Details

Category: กรมตำรวจ

Published: Sunday, 29 November 2015 20:03

Hits: 7625

โดนจนได้-เด้งเข้ากรุ ผู้การ'ป.' อยู่ที่เดียวกับ'ผบช.ส.' 'จักรทิพย์'เซ็นแล้ว-ส่งไปศปก. บิ๊กตู่สั่งเปิดทางสอบราชภักดิ์ โรงหล่อยันโปร่งใส-ไม่มีหัวคิว

     ผบก.ป.ไม่รอด ผบ.ตร.เซ็นเด้งแล้วไปประจำ ศปก.ตร. อยู่กับผบช.สันติบาล ที่ถูกโยกย้ายก่อนหน้านี้ โฆษกตร.แจงเป็นคนมีความรู้ความสามารถ พล.ต.อ.จักรทิพย์จึงให้มาช่วยภารกิจเฉพาะ ส่วน 'บิ๊กติ๊ก'ปัดไม่ได้เป็นหนึ่งในคณะกรรมการตรวจสอบ โครงการอุทยานราชภักดิ์ ขณะที่เจ้าของโรงหล่อ สมเด็จพระนเรศวรมหาราช-พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 ยันโปร่งใสไร้ทุจริต ไม่มีการกินหัวคิว ไม่มีเซียนพระเข้ามาเกี่ยวข้อง ลั่นพร้อมให้ทุกหน่วยงานตรวจสอบ

วันที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558 ปีที่ 25 ฉบับที่ 9132 ข่าวสดรายวัน

ดูรูปหล่อ - นายถวัลย์ เมืองช้าง เจ้าของโรงหล่อเอเชีย ไฟน์ อาร์ต ทำรูปหล่อสมเด็จพระนเรศวรและรัชกาลที่ 4 ตั้งในอุทยานราชภักดิ์ แนะถึงวิธีตรวจสอบรูปหล่อ ให้ดูจากต้นแบบและใช้เครื่องสแกนโลหะ ที่โรงหล่อ อ.บางปะหัน จ.พระนครศรีอยุธยา เมื่อวันที่ 28 พ.ย.

ผบ.ตร.เซ็นเด้ง'ผบก.ป.'
      เมื่อวันที่ 28 พ.ย. พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ลงนามในคำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่ 699/2558 เรื่อง ให้ข้าราชการตำรวจไปปฏิบัติราชการและรักษาราชการแทน ลงวันที่ 27 พ.ย. 2558 เพื่อให้การปฏิบัติราชการของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นไปได้ด้วยความเรียบร้อยและมีประสิทธิภาพ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 11 และมาตรา 72 แห่งพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2547 ประกอบกับ ข้อ 8 (1) แห่งระเบียบสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ว่าด้วยการสั่งให้ข้าราชการตำรวจไปปฏิบัติราชการภายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2552
      จึงให้ข้าราชการตำรวจไปปฏิบัติราชการและรักษาราชการแทนดังนี้ 1.พล.ต.ต.อัคราเดช พิมลศรี ผู้บังคับการปราบปราม ไปปฏิบัติราชการที่ศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปก.ตร.) เพื่อปฏิบัติหน้าที่ตามที่ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติมอบหมาย และ 2.ให้ พล.ต.ต.ชาญ วิมลศรี รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง รักษาราชการแทน ผู้บังคับการปราบปราม ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไปจนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง

