาชาต ในความผิดตามมาตรา 112 และเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในพฤติการณ์ที่ทำให้ผู้อื่นเชื่อว่ามีตำแหน่งหรือหน้าที่ ทั้งที่ตนมิได้มีตำแหน่งหรือหน้าที่นั้น เพื่อแสวงหาผลประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมายสำหรับตนเองหรือผู้อื่น ตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 มาตรา 123 และหมายจับศาลทหารเลขที่ 34/2558 ให้จับกุมนายจิรวงศ์ ในความผิดตามมาตรา 112

     ส่วนคดีอาญาที่ 114/58 ศาลทหารออกหมายจับเลขที่ 35/2558 ให้จับกุม พ.อ.คชาชาต ในความผิดตามมาตรา 112 และเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติฯตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 มาตรา 123 และหมายจับศาลทหารเลขที่ 36/2558 ให้จับกุมนายจิรวงศ์ ในความผิดตามมาตรา 112 

       ข่าวแจ้งว่า สำหรับนายสุริยัน หรือหมอหยอง ที่ พล.ต.วิจารณ์ได้ร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวน บก.ป.ด้วยนั้น ได้เสียชีวิต จึงจำหน่ายคดีออกจากการขอนุมัติหมายจับตามขั้นตอน

@ บิ๊กต๊อกแจงปม'หยอง'ตาย

     ที่กระทรวงยุติธรรม (ยธ.) พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม แถลงว่า เมื่อคืนวันที่ 7 พฤศจิกายน ได้รับรายงานจากนายวิทยา สุริยะวงค์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ว่ามีการนำนายสุริยันออกจากเรือนจำชั่วคราว แขวงนครไชยศรี มณฑลทหารบกที่ 11 (มทบ.11) เนื่องจากมีอาการป่วยหนัก จึงเร่งนำไปให้แพทย์รักษาอาการที่ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ก่อนในช่วงกลางดึกวันเดียวกัน

      ทั้งนี้ หลังจากนายสุริยันเสียชีวิต ทางพนักงานสอบสวน พนักงานอัยการ ฝ่ายปกครอง และแพทย์ ร่วมกันชันสูตรพลิกศพเพื่อหาสาเหตุการตายว่าเกิดจากสาเหตุใด ผลพิสูจน์จากแพทย์พบว่านายสุริยันเสียชีวิตด้วยอาการติดเชื้อในกระแสเลือด ก่อนจะออกใบมรณบัตรตามขั้นตอนหลังพิสูจน์แล้ว หากญาตินายสุริยันติดใจหรือข้องใจสาเหตุการตายก็สามารถร้องขอตามขั้นตอนของกฎหมายเพื่อตรวจสอบได้" พล.อ.ไพบูลย์กล่าว

@ เผยญาติรับศพไปทำพิธีแล้ว

     "ส่วนการดูแลผู้ต้องขังว่าดูแลยังไงจึงตาย จริงๆ แล้วหมอหยองมีอาการป่วยตลอด ขณะขึ้นศาลทหารครั้งที่แล้วยังมีอาการป่วย ปกติก่อนจะเข้าเรือนจำมีโรคประจำตัวอยู่แล้ว เหมือนกับกรณีผู้ต้องขังอดีตผู้บริหารธนาคารกรุงไทย เหมือนกับกรณีนายสุริยันที่มีอาการป่วยเช่นกัน เพราะหลังจากนำตัวเข้าเรือนจำที่ มทบ.11 ต้องเกิดความเครียด และกดดันเป็นธรรมดา ทางราชทัณฑ์ส่งแพทย์เข้าไปดูแลอาการตลอด ส่วนการเฝ้าเวรยามผู้ต้องขังมีกฎระเบียบอยู่แล้ว โดยทุกชั่วโมงและครึ่งชั่วโมง จะมีเจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบ วันที่ 7 พฤศจิกายน เจ้าหน้าที่เห็นนายสุริยันมีอาการป่วย จึงนำตัวส่งทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์" พล.อ.ไพบูลย์กล่าว

