WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

1สงสำนวน

สอบปมหัวคิว'ราชภักดิ์' บิ๊กหมูสั่ง รู้ใน7วัน-ปลด'คชาชาต'พบใครผิด-แจ้งจับฟันอาญา บิ๊กป้อมไฟเขียวพล.ต.ลาออก หึ่งรองผบก.-ผกก.2 ป.ไขก๊อก คุม'อาท'ขึ้นศาลฝากขังผลัด 3 ศรีวราห์เร่งสรุป 12 คดีสิ้นพย.

  • มติชนออนไลน์ :
  • ส่งสำนวน- พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รรท.รอง ผบ.ตร.นำสำนวนคดีแอบอ้างสถาบันเบื้องสูงแสวงหาผลประโยชน์ผิดตามมาตรา 112 ในกลุ่มของนายสุริยัน สุจริตพลวงศ์ หรือหมอหยอง และ พ.ต.ต.ปรากรม วารุณประภา ส่งให้กองคดีอาญา ตรวจสอบก่อนส่งให้ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร.พิจารณา เมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน

           'ศรีวราห์'ส่งกองคดีสั่งฟ้อง"อาท"ผิด ม.112 เร่งสรุปอีก 12 สำนวนคาดเสร็จสิ้น พ.ย. ลือหึ่ง"รอง ผบก.ป.-ผกก.2"ลาออก ทบ.ตั้งกรรมการสอบสร้าง'อุทยานราชภักดิ์'ขีดเส้นสรุปภายใน 1 สัปดาห์

    @ บิ๊กป้อมรับเซ็นให้'พล.ต.'ออก

         ความคืบหน้าจับกุมนายสุริยัน สุจริตพลวงศ์ หรือ 'หมอหยอง'นายจิรวงศ์ วัฒนเทวาศิลป์ หรืออาท เลขาฯหมอหยอง และ พ.ต.ต.ปรากรม วารุณประภา หรือสารวัตรเอี๊ยด ผู้ต้องหาแอบอ้างเบื้องสูงเรียกรับผลประโยชน์ ตามกฎหมายอาญา มาตรา 112 โดย พ.ต.ต.ปรากรมและนายสุริยันเสียชีวิตแล้ว ขณะที่ศาลทหารออกหมายจับ พ.อ.คชาชาต บุญดี หรือ เสธ.โจ้ นายทหารฝ่ายเสนาธิการประจำกองทัพภาคที่ 3 ซึ่งหลบหนีออกนอกประเทศไปแล้ว นอกจากนี้ยังมีข่าวนายทหารระดับ พล.ต.เข้าไปเกี่ยวข้องด้วยนั้น

         เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 12 พฤศจิกายน ที่กระทรวงกลาโหม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เปิดเผยถึงหนังสือลาออกของนายทหารยศ พล.ต. ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทของ พ.อ.คชาชาต ว่า ลาออกจากราชการเรียบร้อยและลงชื่อรับรองแล้ว เมื่อถามถึงโรงหล่อในโครงการจัดสร้าง

          อุทยานราชภักดิ์ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ที่ถูกเรียกรับค่าหัวคิว พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ไม่มีการร้องทุกข์กล่าวโทษทั้งสิ้น คิดกันไปเองทั้งนั้น ทุกอย่างเรียบร้อย ไม่มีอะไร เมื่อถามว่าได้พูดคุยกับ พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหม และ พล.อ.ธีรชัย นาควานิช ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) หรือยังว่าจะทำอย่างไรต่อในเรื่องของอุทยานราชภักดิ์ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ทางมูลนิธิอุทยานราชภักดิ์จะส่งต่อให้ทางกองทัพบกรับช่วงต่อ ไม่มีปัญหา ต้องให้ชัดเจน ต้องตรวจสอบ ต้องชี้แจงได้เช่นกัน หากไม่มีการร้องทุกข์กล่าวโทษก็ไม่มีอะไร ต้องชัดเจนว่าใคร ทำอะไร ที่ไหน เมื่อไหร่ อย่างไร

    @ ระบุราชภักดิ์ยังไม่มีร้องทุกข์

          เมื่อถามว่าทำไมไม่ดำเนินคดีกับเซียนพระชื่อดังที่ถูกอ้างถึงในการเรียกรับค่าหัวคิว พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ไม่ทราบ เป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ ยังไม่รายงานมา ต้องไปถามทางตำรวจ เมื่อถามว่าจำเป็นต้องให้ทางมูลนิธิมาให้ข้อมูลด้วยหรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ไม่ต้อง ตนเป็นรัฐมนตรี ไม่ต้องลงไปดูในรายละเอียด มีเจ้าหน้าที่อยู่แล้วก่อนเรื่องจะมาถึงตน เป็นเรื่องของกองทัพบก เมื่อถามว่ามีความมั่นใจหรือไม่ว่าโครงการอุทยาน

    ราชภักดิ์โปร่งใสร้อยเปอร์เซ็นต์ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า "ผมไม่เห็นใครไปกล่าวโทษนะ ผมจะบอกได้อย่างไร เพราะผมไม่ได้เป็นคนทำ ท่าน พล.อ.อุดมเดชสมัยเป็น ผบ.ทบ.ท่านก็บอกว่าเรียบร้อย ชี้แจงได้ทั้งหมด แล้วจะเอาอะไรอีก" เมื่อถามถึงคดีอาญามาตรา 112 ในขณะนี้มีนายทหารพัวพันอีกหรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า "ไม่มี ยังไม่มี ยังไม่เห็น ในตอนนี้เวลานี้ยังไม่มี"