โฆษกตร.ชี้มาช่วยภารกิจเฉพาะ
       ด้านพล.ต.อ.เดชณรงค์ สุทธิชาญบัญชา โฆษกตร. เปิดเผยว่า พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ลงนามคำสั่งให้พล.ต.ต.อัคราเดช พิมลศรี ผบก.ป. ช่วยราชการ ศปก.ตร.จริง เนื่องจากผบก.ป.เป็นคนมีความรู้ความสามารถ จึงต้องการให้มาช่วยภารกิจเฉพาะที่ผบ.ตร. จะเป็นผู้มอบหมายเช่นเดียวกับพล.ต.ท.รอย อิงคไพโรจน์ ผบช.ส. ที่ถูกโยกย้ายให้มารับหน้าที่ภารกิจเฉพาะก่อนหน้านี้
      ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังจากมีคำสั่งพล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร.ลงนามให้พล.ต.ต.อัคราเดช พิมลศรี ผบก.ป. ไปช่วยราชการที่ศปก.ตร. ซึ่งมีผลตั้งแต่วันที่ 27 พ.ย.ที่ผ่านมา และให้พล.ต.ต.ชาญ วิมลศรี รอง ผบช.ก. มารักษาราชการแทนนั้น ที่กองปราบปรามเจ้าหน้าที่ตำรวจบก.ป.ต่างพากันออกมาจับกลุ่มวิพากษ์วิจารณ์ถึงกรณีที่เกิดขึ้น ว่าการโยกย้ายผู้การกองปราบฯ ครั้งนี้เกิดมาจากสาเหตุอะไร
     ขณะที่พล.ต.ท.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ ผบช.ก. เปิดเผยว่าการโยกย้ายพล.ต.ต.อัคราเดชให้ไปช่วยราชการที่ศปก.ตร.นั้น ส่วนตัวมองว่าเป็นเรื่องของผู้บังคับบัญชาที่คงพิจารณาแล้วเห็นว่ามีความเหมาะสมเนื่องจากเป็นนายตำรวจที่มีความสามารถ ส่วนเรื่องที่จะให้ใครมาดำรงตำแหน่งแทนก็เป็นเรื่องที่ผู้บังคับบัญชาเห็นสมควรอีกเช่นกัน

'บิ๊กติ๊ก'ปัดเป็นกรรมการสอบ
       ส่วนที่กรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ พล.อ.ปรีชา จันทร์โอชา ปลัดกระทรวงกลาโหม ปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง และรมว.กลาโหม แต่งตั้งคณะกรรมการในส่วนของกระทรวงกลาโหมขึ้นมาตรวจสอบโครงการอุทยานราชภักดิ์ โดยมีพล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รองปลัดกระทรวงกลาโหม เป็นประธานคณะกรรมการ โดยพล.อ.ปรีชากล่าวเพียงสั้นๆ ว่า ตนไม่ได้เป็นหนึ่งในคณะกรรมการตรวจสอบ
     ด้านพล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รองปลัดกระทรวงกลาโหม ซึ่งเป็นประธานคณะกรรมการตรวจสอบโครงการอุทยานราชภักดิ์ ที่พล.อ.ประวิตรแต่งตั้งขึ้น กล่าวเพียงสั้นๆ ถึงความคืบหน้าการดำเนินงานของคณะกรรมการว่า เป็นไปตามที่พล.อ.ประวิตรให้สัมภาษณ์ไปแล้ว
     ขณะที่พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) สั่งการให้กระทรวงกลาโหมอำนวยความสะดวก และให้การสนับสนุนแก่ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่ต้องการตรวจสอบ กรณีโครงการจัดสร้างอุทยานราชภักดิ์อย่างเต็มที่ เพื่อให้เกิดความโปร่งใส และสามารถตอบคำถามสังคมจนสิ้นข้อสงสัยได้ โดยทุกอย่างต้องเป็นไปตามขั้นตอนปกติของกระบวน การยุติธรรม จะต้องไม่มีการใช้เงื่อนไขเวลามาเร่งรัดกระบวนการตรวจสอบ หรือใช้ปัจจัยอื่นใดมาเป็นอุปสรรคในการทำงานโดย เด็ดขาด
      "รัฐบาลและคณะรักษาความสงบแห่งชาติ มีจุดยืนชัดเจนเสมอว่าทุกหน่วยงานทุกองค์กรในประเทศ ต้องดำเนินงานด้วยความโปร่งใส ตรวจสอบได้ หากพบการกระทำผิดไม่ว่าจะเป็นพลเรือน ทหาร ตำรวจ หรือบุคคลในตำแหน่งใดต้องรับผลของการกระทำนั้น เพราะหากผิดก็ต้องว่าไปตามผิด ถูกก็ต้องว่าไปตามกรณีไม่มีการปกป้องผู้กระทำผิด เพื่อสร้างบรรทัดฐานความโปร่ง ใสให้สังคมไทย" พล.ต.สรรเสริญกล่าว