      พล.อ.ไพบูลย์กล่าวต่อว่า เรื่องศพนายสุริยันนั้น ญาติมารับศพไปบำเพ็ญกุศลเรียบร้อยแล้ว ส่วนรายละเอียดต้องถามอธิบดีกรมราชทัณฑ์ เบื้องต้นสั่งการให้กรมราชทัณฑ์ทำหนังสือชี้แจงรายละเอียดต่อสื่อมวลชนและสังคมแล้ว 

@ เผยปั๊มหัวใจกว่าชั่วโมงไม่สำเร็จ

      ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรมราชทัณฑ์ออกแถลงการณ์ว่า เมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน กรมราชทัณฑ์ได้รับรายงานจากเรือนจําชั่วคราวแขวงถนนนครไชยศรี สังกัดเรือนจําพิเศษกรุงเทพมหานคร ว่าเมื่อเวลาประมาณ 21.00 น. ข.ช.สุริยัน อยู่ระหว่างฝากขังผลัดที่ 2 เวรรักษาการณ์ไปตรวจพบขณะนอนอยู่ในห้องขัง เรียกชื่อไม่ขานตอบ มองจากภายนอกห้องขังเห็นว่ามีอาการหายใจเฮือก จึงได้รีบแจ้งให้หน่วยเสนารักษ์ประจํา มทบ.11 มาตรวจสอบพบว่าชีพจรอ่อน ไม่รู้สึกตัว จึงได้รีบนําตัวส่งทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ แขวงลาดยาว เขตจตุจักร 

      "เมื่อไปถึงทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ เวลา 22.20 น. ห้องฉุกเฉินแรกรับพบว่าไม่รู้สึกตัว ไม่ตอบสนองใดๆ วัดสัญญาณชีพจรไม่ได้ ม่านตาขยาย 4 มม. ไม่ตอบสนองต่อแสงทั้งสองข้าง โรงพยาบาลได้ดําเนินการช่วยฟื้นคืนชีพเป็นเวลาชั่วโมงเศษ แต่ไม่ประสบความสําเร็จ แพทย์เวรลงความเห็นว่าเสียชีวิต เป็นการเสียชีวิตระหว่างถูกควบคุมตัว เจ้าพนักงานมีหน้าที่ต้องปฏิบัติตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา คือ ต้องแจ้งให้พนักงานสอบสวน แพทย์ พนักงานอัยการ และพนักงานฝ่ายปกครอง รวม 4 ฝ่าย มาชันสูตรพลิกศพ กรณีนี้ได้แจ้งพนักงานสอบสวน สน.ประชาชื่น ซึ่งเป็นท้องที่ที่พบศพ เข้ามาดําเนินการ" แถลงการณ์ระบุ

@ ชี้เหตุตายติดเชื้อในกระแสโลหิต

      "ส่วนสาเหตุการเสียชีวิต ซึ่งชันสูตรโดยสถาบันนิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตํารวจ ได้ตรวจพิสูจน์ศพเรียบร้อย เอกสารลงวันที่ 8 พฤศจิกายน 2558 ปรากฏสาเหตุการเสียชีวิต "สันนิษฐานว่าระบบหายใจไหลเวียนโลหิตล้มเหลวจากติดเชื้อในกระแสโลหิต" เรือนจําได้แจ้งญาติผู้เสียชีวิตให้มาขอรับศพ เพื่อไปดําเนินการตามประเพณีต่อไป สําหรับการดําเนินการภายหลังการเสียชีวิต เรือนจําพิเศษกรุงเทพมหานครตั้งกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง เพื่อรายงานผลมาให้กรมราชทัณฑ์พิจารณา ส่วนการดําเนินการตามกฎหมายกรณีเสียชีวิต ในสถานที่คุมขังนั้น พนักงานสอบสวน สน.ประชาชื่น จะเป็นผู้ไต่สวนการเสียชีวิต" แถลงการณ์ระบุ