    @ อัดฝ่ายการเมืองพูดลอยๆ

         เมื่อถามว่า ในส่วนของกลุ่มการเมืองออกมาวิพากษ์วิจารณ์ให้ดูแลการทุจริตในกองทัพก่อนมาดูแลการทุจริตของประเทศ จะชี้แจงอย่างไร พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า "พูดอะไรก็พูดได้ คำพูดคน ไม่รู้เรื่องแล้วพูดได้อย่างไร ทำไมจะไม่ดู ตรงไหนไม่ดู ดูอยู่แล้ว พูดลอยๆ ได้อย่างไรว่าไม่ดู เอาเถอะต่อไปรัฐธรรมนูญออกมา ฝ่ายการเมืองก็ดูแลก็แล้วกัน อย่าให้เดือดร้อนถึงทหารอีก ทหารเขาทำอะไรเสียหายเล่า ก็พยายามทำทุกอย่างอยู่แล้ว บ้านเมืองต้องมีกฎหมาย "พวกผมไม่ได้เล่นการเมือง ไม่ต้องมาโจมตีหรอก อย่างไรก็เดินไปตามโรดแมปอยู่แล้ว ถ้าขัดแย้งมากๆ ผมก็ไม่ตีกับใคร ทหารไม่มีข้อขัดแย้งกับใครทั้งสิ้น ทุกวันนี้ก็ทำเพื่อประเทศชาติให้มั่นคงต่อไปในอนาคต แล้วจะเอาอะไร" พล.อ.ประวิตรกล่าว

    @ 'บิ๊กหมู'ตั้งกก.สอบราชภักดิ์ 

         ที่กองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก (ทบ.) กล่าวถึงการทุจริตโครงการจัดสร้างอุทยานราชภักดิ์ว่า ข้อมูลที่นำเสนอในช่วงที่ผ่านมาหลายๆ ข้อมูลอาจไม่ได้ผ่านกระบวนการพิสูจน์ที่สมบูรณ์อย่างเป็นทางการจากผู้ปฏิบัติและผู้ที่มีหน้าที่โดยตรง จนทำให้หลายๆ ข้อมูลนั้นอาจคลาดเคลื่อนได้ และอาจมีผลต่อภาพลักษณ์ขององค์กรได้ ทั้งนี้เมื่อมีข้อกังวลสงสัยขึ้น ถึงแม้ว่าจะเป็นโครงการที่ไม่ได้ใช้งบประมาณของแผ่นดินก็ตาม แต่เพื่อให้เกิดความมั่นใจบนพื้นฐานของข้อเท็จจริง ทบ.จึงได้แต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบโครงการอุทยานราชภักดิ์ เพื่อตรวจสอบการดำเนินโครงการอุทยานราชภักดิ์ในทุกด้านอย่างเร่งด่วนแล้ว อย่างไรก็ตามทางผู้บังคับบัญชายังได้ขีดกรอบการทำงานไว้คือ จะพยายามทำงานให้แล้วเสร็จภายใน 1 สัปดาห์ 

          พ.อ.วินธัยกล่าวต่อว่า ขอให้เชื่อมั่นว่าการดำเนินการจะอยู่บนพื้นฐานข้อเท็จจริง ไม่มีการบิดเบือน หากพบว่ามีกำลังพลไปดำเนินการใดๆ ที่ดูไม่เหมาะสม ทางกองทัพบกจะดำเนินการไปตามระเบียบและข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องอย่างแน่นอน สำหรับ พ.อ.คชาชาตหลังจากมีการแจ้งข้อหามานั้น ทางต้นสังกัดได้เสนอให้ปลดออกจากราชการ เนื่องจากต้องหาคดีอาญาและหลบหนี จึงมีคำสั่งกระทรวงกลาโหมให้ปลดออกจากราชการแล้ว

          รายงานข่าวเปิดเผยว่า หากคณะกรรมการตรวจพบว่าโครงการอุทยานราชภักดิ์ทำให้กองทัพบกเกิดความเสียหายก็พร้อมที่จะแจ้งความเพื่อให้ดำเนินคดีต่อไป

    @ 'ศรีวราห์'ส่งฟ้อง'อาท'ผิด112

          ที่กองคดีอาญา สำนักงานกฎหมายและคดี สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รักษาราชการแทนรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รรท.รอง ผบ.ตร.) ในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวนคดีแอบอ้างสถาบันเบื้องสูงหาผลประโยชน์ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ได้นำสำนวนคดีแอบอ้างสถาบันฯกลุ่มของนายสุริยัน, พ.ต.ต.ปรากรม และนายจิรวงศ์ ในคดีเลขที่ 96/2558 จำนวน 1 แฟ้ม กว่า 500 หน้า ส่งให้กองคดีอาญาฯตรวจสอบตรวจทาน เพื่อเสนอต่อไปยัง พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. พิจารณาต่อไป

         พล.ต.ท.ศรีวราห์กล่าวว่า สำนวนคดีนี้มีผู้ต้องหาในสำนวน 3 คน คือ นายสุริยัน พ.ต.ต.ปรากรม และนายจิรวงศ์ แต่ผู้ต้องหาได้เสียชีวิตระหว่างถูกคุมขัง จึงต้องสั่งไม่ฟ้องผู้ต้องหา 2 คน คือ พ.ต.ต.ปรากรมและนายสุริยัน แม้พฤติการณ์พบการกระทำผิดตามข้อกล่าวหา คดีนี้สั่งฟ้องนายจิรวงศ์เพียง 1 คนเท่านั้น ในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 เป็นไปตามสำนวนที่กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) รับแจ้งความเอาไว้และส่งมาให้ตนเป็นผู้ควบคุมการสอบสวน 

    @ เร่งสรุปอีก 12 คดีเสร็จสิ้นพ.ย.