ปลื้มแห่เที่ยวอุทยานราชภักดิ์
       พล.ต.สรรเสริญ กล่าวต่อว่า แม้จะมีกระแสข่าวตั้งข้อสงสัยต่อกระบวนการจัดสร้างโครงการอุทยานราชภักดิ์ แต่ก็เป็นที่น่าปลื้มใจที่มีพี่น้องประชาชนและนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ เดินทางไปสักการะและเที่ยวชมอุทยานราชภักดิ์เป็นจำนวนมากทุกวัน แสดงให้เห็นว่าพี่น้องประชาชนมีความเข้าใจเจตนารมณ์ในการก่อสร้างอุทยาน ที่ต้องการให้เป็นสถานที่อันแสดงถึงความเคารพ และเทิดทูนต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ของปวงชนชาวไทย และเป็นสถานที่สวยงามตื่นตาตื่นใจสำหรับชาวต่างประเทศที่มีโอกาสแวะมาเยือน
      ส่วนนายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวว่า ถือเป็นการดีที่ได้เห็นนายกรัฐมนตรีและรองนายกรัฐมนตรีด้านความมั่นคง เปิดใจกว้างให้มีการตรวจสอบการทุจริตในโครงการอุทยานราชภักดิ์ เพื่อให้เห็นถึงความจริงใจของรัฐบาลในการจะแก้ปัญหาเรื่องความไม่โปร่งใสในหน่วยงานภาครัฐ เชื่อว่าทุกคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการดำเนินโครงการนี้ก็จะได้สบายใจ เพราะการสร้างอุทยานราชภักดิ์เป็นการเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ หากเรื่องนี้แปดเปื้อนด้วยมลทินก็จะกลายเป็นตราบาปของคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งหมด หากสอบแล้วไม่พบการทุจริตก็จะทำให้คนที่เกี่ยวข้องได้รับการเชิดชู ถูกว่าไปตามถูก ผิดว่าไปตามผิด เชื่อว่าสังคมต้องการเห็นความจริงไม่ใช่การใส่ร้ายป้ายสี ถ้าไม่ผิดในที่สุดรัฐบาลเองก็ได้แสดงความจริงใจ แต่ถ้าผิดสังคมคงจะลงโทษคนที่นำเรื่องไม่เป็นความจริงนี้มาทำให้คนที่เกี่ยวข้องมัวหมอง

โรงหล่อยันไม่มีกินหัวคิว
     วันเดียวกัน ที่โรงหล่อเอเชีย ไฟน์ อาร์ท อ.บางปะหัน จ.พระนครศรีอยุธยา นายถวัลย์ เมืองช้าง เจ้าของโรงหล่อ เปิดเผยถึงการก่อสร้างพระบรมราชานุสาวรีย์ อุทยานราช ภักดิ์ ว่า บริษัทได้รับการติดต่อทาบทามจากสำนักช่างสิบหมู่ กรมศิลปากร ว่ามีโครงการทำพระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระบูรพกษัตริย์แห่งสยาม ของกองทัพบก จากนั้นกองทัพก็คัดเลือกให้โรงหล่อของตนได้รับงานหล่อพระบรมราชานุสาวรีย์ 2 พระองค์ คือ สมเด็จพระนเรศวรมหาราช และพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 ในราคาองค์ละ 45 ล้านบาท รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม มีระยะเวลาจัดทำ 5 เดือน โดยคณะช่างสิบหมู่เป็นผู้ออกแบบพระบรมราชานุสาวรีย์ ทั้ง 7 พระองค์
     ส่วนงานขยาย งานหล่อ งานขนย้าย งานติดตั้ง เป็นเรื่องที่โรงหล่อดำเนินการ โดยนำหุ่นตัวอย่างที่สำนักช่างสิบหมู่ออกแบบมาให้ในขนาด 1.92 เมตร มาขยาย 7.942 เท่า เพื่อให้ได้หุ่นขนาด 13.90 เมตร ซึ่งในวันลงนามสัญญาลงที่กรมกิจการพลเรือน กองทัพบก เป็นสัญญาที่กองทัพเป็นผู้ร่างทั้งหมด
      นายถวัลย์ กล่าวต่อว่า ส่วนวัตถุดิบที่ใช้นั้นผู้จ้างหรือกองทัพ กำหนดมาอย่างชัดเจนว่าต้องเป็นโลหะมาตรฐานสากลมีทองแดง 90% ขึ้นไป ซึ่งโรงหล่อของตนนำเข้าวัตถุดิบโลหะทองแดง 94% มาจากประเทศออสเตรเลีย มีราคาสูงกว่าวัตถุดิบในประเทศและมีใบรับรอง จึงเป็นวัตถุดิบที่ได้มาตรฐานมีความคงทนถาวรสามารถอยู่ได้เป็นพันปีโดยไม่เกิดสนิม แม่เหล็กจับไม่ติด ยืนยันว่าเราทำอย่างสะอาดโปร่งใส ไม่มีปัญหาอะไรเลย ทุกขั้นตอนในการดำเนินงานนั้นต้องผ่านการตรวจสอบจากสำนักช่างสิบหมู่ ทั้งขั้นตอนก่อนและหลังหล่อ ส่วนขั้นตอนการตรวจรับงานนั้นต้องผ่านสำนักช่างสิบหมู่ กองทัพบก และฝ่ายวิศวกรของกองทัพ เท่าที่ได้อ่านเอกสารเห็นว่าทุกโรงหล่อผ่านเกณฑ์มาตรฐานหมด ทั้งนี้ เราไม่กังวลว่าจะเข้าไปเกี่ยวข้องกับการทุจริต ไม่มีเซียนพระเข้ามายุ่งมาเกี่ยวข้องแต่อย่างใด ตอนนี้เงินเหลืองวดสุดท้ายอีกหนึ่งงวด หลังจากตรวจรับงานเสร็จก็จะได้รับ โดยกำลังอยู่ระหว่างกรรมการ 3 ฝ่ายตรวจสอบอยู่

