WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

ทหารสายพันธุ์ใหม่'บูรพาเทวัญ'ฐานอำนาจ'บิ๊กตู่' เมื่อต้อง'ขี่หลังเสือ'




รายงานพิเศษ มติชนสุดสัปดาห์ 13-19 มิถุนายน 2557

     ในเวลานี้ บิ๊กตู่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็เปรียบเสมือนเป็น นายกรัฐมนตรี อยู่แล้ว จนทำให้ผู้คนจำนวนไม่น้อย เผลอคิดว่า ก็ให้เป็นนายกรัฐมนตรีจริงๆ ไปเลย

    มีการประชุม คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ชุดใหญ่ ทุกวันอังคาร ที่ก็เปรียบเสมือนเป็นการประชุมคณะรัฐมนตรี ที่จะมีมติ คสช. ออกมาในเรื่องต่างๆ โดยเป็นการประชุมทั้ง 6 กลุ่มงานบริหารราชการแผ่นดิน ที่มี ผบ.สส. และ ผบ.เหล่าทัพ ในฐานะรองหัวหน้า คสช. เป็นหัวหน้าฝ่ายต่างๆ ที่เปรียบเสมือนรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายต่างๆ และปลัดกระทรวงต่างๆ ที่ทำหน้าที่แทนรัฐมนตรีว่าการ ร่วมประชุมด้วย โดย พล.อ.ประยุทธ์ นั่งหัวโต๊ะ

แถมทั้งตอนนี้ พล.อ.ประยุทธ์ กำลังร่างรายชื่อคณะรัฐมนตรีอยู่ แต่ข่าวเงียบกริบเลยว่า ใครจะเป็นนายกรัฐมนตรี ด้วยเพราะในเวลานี้ ใครๆ ก็ทำใจ และเชื่อว่า พล.อ.ประยุทธ์ จะเป็นนายกฯ เอง

แม้ว่าจะเป็น "สูตรอำนาจต้องห้าม" คือ ปฏิวัติเอง แล้วเป็นนายกรัฐมนตรีเองก็ตาม แต่หาก พล.อ.ประยุทธ์ หยั่งกระแสแล้ว ประชาชนยอมรับ ก็อาจทำให้เขาตัดสินใจนั่งเก้าอี้ สร.1 นี้เองก็เป็นได้

อีกทั้งบรรดาหมอดูหลายสำนัก โดยเฉพาะอดีตโหร คมช. วารินทร์ บัววิรัตน์เลิศ ฟันธงว่า มองในนิมิตแล้วเห็น พล.อ.ประยุทธ์ ซึ่งเป็นทหารเอกพระนเรศวรฯ กลับชาติมาเกิด เพื่อกอบกู้ชาติบ้านเมือง คนนี้จะเป็นนายกรัฐมนตรี โดยมีบุญญาบารมีถึง

"หาก พล.อ.ประยุทธ์ ไม่เป็นนายกรัฐมนตรีเอง พังแน่นอน มีบทเรียนมาแล้ว และโดยดวงชะตาการกอบกู้ชาติแล้ว ต้อง ป.ประยุทธ์ คนนี้เท่านั้น" โหรวารินทร์ ระบุ

อย่าลืมว่า ทั้ง 3 ป. คือ บิ๊กป้อม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ บิ๊กป๊อก พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา และ พล.อ.ประยุทธ์ ต่างก็เป็นศิษย์เอกของโหรวารินทร์ ซึ่งเป็นผู้ที่ดูฤกษ์ยามในการรัฐประหาร ให้ บิ๊กบัง พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน 19 กันยายน 2549 มาแล้ว

แม้ครั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จะไม่ได้ปรึกษาโหรวารินทร์ แต่ก่อนหน้านั้น เมื่อเมษายนที่ผ่านมา เขาก็เพิ่งมาร่วมพิธีเปิดพุทธมณฑล "ข่วงล้านนา" ที่โหรวารินทร์ สร้างในเขตทหาร เพื่อหวังผลให้กองทัพเป็นองค์กรค้ำชาติ ตามดวงเมือง

"ฤกษ์ปฏิวัติจริงๆ ของครั้งนี้คือ คืน 19 พฤษภาคม 2557 นั่นเอง เพราะเป็นคืนที่พอข้ามวัน ตี 3 พล.อ.ประยุทธ์ ก็ประกาศใช้กฎอัยการศึก ซึ่งเป็นขั้นแรกของการยึดอำนาจการปกครองประเทศ อย่างนุ่มนวลนั่นเอง" โหรวารินทร์ กล่าว

แต่สิ่งหนึ่งที่ พล.อ.ประยุทธ์ รู้ดีก็คือ ถ้าเขาไม่ตัดสินใจยึดอำนาจ ก็จะสายเกินไป สำหรับความสูญเสียที่จะเกิดขึ้น ที่ตามดวงแล้ว 26 พฤษภาคมที่ผ่านมา จะเกิดนองเลือด นี่เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ ต้องตัดสินใจ

ท่ามกลางแรงเชียร์มากมาย แต่ก็มีรายงานว่า พล.อ.ประยุทธ์ ได้บอกกับคนใกล้ชิดบางคนแล้วว่า เขาจะไม่เป็นนายกรัฐมนตรี