         พล.ต.ท.ศรีวราห์ กล่าวต่อว่า จากประสบการณ์มั่นใจว่าพยานหลักฐานในสำนวนดังกล่าวมีความแน่นหนารัดกุม มีความสมบูรณ์เอาผิดกับผู้ต้องหาได้ จากนี้เป็นอำนาจหน้าที่ของผู้บังคับบัญชาระดับ ตร.ต้องพิจารณาสั่งการต่อไป ขณะนี้เหลือสำนวนคดีเดิมที่ตนรับผิดชอบอีก 12 คดี ส่วนใหญ่เป็นความผิดตามมาตรา 112 เช่นกัน แต่มาร้องทุกข์ต่างกรรมต่างวาระกัน โดยเพิ่งได้รับคำสั่งให้ควบคุมการสอบสวนต่อในอีก 12 คดีในวันนี้ ขณะที่อีก 3 สำนวนล่าสุดเป็นความผิดมาตรา 112 เช่นกัน และมี พ.อ.คชาชาต บุญดี เป็นหนึ่งในผู้ต้องหานั้น ยังไม่ได้ส่งมอบอำนาจในการสอบสวนมาให้ชุดของตนเข้ารับผิดชอบ ยังเป็นเพียงการส่งมอบทางวาจาเท่านั้น ส่วนสำนวนที่เหลือจะมีทหารหรือคนอื่นๆ เกี่ยวข้องหรือไม่ ไม่สามารถบอกได้ ยังไม่เห็นรายละเอียด

         "สำหรับอีก 12 สำนวนที่เหลือคาดว่าจะสอบสวนเสร็จสิ้นไม่เกินสิ้นเดือนนี้ จะสามารถส่งให้กองคดีอาญาฯตรวจสอบได้ ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบพยานหลักฐานทางด้านเทคนิคต่างๆ เช่น วิทยุ ปืน รถ เศษผม เศษขน ทาง บก.ป.ดำเนินการไปแล้ว หากเสร็จสิ้นก็สามารถส่งสำนวนได้ คดีนี้ถือเป็นการโอนสำนวนมาให้ผมรับผิดชอบ ปกติรอง ผบ.ตร.ไม่มีอำนาจอะไร ทำตามที่ ผบ.ตร.สั่งเป็นเรื่องๆ ตามที่เจ้านายสั่งมาเท่านั้น" พล.ต.ท.ศรีวราห์กล่าว

    @ ปัดยังไม่ได้รับร้องทุกข์'ราชภักดิ์'

         เมื่อถามถึงการดำเนินการกับตำรวจ 8 นายสังกัด บช.ก.ก่อนหน้านี้ พล.ต.ท.ศรีวราห์กล่าวว่า ไม่เกี่ยวในสำนวนแรก แต่จะอยู่ในอีกสำนวนที่เหลือหรือไม่นั้นไม่ทราบ เนื่องจากเพิ่งได้รับสำนวนมาวันนี้ จึงยังไม่ได้ดูในรายละเอียด เมื่อถามถึงการจัดสร้างอุทยานราชภักดิ์ที่พบความไม่ชอบมาพากล พล.ต.ท.ศรีวราห์กล่าวว่า เรื่องนี้ยังไม่ทราบ และไม่อยากแสดงความคิดเห็นเชิงคาดเดา เนื่องจากจะเป็นการไม่เหมาะสม ตามขั้นตอนนั้นหากจะให้เจ้าหน้าที่เข้าดำเนินการตามความผิดอาญาจะต้องมีผู้มาแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษกับทางตำรวจไปตามขั้นตอน ไม่สามารถจะใช้คำพูดจากปากหรือความรู้สึกมาดำเนินการได้ เพราะคำพูดไม่ใช่หลักฐาน คำให้สัมภาษณ์เป็นเพียงความรู้สึก ไม่เพียงพอรับฟังได้ เมื่อถามว่าคดีลักษณะนี้ส่วนใหญ่ใครเป็นผู้เสียหายได้บ้าง รรท.รอง ผบ.ตร.กล่าวว่า ส่วนใหญ่จะเป็นกองทัพ และเป็นผู้มาร้องทุกข์กล่าวโทษ 