ลั่นพร้อมให้ตรวจสอบ
       นายถวัลย์ กล่าวต่อว่า ขั้นตอนตรวจสอบไม่ได้ผ่านง่ายๆ ในส่วนของรูปร่างพระบรมราชานุสาวรีย์ เป็นหน้าที่ของช่างสิบหมู่ที่จะต้องตรวจสอบ ส่วนโครงสร้างหุ่นเป็นหน้าที่ของกองทัพที่ดำเนินการ ถ้าโครงสร้างข้างในไม่ดีแต่ละโรงก็ต้องซ่อมแซมและทุกโรงหล่อต้องแก้เหมือนกันหมด การตรวจสอบผ่านการเอกซเรย์มาหมดแล้วว่าวัตถุดิบได้มาตรฐาน โดยทุกโรงหล่อที่ได้งานนั้นกองทัพเป็นผู้ตัดสินและคัดเลือกว่าจะเอาโรงไหน การตรวจสอบตั้งแต่พระบรมราชานุสาวรีย์ที่จะเอาไปหล่อว่าถูกต้องไหม เมื่อหล่อเสร็จแล้วสำนักช่างสิบหมู่ก็จะมาตรวจสอบอีกที ทั้งนี้ไม่ใช่แค่กองทัพที่มาตรวจสอบเรา ยังมีสำนักช่างสิบหมู่ที่มาดำเนินการในเรื่องนี้อีกด้วย ที่ผ่านมาเราเคยรับงานจากกองทัพบกมาแล้วหลายครั้งก็ไม่เคยมีปัญหาแต่อย่างใด
       "เงินที่ได้มาเหนื่อยแล้วทำไมต้องเอาไปให้คนอื่นอีก เงินที่ได้มาจากการทำหุ่นบวกลบแล้วก็ได้กำไรไม่มาก ต้นทุนเราสูงงานพวกนี้ เราทำทั้งวันทั้งคืนช่างก็ค่าแรงสูงวันละประมาณ 1,000 บาท จะหักเรา 10% เราไม่พอหรอก ไม่มีกองทัพเข้ามายุ่งเกี่ยวกับเรา ไม่มีมาข่มขู่กดดัน หน่วยงานรัฐไหนที่ต้องการตรวจสอบพร้อมที่จะไปให้ข้อมูล และยินดีให้ตรวจสอบทุกอย่างของโรงหล่อ ทั้งนี้ในส่วนการจะตรวจสอบพระบรมราชานุสาวรีย์ สามารถตรวจสอบได้โดยดูจากต้นแบบ รวมทั้งการใช้เครื่องสแกนโลหะตรวจสอบว่าโลหะที่ใช้ทำพระบรมราชานุสาวรีย์นั้นได้มาตรฐานตามที่กองทัพบกกำหนดหรือไม่" นายถวัลย์กล่าว