      แถลงการณ์ระบุอีกว่า สรุปเหตุการณ์ได้ว่าเมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน ต่อเนื่องถึงวันที่ 6 พฤศจิกายน ผู้ต้องขังมีอาการไข้สูง กระสับกระส่าย ไอ พยาบาลเสนารักษ์ประจําเรือนจําได้จ่ายยาลดไข้ ยาลดอาการไอ แล้วให้นอนพัก ต่อมาในวันที่ 7 พฤศจิกายน เวลาประมาณ 21.00 น. เจ้าหน้าที่เวรไปตรวจพบว่าผู้ต้องขังมีอาการเรียกไม่รู้สึกตัว หายใจเฮือกยาว เสนารักษ์จึงแจ้งให้นําส่งทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ทันที 

      "เมื่อไปถึงทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ แพทย์เวรได้พยายามช่วยชีวิตตามหลักเกณฑ์และจรรยาบรรณทางวิชาชีพ ทํากระบวนการฟื้นคืนชีพ (Advanced CPR: Cardio Pulmonary Resuscitation) ใช้เวลาดําเนินกระบวนการตั้งแต่แรกพบตัวโดยใส่ท่อช่วยหายใจ ปั๊มหัวใจ ให้ยากระตุ้นหัวใจและความดันโลหิต ฯลฯ โดยใช้เวลา 1 ชั่วโมงเศษ แต่ไม่ประสบความสําเร็จ จึงได้แจ้งพนักงานสอบสวนท้องที่มาดําเนินการตามกฎหมายต่อไป" แถลงการณ์ระบุ

@ ชี้ติดเชื้อ-ภูมิต้านทานอ่อนแอ

      "ส่วนกรณีมีความเป็นได้หรือไม่ว่ามีเชื้อใดที่ทําให้ผู้ป่วยเสียชีวิตทันทีได้อย่างรวดเร็ว เท่าที่สอบถามกับแพทย์ พบว่ามีเชื้อโรคที่เป็นสาเหตุทําให้ระบบหายใจล้มเหลวแล้วเสียชีวิตอย่างรวดเร็วได้ เช่น เชื้อไวรัสที่ติดต่อทางเดินหายใจ สายพันธุ์รุนแรง ผู้รับเชื้อจะเกิดอาการอย่างเฉียบพลัน ยากแก่การประเมินหรือรักษาไม่ทันการณ์ โดยเฉพาะผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงสูง เช่น ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยเบาหวาน ผู้ป่วยที่ได้รับสารสเตียรอยด์เพื่อกดภูมิต้านทาน หรือผู้เป็นโรคที่ยังไม่ได้ระบุการตรวจวินิจฉัย โดยเฉพาะผู้ที่มีภูมิต้านทานอ่อนแอจากการเป็นโรคประจําตัวบางอย่าง หรือภาวะภูมิต้านทานบกพร่องจากโรคเฉพาะตัวที่ยังไม่ได้รับการค้นพบ หากได้รับเชื้อไวรัสดังกล่าว จะมีอาการรุนแรงและอาจเสียชีวิตได้อย่างรวดเร็ว เช่น ไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ที่รุนแรง" แถลงการณ์ระบุ

     แถลงการณ์ ระบุอีกว่า กรณี ข.ช.สุริยัน มีความเป็นไปได้ที่ผู้ต้องขังอาจมีภูมิต้านทานอ่อนแอ โดยตรวจพบจากการเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ เมื่อวันที่ 22 ตุลาคม ว่ามีภาวะไขมันสะสมในตับสูง ประกอบกับผลการตรวจเลือดในขณะการช่วยฟื้นคืนชีพ เมื่อคืนวันที่ 7 พฤศจิกายน พบมีเอนไซม์การทํางานของตับสูง ตรวจความสมบูรณ์ของเม็ดเลือดพบว่ามีภาวะเกล็ดเลือดต่ำกว่าปกติ มีเพียง 60,000 คิวบิกมิลลิเมตร (ค่าปกติตั้งแต่ 140,000-400,000 คิวบิกมิลลิเมตร) สันนิษฐานว่าเมื่อได้รับเชื้อโรคที่เป็นสาเหตุของการติดเชื้อในกระแสเลือดเข้าไป จึงอาจทําให้ระบบหายใจล้มเหลวและนําไปสู่การเสียชีวิตอย่างรวดเร็ว