         เมื่อถามว่า ประชาชนร้องทุกข์ได้หรือไม่ พล.ต.ท.ศรีวราห์กล่าวว่า สามารถเข้ามาร้องทุกข์ได้ แต่ต้องมีพยานหลักฐานเกี่ยวกับการกระทำความผิดก็มาร้องทุกข์ได้ ถ้ารู้สึกว่าตัวเองเสียหายจากการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐ เป็นความผิดอาญาแผ่นดิน ใครก็ร้องทุกข์ได้ แต่ร้องทุกข์แล้วพนักงานสอบสวนจะรับเป็นคดีหรือไม่ก็ต้องดูที่พยานหลักฐาน ไม่ใช่แค่กล่าวอ้าง เช่น มีคนเอานิ้วไปยิงคนตาย แล้วมาแจ้งความ ใครก็อ้างได้ แต่ตำรวจต้องพิจารณาว่าสมเหตุสมผลหรือไม่ที่จะรับแจ้งความ และจะใช้คำสัมภาษณ์ของบุคคลมาอ้างใช้เป็นพยานหลักฐานไม่ได้ แต่หากมีผู้แจ้งความร้องทุกข์ตำรวจจะต้องสอบสวนพฤติการณ์ในการกระทำผิดของผู้ที่ถูกร้องทุกข์ตามขั้นตอน

    @ ยันกองทัพแจ้งความยินดีรับเรื่อง

          เมื่อถามถึงการจัดสร้างอุทยานราชภักดิ์พบว่ามีการหักหัวคิวกันจริงและได้บริจาคเงินส่วนนี้ไปแล้ว จะถือว่าความผิดสำเร็จหรือยัง พล.ต.ท.ศรีวราห์กล่าวว่า ยังไม่เห็น เพราะขั้นตอนกระบวนการทางกฎหมายมีมาก ต้องพิจารณาเป็นเรื่องๆ ตอนนี้ยังไม่เห็นเรื่อง ไม่เห็นหลักฐาน จะให้เดาคงไม่เหมาะสม เมื่อถามว่าตำรวจจะเข้าไปตรวจสอบหลักฐานจากผู้เกี่ยวข้องหรือไม่ รรท.รอง ผบ.ตร.กล่าวว่า ไม่ทราบ ต้องมีคำสั่งให้เข้าไปดำเนินการ ตอนนี้ยังห่างอยู่ เมื่อถามว่าแม้จะเป็นคำพูดของอดีต ผบ.ทบ.และบุคคลระดับรองนายกรัฐมนตรีที่พูดเหมือนยอมรับว่ามีการทุจริตสามารถฟังได้ เป็นหลักฐานให้ดำเนินคดีได้หรือไม่ พล.ต.ท.ศรีวราห์กล่าวว่า คำพูดไม่ใช่หลักฐาน เพราะการให้สัมภาษณ์เป็นการแสดงความคิดเห็นความรู้สึก ไม่ถือเป็นพยานหลักฐานตามกฎหมายที่มีเอกสาร วัตถุ และบุคคล 

        เมื่อถามว่าขณะนี้ ผบ.ทบ.ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาเพื่อตรวจสอบโครงการจัดสร้างอุทยานราชภักดิ์แล้ว หากพบความผิดสามารถมาร้องทุกข์ได้หรือไม่ รรท.รอง ผบ.ตร.กล่าวว่า หากทางกองทัพเข้ามาร้องทุกข์ก็ยินดีรับเรื่องอยู่แล้ว ส่วนการติดตามตัว พ.อ.คชาชาตนั้น รรท.รอง ผบ.ตร.กล่าวว่า ไม่ทราบ รวมทั้งประเด็นที่มีข่าวว่าหลบหนีไปทวีปยุโรปโดยใช้หนังสือเดินทางเล่มสีน้ำเงิน ไม่ทราบว่าจริงหรือไม่ และไม่ขอแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับทหารยศนายพลคนหนึ่งที่ลาออกจากราชการ 

    @ ลือ'รองผบก.ป.-ผกก.'ยื่นลาออก

         ด้าน พ.ต.อ.มนัส ศิกษมัต รรท.ผบก.กองคดีอาญา กล่าวว่า จากนี้ทางกองคดีอาญาฯคงใช้เวลาตรวจสอบประมาณ 1 สัปดาห์ ต้องตรวจสอบให้ละเอียดและรอบคอบ และจะส่งต่อให้คณะกรรมการพิจารณาคดีหมิ่นฯของ ตร.ที่มี พล.ต.อ.สุเทพ เดชรักษา ที่ปรึกษา (สบ 10) ด้านกฎหมายและสอบสวน 2 เป็นประธาน ก่อนจะส่งให้อัยการต่อไป ทั้งนี้หากมีประเด็นที่กองคดีอาญาฯหรือคณะกรรมการ เห็นควรต้องสอบสวนเพิ่มเติม อาจจะส่งกลับให้พนักงานสอบสวนดำเนินการสอบสวนเพิ่มเติมอีกครั้งได้

           รายงานข่าวแจ้งว่า ในวันนี้มีกระแสข่าวว่า พ.ต.อ.ศิวพงษ์ พัฒน์พงศ์พานิช รอง ผบก.ป. และ พ.ต.อ.ไพโรจน์ โรจนขจร ผกก.2 บก.ป. เป็น 2 ใน 8 นายตำรวจที่ถูกให้ไปช่วยราชการที่ศูนย์ปฏิบัติการกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (ศปก.บช.ก.) ขอสมัครใจลาออกจากราชการ และอยู่ระหว่างขั้นตอนการเสนอเรื่องให้ผู้บังคับบัญชาตามลำดับชั้น อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบหน่วยงานต้นสังกัดของนายตำรวจทั้ง 2 นาย ปรากฏว่าทางต้นสังกัดยังไม่ได้รับหนังสือลาออกของนายตำรวจทั้งสองนาย ทั้งนี้ขั้นตอนการลาออกจากราชการตามปกติต้องมีหนังสือยืนยันจากเจ้าตัว เพื่อจะดำเนินการส่งตามขั้นตอนต่างๆ ให้ผู้บังคับบัญชาแต่ละลำดับชั้นพิจารณา

