WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

Policeนายกฯ ใช้มาตรา 44 แก้ไขพ.ร.บ.ตำรวจฯ ให้อำนาจผบ.ตร.แต่งตั้งโยกย้ายตำรวจ

     เว็บไซด์ราชกิจจานุเบกษาได้เผยแพร่คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 44/2558 เรื่องการแก้ไขปัญหาการบริหารงานบุคคลของข้าราชการตำรวจ โดยระบุว่า เพื่อให้การแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับการบริหารงานบุคคลของข้าราชการตำรวจเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ เกิดความเป็นธรรม อันจะเป็นประโยชน์ต่อการปฏิรูปในด้านการบริหารราชการแผ่นดินและกระบวนการยุติธรรม อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2557 หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ โดยความเห็นชอบของคณะรักษาความสงบแห่งชาติจึงมีคำสั่ง ดังต่อไปนี้

      ข้อ 1 ให้ยกเลิกความในมาตรา 32 แห่งพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2547 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน "มาตรา 32 เพื่อรักษาความเที่ยงธรรมในการแต่งตั้งและโยกย้ายข้าราชการตำรวจ ให้ ก.ตร. ออกกฎ ก.ตร. กำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการแต่งตั้งและโยกย้ายข้าราชการตำรวจไว้ให้ชัดเจนแน่นอน กฎ ก.ตร.ดังกล่าวให้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป"

    ข้อ 2 ให้ยกเลิกความในมาตรา 53 และมาตรา 54 แห่งพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2547 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 88/2557 เรื่อง การแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายว่าด้วยตำรวจแห่งชาติ ลงวันที่ 10 กรกฎาคม พุทธศักราช 2547 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน "มาตรา 53 การแต่งตั้งข้าราชการตำรวจให้ดำรงตำแหน่งตามมาตรา 44 (1) (2) (3)(4) (5) และ (6) ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ดังต่อไปนี้

     (1) การแต่งตั้งข้าราชการตำรวจให้ดำรงตำแหน่งตามมาตรา 44 (1) ให้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ คัดเลือกรายชื่อข้าราชการตำรวจที่ดำรงตำแหน่งจเรตำรวจแห่งชาติ หรือรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ แล้วเสนอ ก.ต.ช. เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบก่อน แล้วให้นายกรัฐมนตรีนำความกราบบังคมทูล เพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง

    (2) การแต่งตั้งข้าราชการตำรวจให้ดำรงตำแหน่งตามมาตรา 44 (2) (3) (4) (5) และ (6) ให้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ คัดเลือกรายชื่อข้าราชการตำรวจเสนอ ก.ตร. เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบก่อน แล้วให้นายกรัฐมนตรีนำความกราบบังคมทูลเพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง

    มาตรา 54 การแต่งตั้งข้าราชการตำรวจให้ดำรงตำแหน่งตั้งแต่มาตรา 44 (7) ลงมาในสำนักงานผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ให้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติเป็นผู้สั่งแต่งตั้ง ส่วนในกองบัญชาการที่มิได้สังกัดสำนักงานผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ให้ผู้บัญชาการเป็นผู้สั่งแต่งตั้ง

      ในกรณีที่เป็นการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจให้ดำรงตำแหน่งจากส่วนราชการหนึ่งไปอีกส่วนราชการหนึ่ง ให้หัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้องทำความตกลงกัน แล้วให้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ หรือผู้บัญชาการที่ประสงค์จะแต่งตั้งเป็นผู้สั่งแต่งตั้ง"

     ข้อ 3 ให้ยกเลิกความในมาตรา 56 แห่งพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2547และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน "มาตรา 56 ในกรณีที่ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติเห็นว่าการใช้อำนาจในการแต่งตั้งของผู้บัญชาการไม่เป็นธรรม หรือมีกรณีไม่ชอบด้วยหลักเกณฑ์หรือวิธีการที่ ก.ตร.กำหนดตามมาตรา 57 หรือมีเหตุผลความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องให้ข้าราชการตำรวจซึ่งดำรงตำแหน่งตั้งแต่มาตรา 44 (7) ลงมาพ้นจากพื้นที่หรือหน้าที่ หรือเห็นว่าหากดำรงตำแหน่งเดิมต่อไปจะก่อให้เกิดความเสียหายแก่ทางราชการ หรือมีเหตุพิเศษตามที่ ก.ตร. กำหนดให้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติมีอำนาจสั่งแต่งตั้งข้าราชการตำรวจ ให้ดำรงตำแหน่งตามมาตรา 44 (7) ลงมา ได้ตามควรแก่กรณี"

    ข้อ 4 ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็นมาตรา 105/1 ของหมวด 8 การอุทธรณ์ แห่งพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2547 "มาตรา 105/1 ในกรณีที่ศาลปกครองมีคำพิพากษาถึงที่สุดสั่งเพิกถอนหรือแก้ไขคำสั่งในเรื่องใด ให้เป็นหน้าที่ของผู้บังคับบัญชาผู้มีอำนาจ ก.ตร. หรือ ก.ต.ช.แล้วแต่กรณี ในการสั่งการตามสมควรเพื่อเยียวยาและแก้ไขหรือดำเนินการตามที่เห็นสมควร"

     ข้อ 5 ให้ ก.ตร. ดำเนินการออกกฎ ก.ตร. เพื่อปฏิบัติตามคำสั่งนี้ ให้แล้วเสร็จภายใน 30 วัน นับแต่วันที่คำสั่งนี้ใช้บังคับ

     ข้อ 6 ในระหว่างที่ยังมิได้มีการออกกฎ ก.ตร. ตามข้อ 5 ให้นำกฎ ก.ตร. ประกาศมติหรือกรณีที่กำหนดไว้แล้วในส่วนที่เกี่ยวข้องซึ่งใช้อยู่เดิมมาใช้บังคับโดยอนุโลมเท่าที่ไม่ขัดหรือแย้งกับบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2547 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยคำสั่งนี้ จนกว่าจะมีกฎ ก.ตร. ตามข้อ 5ขึ้นใช้บังคับ

    ข้อ 7 คำสั่งนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป

อินโฟเควสท์

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!