@ เขตจตุจักรออกใบมรณบัตร

      ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำนักงานเขตจตุจักรออกใบมรณบัตร โดยระบุว่า นายสุริยัน สุจริตพลวงศ์ เพศชาย อายุ 52 ปี เสียชีวิตเมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน เวลา 22.20 น. ที่โรงพยาบาลกลางราชทัณฑ์ สาเหตุสันนิษฐานว่าระบบหายใจไหลเวียนโลหิตล้มเหลวจากการติดเชื้อ วันรับแจ้งการเสียชีวิต วันที่ 9 พฤศจิกายน จัดการด้วยวิธีการเผา ที่วัดทองสุทธาราม เขตบางซื่อ กรุงเทพฯ 

@ ชี้หยองตายไม่กระทบยึดทรัพย์

     ขณะที่ พ.ต.อ.สีหนาท ประยูรรัตน์ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) กล่าวถึงกรณีการเสียชีวิตของนายสุริยัน ว่า ในส่วนของ ปปง.ไม่ส่งผลกระทบ เพราะว่าการดำเนินการของ ปปง.เป็นเรื่องกระบวนการทางแพ่ง การได้มาของทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด ปปง.ต้องดำเนินการกับทุกคน แม้จะเสียชีวิตไปแล้วก็ตาม ปปง.จะดำเนินการในส่วนของการยึดทรัพย์ในคดีดังกล่าว ต้องรอพนักงานสอบสวนสรุปสำนวนให้ชัดเจนก่อนว่าใครเป็นผู้กระทำความผิด ใครเป็นผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง หรือมีความเกี่ยวข้องปฏิสัมพันธ์ในคดีดังกล่าวบ้าง หรือไม่อย่างไร 

     "การที่จะเข้าไปยึดอายัดทรัพย์สินจะต้องมีความชัดเจนในเรื่องของการกระทำความผิด ทั้งตัวบุคคลและเส้นทางการเงินก่อน ทาง ปปง.จึงจะเข้าไปดำเนินการได้ เพราะคดีเหล่านี้ไม่เหมือนคดีทั่วไปเช่นคดียาเสพติดหรือคดีฉ้อโกง เพราะคดีดังกล่าวเป็นคดีที่ละเอียดอ่อน ทั้งนี้เส้นทางการเงินของนายสุริยันกับพวก ขณะนี้ ปปง.กำลังดำเนินการขอเอกสารจากสถาบันการเงินต่างๆ พร้อมทั้งตรวจสอบบัญชีทุกประเภทไม่ว่าจากธนาคาร บริษัทหลักทรัพย์ รวมถึงบริษัทหลักทรัพย์ที่ดูแลกองทุนต่างๆ และประกันชีวิตทุกประเภทอีกด้วย ในชั้นนี้ไม่ขอเปิดเผยในรายละเอียด ขอให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบตามขั้นตอนต่อไปก่อน" พ.ต.อ.สีหนาทกล่าว

@ ตร.ชี้หยองตายไม่กระทบคดี

      แหล่งข่าวชุดสืบสวนเปิดเผยว่าการเสียชีวิตนายสุริยันไม่มีผลต่อรูปคดีเนื่องจากความผิดปรากฏอยู่ การสอบสวนก็เป็นไปตามปกติ ส่วนคดีอาญาก็ระงับไปตามมาตรา 39 ป.วิอาญา ส่วนเซียนพระที่เป็นผู้ติดต่อโรงหล่อยังอยู่ที่ประเทศฮ่องกง มีการติดต่อประสานมาให้ข้อมูล คาดว่า 1-2 วันจะทราบรายละเอียดและอยู่ระหว่างตรวจสอบเส้นทางการเงินของเซียนพระคนดังกล่าวด้วย

        รายงานข่าวแจ้งว่าเมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน พล.ต.เดินทางเข้าพบพนักงานสืบสวนสอบสวนเพื่อบันทึกซักถามปากคำที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง โดยรายละเอียดส่วนใหญ่จะพูดถึงงานกิจกรรมพิเศษและติดต่อกับบริษัทเครือเจริญโภคภัณฑ์

 

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!