    @ อธิบดีคุกระบุ'อาท'ร่างกายปกติ

         ด้านนายวิทยา สุริยะวงค์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ กล่าวถึงกระแสข่าวในโลกออนไลน์ว่านายจิรวงศ์ซึ่งถูกคุมขังอยู่ภายในเรือนจำชั่วคราว แขวงถนนนครไชยศรี ภายในมณฑลทหารบกที่ 11 (มทบ.11) เสียชีวิตแล้วว่า กระแสข่าวดังกล่าวไม่เป็นความจริง ตอนนี้ยังใช้ชีวิตปกติดี เจ้าหน้าที่ได้นำตัวนายจิรวงศ์ไปตรวจร่างกายที่ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายนที่ผ่านมา พบว่าร่างกายแข็งแรงปกติ และในวันที่ 13 พฤศจิกายน ครบกำหนดฝากขังผลัดที่ 3 ที่จะต้องนำตัวไปฝากขังที่ศาลทหาร

     

    วันที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558 ปีที่ 25 ฉบับที่ 9116 ข่าวสดรายวัน
    'บิ๊กหมู'ลุยสอบ ราชภักดิ์ '2พตอ.'ลาออก รองผบก.ป.กับผกก.2 ปลดพ.อ.คชาชาตแล้ว กรมคุกยันอาทไม่ตาย
         'บิ๊กหมู'ขีดเส้น 7 วัน สอบอุทยาน ราชภักดิ์ เผยถ้าพบความเสียหายพร้อมแจ้งความเอาผิดขณะที่ 'บิ๊กป้อม' ชี้ไม่จำเป็นต้องเรียก 'บิ๊กโด่ง-บิ๊กหมู'ไปสอบ เหตุกำลังตรวจสอบ-ไม่มีผู้ร้องทุกข์ เซ็นให้พล.ต.ออกจากราชการแล้ว ส่วนกลาโหมสั่งปลด 'พ.อ.คชาชาต' เช่นกัน ด้านตร.สรุปสำนวนสั่งฟ้องเลขาฯ หมอหยองคนเดียว ส่วนหมอหยอง-สว.เอี๊ยดเสียชีวิตจึงไม่สั่งฟ้อง-แม้พบพฤติการณ์ทำผิด เร่งสอบสวนอีก 12 สำนวน ชี้คดีพ.อ.โจ้น่าจะอยู่ใน 3 สำนวนใหม่ 'ศรีวราห์'เผยปมราชภักดิ์ต้องให้กองทัพมาร้อง แต่ประชาชนก็ร้องทุกข์ได้ถ้ามีพยานหลักฐาน เผยคำสัมภาษณ์'บิ๊กโด่ง' ไม่ใช่หลักฐาน เป็นแค่ความคิดเห็นความรู้สึก กรมคุกยัน'เลขาฯ หยอง' ยังไม่ตาย เผยร่างกายแข็งแรง-ไม่ป่วย รอส่งตัวฝากขังต่อ ขณะที่'รอง ผบก.ป.-ผกก.2'ที่โดนเด้งยื่นลาออกแล้ว
          จากกรณีเจ้าหน้าที่ออกหมายจับและคุมตัวกลุ่มผู้ต้องหาแอบอ้างเบื้องสูงไปเรียกรับ ผลประโยชน์ โดยอ้างโครงการสำคัญ นำโดยนายสุริยัน สุจริตพลวงศ์ หรือหมอหยอง ต่อมาศาลทหารออกหมายจับพ.อ.คชาชาต บุญดี หรือเสธ.โจ้ นายทหารฝ่ายเสนาธิการ ประจำกองทัพภาคที่ 3 ฐานแอบอ้างเบื้องสูงเรียกรับผลประโยชน์เช่นกัน ขณะที่ 'พล.ต.' เพื่อนสนิทของพ.อ.คชาชาต ยื่นลาออกจากราชการแล้ว ด้านพล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหม และอดีตผบ.ทบ. ยอมรับมีค่าหัวคิวอุทยาน ราชภักดิ์ แต่จัดการแล้วด้วยการให้โรงหล่อบริจาคคืนกองทัพ ตามที่เคยเสนอข่าวไปนั้น

    ไม่จำเป็นต้องสอบบิ๊กโด่ง-บิ๊กหมู
          สำหรับ ความคืบหน้า เมื่อวันที่ 12 พ.ย. ที่กระทรวงกลาโหม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม กล่าวถึงการจัดสร้างอุทยานราชภักดิ์ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ที่มีเซียนพระเรียกรับค่า หัวคิวจากโรงหล่อว่า รอให้ตำรวจดำเนินการสอบสวนก่อน อีกทั้งยังไม่มีการร้องทุกข์กล่าวโทษมายังตำรวจ ซึ่งต้องปล่อยให้กระบวนการสืบสวนสอบสวนดำเนินการไป ส่วนการคืนเงินบริจาคกลับมาแล้วจะถือว่ามีความผิดหรือไม่นั้น ก็ให้สืบสวนกันต่อไป ทั้งนี้คงไม่จำเป็นต้องเรียกพล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหม ที่ขณะนั้นดำรง ตำแหน่งผบ.ทบ. และพล.อ.ธีรชัย นาควานิช ผบ.ทบ. เข้าชี้แจงรายละเอียด เนื่องจากมูลนิธิต้องส่งเอกสารมายังกองทัพบก ซึ่งต้องตรวจสอบทั้ง 2 ฝ่ายเพื่อความชัดเจน
         พล.อ.ประวิตร กล่าวถึงความคืบหน้าคดีแอบอ้างเบื้องสูงว่า ได้ลงนามอนุมัติในหนังสือขอลาออกจากราชการของนายทหารยศพล.ต.แล้ว และยังไม่มีรายงานถึงรายชื่อของทหารที่เข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีดังกล่าว