แฉพตท.เบิกปืนให้สารวัตรเอี๊ยด
      ส่วนความคืบหน้า การสอบสวนคดีหมิ่นสถาบันเบื้องสูง ภายหลังศาลทหารอนุมัติออกหมายจับ พล.ต.สุชาติ พรมใหม่ หรือเสธ.โต อดีตผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก คนสนิทพล.อ. อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหม พ.ต.อ. ไพโรจน์ โรจนขจร อดีต ผกก.2 บก.ป. พ.ต.ท. ธรรมวัฒน์ หิรัณยเลขา อดีตรอง ผกก.2 บก.ป. ในข้อหาร่วมกันหมิ่นสถาบันเบื้องสูง และเป็นเจ้าหน้าที่รัฐปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในพฤติการณ์ที่ทำให้ผู้อื่นเชื่อว่ามีตำแหน่งหรือหน้าที่ เพื่อแสวงหาผลประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบฯ ม.123 รวมทั้งศาลอาญาได้ออกหมายจับพ.ต.ท.จีรวัฎฐ์ บุญวัฒนาภรณ์ อดีต สว.ส.ทล.2 กก.1 บก.ทล. ในข้อหาเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบฯ เป็นผู้สนับสนุนให้ผู้อื่นมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนที่นายทะเบียนไม่สามารถออกให้ได้ไว้ในความครอบครอง
     รายงานข่าวแจ้งว่า สำหรับพ.ต.ท.จีรวัฎฐ์ มีส่วนเชื่อมโยงกับพ.ต.ต.ปรากรม วารุณประภา หรือสารวัตรเอี๊ยด ซึ่งเมื่อครั้งมีการจับกุมสารวัตรเอี๊ยด เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมพบรถโตโยต้า เวนจูรี่ ภายในมีอาวุธปืนเอชเค 2 กระบอก พร้อมเครื่องกระสุนจำนวนหนึ่ง จากการตรวจสอบพบว่าพ.ต.ท.จีรวัฎฐ์ เป็นผู้ทำเรื่องเบิกปืนดังกล่าวมาจากบก.ทล. 8 กระบอก แต่ได้คืนไปเพียงแค่ 2 กระบอก กระทั่งบก.ทล.มอบหมายให้มีการเข้าแจ้งความดำเนินคดีจนนำมาสู่การออกหมายจับ ส่วนจะเกี่ยวโยงกับคดีอื่นๆ หรือไม่นั้น เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการสืบสวนสอบสวน ทั้งนี้ยังมีรายงานด้วยว่าพ.ต.ท. จีรวัฎฐ์หลบหนีออกนอกประเทศไปที่ประเทศสิงคโปร์เพื่อหลบหนีต่อไปยังประเทศที่ 3 ต่อไป

ส่ง 7 สำนวนสิ้นเดือนนี้
      ด้านพล.ต.ต.ชยพล ฉัตรชัยเดช ผบก.แผนงานอาชญากรรม สำนักงานยุทธศาสตร์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ หนึ่งในคณะพนักงานสืบสวนสอบสวนคดีหมิ่นเบื้องสูง กล่าวว่า สำหรับความคืบหน้าคดีหมิ่นเบื้องสูง แอบอ้างสถาบันฯ ความผิดตาม ม.112 ที่ศาลทหารอนุมัติออกหมายจับอดีตนายทหาร และอดีตข้าราชการตำรวจ เพิ่มเติมไปเมื่อกลางสัปดาห์ที่ผ่านมานั้น ยังไม่มีบุคคลใดติดต่อขอเข้ามอบตัว และพนักงานสอบสวนยังไม่มีการขอศาลออกหมายจับบุคคลใดเพิ่มเติม ขณะเดียวกันสำนวนคดีอีก 7 สำนวน พนักงานสอบสวนอยู่ระหว่างเร่งรวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมด คาดว่าจะส่งสำนวนคดีทั้ง 7 สำนวนให้กับกองคดีอาญา สำนักงานกฎหมายและสอบสวนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พิจารณาได้ภายในสิ้นเดือนพ.ย.นี้