    ผบ.ทบ.ตั้งคกก.สอบราชภักดิ์
          ที่บก.ทบ. พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก กล่าวถึงกรณีอุทยานราชภักดิ์ว่า ข้อมูลที่มีการนำเสนอในช่วงที่ผ่านมาหลายๆ ข้อมูล อาจไม่ได้ผ่านกระบวนการพิสูจน์ที่สมบูรณ์อย่างเป็นทางการจากผู้ปฏิบัติและผู้มีหน้าที่โดยตรง ทำให้หลายข้อมูลอาจคลาดเคลื่อนได้ จนมีผลต่อภาพลักษณ์องค์กรได้ ทั้งนี้เมื่อมีข้อกังวลสงสัยขึ้น ถึงแม้ว่าจะเป็นโครงการที่ไม่ได้ใช้งบประมาณของแผ่นดินก็ตาม แต่เพื่อให้เกิดความมั่นใจบนพื้นฐานของข้อเท็จจริง กองทัพบกจึงแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบโครงการอุทยานราชภักดิ์ เพื่อตรวจสอบการดำเนินโครงการอุทยานราชภักดิ์ในทุกด้านอย่างเร่งด่วนแล้ว โดยพล.อ.ธีรชัย นาควานิช ผบ.ทบ. ยังขีดกรอบการทำงานไว้คือจะพยายามทำงานให้เสร็จภายใน 1 สัปดาห์ จึงขอให้เชื่อมั่นว่าการดำเนินการจะอยู่บนพื้นฐานข้อเท็จจริง ที่ต้องไม่มีการบิดเบือน โดยหากพบมีกำลังพลไปการดำเนินการใดๆ ที่ไม่เหมาะสม บก.ทบ.จะดำเนินการไปตามระเบียบและข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องแน่นอน
         พ.อ.วินธัย กล่าวอีกว่า สำหรับพ.อ.คชาชาต บุญดี นายทหารฝ่ายเสนาธิการ ประจำกองทัพภาคที่ 3 หลังถูกศาลทหารออกหมายจับ ทางต้นสังกัดได้เสนอขอให้ปลดออกจากราชการ เนื่องจากต้องหาคดีอาญาและได้หลบหนี ปัจจุบันจึงมีคำสั่งกระทรวงกลาโหมให้ปลดออกจากราชการแล้ว
         รายงานข่าวเปิดเผยว่า หากคณะกรรมการตรวจสอบโครงการอุทยานราชภักดิ์พบว่ากองทัพบกเกิดความเสียหายในกรณีดังกล่าว ก็พร้อมที่จะแจ้งความเพื่อให้ดำเนินคดีต่อไป

    ตร.สั่งฟ้องเลขาฯหยองคนเดียว
         ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รรท.รองผบ.ตร. ในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวน คดีแอบอ้างเบื้องสูงหาผลประโยชน์ พร้อมชุดสอบสวนได้นำสำนวนคดีแอบอ้างสถาบัน กลุ่มของนายสุริยัน หรือหมอหยอง พ.ต.ต.ปรากรม หรือสารวัตรเอี๊ยด และนายจิรวงศ์ หรืออาท เลขาฯหมอหยอง เลขที่ 96/2558 กว่า 500 หน้า มาส่งให้กองคดีอาญา สำนักงานกฎหมายและคดี ดำเนินการตรวจสอบรายละเอียด เพื่อเสนอต่อไปยังพล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. พิจารณาดำเนินการตามขั้นตอน
         พล.ต.ท.ศรีวราห์ เปิดเผยว่า สำนวนคดีที่นำมาส่งให้กองคดีอาญา เป็นสำนวนคดีขบวนการแอบอ้างสถาบันหาผลประโยชน์กลุ่มแรก ที่มีผู้ต้องหาในสำนวน 3 คน คือนายสุริยัน พ.ต.ต.ปรากรม และนายจิรวงศ์ แต่ผู้ต้องหาได้เสียชีวิตระหว่างถูกคุมขัง จึงต้องสั่งไม่ฟ้องผู้ต้องหา 2 คน คือนายสุริยัน และพ.ต.ต.ปรากรม แม้พฤติการณ์พบการกระทำผิดตามข้อกล่าวหา แต่เนื่องจากเสียชีวิตตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา จึงต้องระงับการสั่งฟ้องไป คดีนี้จึงสั่งฟ้องนายจิรวงศ์เพียง 1 คนเท่านั้น ซึ่งเป็นไปตามสำนวนที่บก.ป.ได้รับแจ้งความไว้และส่งให้ตนเป็นผู้ควบคุมการสอบสวน จึงต้องดำเนินการไปตามขั้นตอนทางกฎหมาย

    เร่งสอบอีก 12 สำนวน
        พล.ต.ท.ศรีวราห์ กล่าวอีกว่า จากประสบการณ์มั่นใจว่าพยานหลักฐานในสำนวนมีความแน่นหนารัดกุมและสามารถเอาผิดกับผู้ต้องหาได้ เพราะพนักงานสอบสวนได้พยานหลักฐานมาเกือบเต็มร้อย ทำให้ขณะนี้เหลือสำนวนคดีเดิมที่ตนรับผิดชอบอีก 12 คดี ซึ่งส่วนใหญ่เป็นความผิดตามม.112 เช่นกัน แต่มาร้องทุกข์ต่างกรรมต่างวาระกัน ซึ่งเพิ่งได้รับคำสั่งให้ควบคุมการสอบสวนต่อในวันนี้ ขณะที่อีก 3 สำนวนล่าสุดนั้น ยังไม่ได้ส่งมอบอำนาจการสอบสวนมาให้ชุดของตนรับผิดชอบ สำหรับอีก 12 สำนวนที่เหลือคาดว่าไม่เกินสิ้นเดือนก็จะสามารถส่งให้กองคดีอาญาตรวจสอบได้ ขณะนี้อยู่ระหว่างตรวจสอบพยานหลักฐานทางเทคนิคต่างๆ เช่น วิทยุ ปืน รถ เศษผมและเศษขน
        ผู้สื่อข่าวถามถึงการดำเนินการกับตำรวจ 8 นายสังกัดบช.ก.ก่อนหน้านี้ พล.ต.ท.ศรีวราห์กล่าวว่า ไม่เกี่ยวข้องในสำนวนแรก แต่จะอยู่ในอีกสำนวนที่เหลือหรือไม่นั้น ไม่ทราบ เนื่องจากเพิ่งได้รับสำนวนมาวันนี้ จึงยังไม่ได้ดูในรายละเอียด

    ชี้ปชช.ร้องปมราชภักดิ์ได้
         เมื่อถามว่าความผิดกรณีการจัดสร้าง อุทยานราชภักดิ์ พล.ต.ท.ศรีวราห์กล่าวว่า เรื่องนี้ยังไม่ทราบ และไม่อยากแสดงความคิดเห็นเชิงคาดเดา เนื่องจากไม่เหมาะสม โดยตามขั้นตอนนั้นหากจะให้เจ้าหน้าที่เข้ามาดำเนินการตามความผิดอาญา ต้องมีผู้มาแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษกับตำรวจตาม ขั้นตอน ไม่สามารถจะใช้คำพูดจากปากหรือความรู้สึกมาดำเนินการได้ เพราะคำพูดไม่ใช่หลักฐาน คำให้สัมภาษณ์เป็นเพียงความรู้สึก ไม่เพียงพอรับฟังได้
         เมื่อถามว่า คดีลักษณะนี้ส่วนใหญ่ใครเป็นผู้เสียหายได้บ้าง พล.ต.ท.ศรีวราห์กล่าวว่า ส่วนใหญ่จะเป็นกองทัพ และเป็นผู้มาร้องทุกข์กล่าวโทษ
         ถามต่อว่า แล้วประชาชนทั่วไปฟ้องร้องได้หรือไม่ พล.ต.ท.ศรีวราห์กล่าวว่า ก็สามารถเข้ามาฟ้องร้องได้ แต่ต้องมีพยานหลักฐานเกี่ยวกับการกระทำความผิดก็มาร้องทุกข์ได้ ถ้ารู้สึกว่าตัวเองเสียหายจากการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐ เป็นความผิดอาญาแผ่นดินใครก็ร้องทุกข์ได้ แต่ร้องทุกข์แล้วพนักงานสอบสวนจะรับเป็นคดีหรือไม่ ก็ต้องดูที่พยานหลักฐาน ไม่ใช่แค่กล่าวอ้าง จะใช้คำสัมภาษณ์ของบุคคลมาอ้างใช้เป็นพยานหลักฐานไม่ได้
         เมื่อถามว่าการจัดสร้างอุทยานราชภักดิ์ที่พบปมหัวคิวและได้บริจาคเงินส่วนนี้ไปแล้ว จะถือว่าความผิดสำเร็จหรือยัง พล.ต.ท.ศรีวราห์กล่าวว่า ตนยังไม่เห็น เพราะขั้นตอนกระบวน การทางกฎหมายมีเยอะ

    เผยคำพูดบิ๊กโด่งไม่ใช่หลักฐาน
         ถามต่อว่า แม้จะเป็นคำพูดของอดีตผบ.ทบ. ที่พูดยอมรับว่ามีหัวคิวสามารถฟังได้หรือไม่ พล.ต.ท.ศรีวราห์กล่าวว่า คำพูดไม่ใช่หลักฐาน เพราะการให้สัมภาษณ์เป็นการแสดงความคิดเห็นความรู้สึก ไม่ถือเป็นพยานหลักฐานตามกฎหมายที่มีเอกสาร วัตถุและบุคคล
         ถามต่อว่าอีก 3 สำนวนคดีที่เหลือมี พ.อ.คชาชาต บุญดี หรือเสธ.โจ้ รวมอยู่ด้วยหรือไม่ พล.ต.ท.ศรีวราห์กล่าวว่า น่าจะอยู่ใน 3 สำนวนใหม่ดังกล่าว เมื่อถามต่อว่ามีทหารคนอื่นอีกหรือไม่ พล.ต.ท.ศรีวราห์กล่าวว่า ยังไม่เห็นรายละเอียด
       ด้านพ.ต.อ.มนัส ศิกษมัต รรท.ผบก.กองคดีอาญา กล่าวว่า จากนี้ทางกองคดีอาญาคงใช้เวลาตรวจสอบประมาณ 1 สัปดาห์ ซึ่งต้องตรวจสอบให้ละเอียดและรอบคอบ และจะส่งต่อให้คณะกรรมการคดีหมิ่นฯของตร. ที่มีพล.ต.อ.สุเทพ เดชรักษา ที่ปรึกษา (สบ10) ด้านกฎหมายและสอบสวน เป็นประธาน ก่อนส่งให้อัยการต่อไป แต่ทั้งนี้หากมีประเด็นที่กองคดีอาญาหรือคณะกรรมการ เห็นควรต้องมีการสอบสวนเพิ่มเติม ก็อาจส่งกลับให้พนักงานสอบสวนดำเนินการสอบสวนเพิ่มเติมได้

    กรมคุกยันเลขาฯ หยองไม่ตาย
         วันเดียวกัน นายวิทยา สุริยะวงค์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ กล่าวถึงกระแสข่าวว่านาย จิรวงศ์ วัฒนเทวาศิลป์ หรืออาท เลขาฯของนายสุริยัน หรือหมอหยอง เสียชีวิตแล้วว่า สำหรับนายจิรวงศ์ ขณะนี้ยังถูกควบคุมตัวอยู่ภายในเรือนจำชั่วคราวแขวงถนนนครไชยศรี ซึ่งตั้งอยู่ภายในมณฑลทหารบกที่ 11 (มทบ.11) โดยในวันนี้ตนได้รับรายงานว่านาย จิรวงศ์ยังมีชีวิตอยู่ปกติดี และไม่มีอาการเจ็บป่วย โดยยืนยันว่านายจิรวงศ์ยังไม่เสียชีวิต ซึ่งในช่วงเช้าวันที่ 13 พ.ย. เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์จะนำตัวไปฝากขังต่อในผัดที่ 3 เป็นเวลาอีก 12 วัน หลังครบกำหนดฝากขังในผัดที่ 2 แล้ว
          นายวิทยากล่าวถึงกรณีพล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม มีข้อสั่งการให้กรมราชทัณฑ์นำตัวผู้ต้องขังที่ถูกควบคุมตัวในเรือนจำชั่วคราวฯ ไปตรวจร่างกายอย่างละเอียดที่ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ ซึ่งมีผู้ต้องขังประกอบด้วย นายจิรวงศ์ ผู้ต้องหาในคดีความผิดมาตรา 112 รวมถึงนาย อะเด็ม คาราดัก และนายมีไรลี ยูซุฟู ผู้ต้องขังในคดีระเบิดราชระสงค์ว่า จากผลการตรวจร่างกายของผู้ต้องขังทั้ง 3 ราย พบมีสุขภาพร่างกายแข็งแรงดี ไม่มีอาการเจ็บป่วย ซึ่งในวันนี้เจ้าหน้าที่ยังนำตัวนายอะเด็ม และนาย ยูซุฟูไปขออนุญาตศาลทหารเพื่อฝากขังอีกในผัดที่ 7 ซึ่งเป็นผัดสุดท้ายของการฝากขังด้วย

    รองผบก.ป.-ผกก.2 ลาออก
          สำหรับ การสืบสวนสอบสวนคดีแอบอ้างเบื้องสูง รายงานข่าวแจ้งว่า กรณีที่พล.ต.ท. ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ ผบช.ก. มีคำสั่งให้ข้าราชการตำรวจมาปฏิบัติราชการที่ศปก.บช.ก. ประกอบด้วย 1.พ.ต.อ.ศิวพงษ์ พัฒน์พงศ์พานิช รอง ผบก.ป. 2.พ.ต.อ.ไพโรจน์ โรจนขจร ผกก.2 บก.ป. 3.พ.ต.อ.วสุ แสงสุกใส รองผกก.2 บก.ป. 4.พ.ต.ท.ธรรมวัฒน์ หิรัณยเลขา รองผกก.2 บก.ป. 5.พ.ต.ท.จีรวัฏฐ์ บุญวัฒนาภรณ์ สว.ทล.2 กก.1 บก.ทล. 6.พ.ต.ท.ณัทกฤช พรหมจันทร์ สว.กก.2 บก.ป. 7.พ.ต.ท.พิทยา กล่ำเอม สว.กลุ่มงานถวายความปลอดภัย บก.ทล. และ 8.พ.ต.ท. สุวัฒชัย ศรีทองสุข สว.กก.1 บก.ปคม. โดยให้ตำรวจทั้ง 8 นาย ขาดจากตำแหน่งเดิม
       โดยมีรายงานว่า พ.ต.อ.ศิวพงษ์ พัฒน์พงศ์พานิช รอง ผบก.ป. และพ.ต.อ.ไพโรจน์ โรจนขจร ผกก.2 บก.ป. สองใน 8 นายตำรวจที่ถูกให้ไปช่วยราชการ ได้สมัครใจลาออกจากราชการ โดยเรื่องอยู่ระหว่างขั้นตอนการเสนอต่อผู้บังคับบัญชาตามลำดับชั้น และรอให้ผู้บังคับบัญชาแต่ละลำดับชั้นพิจารณา

    apm

     

     

    Facebook

    5 ข่าวฮอตนิวส์!