แต่ก็ไม่มีใครอาจหยั่งรู้หัวใจของ พล.อ.ประยุทธ์ ว่า คิดเช่นไร จำเป็นหรือไม่ หรือว่ามีใครอยู่ในใจแล้ว

ด้วยเพราะเขาพูดชัดเจนมากขึ้นแล้วว่า จะมีนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรี ภายใน 3 เดือนนี้ นั่นหมายถึง ไม่เกินสิงหาคม หรือ 1 เดือนก่อนที่ พล.อ.ประยุทธ์ จะเกษียณราชการ

โดย พล.อ.ประยุทธ์ พูดกับกลุ่มนักธุรกิจจีนที่เข้าพบเขาที่ บก.ทบ. ประโยคหนึ่งว่า เมื่อมีนายกฯ และคณะรัฐมนตรีแล้ว ผมจะคอยติดตามให้ทำงานในกรอบ และไม่ทุจริต

แต่ก็ยังมีชื่อของ พล.อ.ประวิตร อยู่ในแคนดิเดตที่จะเป็นนายกรัฐมนตรี เพราะเป็นชื่อที่ถูกวางไว้ตั้งแต่แรก แต่หาก พล.อ.ประยุทธ์ เลือก "พี่ป้อม" เป็นนายกฯ จริงๆ ก็จะส่งผลเสียมากกว่า เพราะยิ่งทำให้ผู้คนเข้าใจว่า ทุกอย่างที่ร่ำลือกันมาก่อนหน้านี้ ในความพยายามล้มรัฐบาลนั้นเป็นความจริง หาใช่การเข้ามาช่วยแก้ปัญหาให้ชาติไม่

แต่การที่ พล.อ.ประยุทธ์ แต่งตั้งทั้ง พล.อ.ประวิตร และ พล.อ.อนุพงษ์ มาเป็นประธานที่ปรึกษา คสช. และรองประธาน ก็ถูกมองว่า น่าจะเป็นการจับมาแขวนในตำแหน่งอันทรงเกียรติของเขา โดยจะไม่เลือกมาเป็นนายกรัฐมนตรี

แต่ในอีกมุมหนึ่ง ก็มีคนมองว่า ตัวเลือกนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีในหลายตำแหน่ง อาจเป็นหนึ่งใน 10 ชื่อของที่ปรึกษา คสช. ก็เป็นได้

แต่หากฟังเสียงของนายทหารที่ตรงไปตรงมา อย่าง บิ๊กกี่ พล.อ.นพดล อินทปัญญา เพื่อนรัก เพื่อนซี้ เตรียมทหาร 6 ที่มาเป็นที่ปรึกษา คสช. ด้วยแล้ว "ป้อมกับป๊อก ไม่มีใครเขาอยากเป็นนายกฯ หรอก เลิกพูดกันได้แล้ว ใครเป็นนายกฯ ตอนนี้ บอกได้เลยว่า มีแต่เจ๊า กับเจ๊ง"

แต่ก็ไม่แน่ว่า สถานการณ์อาจเป็นใจ และทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ ที่ไหนๆ ก็รับภาระในการมายุติความขัดแย้งทางการเมือง แก้ปัญหาชาติแล้ว ก็เป็นผู้นำประเทศไปเสียเองเลยก็เป็นได้ เพราะตอนนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ก็รับตำแหน่งสำคัญๆ ทั้งหมด ทั้งประธานบอร์ดส่งเสริมการลงทุน BOI และบอร์ดพลังงาน

กล่าวกันในบรรดานายทหารชั้นผู้ใหญ่ใน ทบ. หรือ คสช. แล้ว เชื่อว่าเหตุผลเดียวที่จะทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกรัฐมนตรีเองนั้นคือ เพราะไม่ไว้วางใจใคร และเกรงว่า ความตั้งใจของตนเองที่จะแก้ปัญหาต่างๆ จะไม่เป็นไปดั่งใจ

แต่ก็เป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อสำคัญของ พล.อ.ประยุทธ์ ที่ต้องตัดสินใจก่อนที่จะเกษียณราชการกันยายนนี้ ว่าระหว่างการเป็นหัวหน้า คสช. ที่ไม่ได้มีอำนาจกองทัพอยู่ในมือ เพราะต้องแต่งตั้ง ผบ.เหล่าทัพชุดใหม่มาแทนนั้น เขาจะแก้ปัญหาได้เต็มที่หรือไม่

ดูเหมือนสถานการณ์จะเป็นใจ และยั่วยวนใจให้ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกรัฐมนตรี เพราะหากเล็งไปที่ ผบ.เหล่าทัพชุดใหม่แล้ว ก็ล้วนจะเป็นคนที่เขาไว้วางใจได้ ไม่ต้องห่วง เพราะกองทัพจะเป็นฐานค้ำเก้าอี้นายกรัฐมนตรีของเขาได้อย่างมั่นคง

โดยเฉพาะ ผบ.ทบ.คนใหม่ ไม่ว่าจะเป็น บิ๊กโด่ง พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รอง ผบ.ทบ. และเลขาธิการ คสช. หรือ บิ๊กต๊อก พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา ผช.ผบ.ทบ. และหัวหน้าฝ่ายกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม คสช. ก็ล้วนเป็นน้องรักทั้งสิ้น

โดยทั้งคู่ต่างรอการตัดสินใจเลือกของ พล.อ.ประยุทธ์ เมื่อถึงเวลา

ส่วน ผบ.สส.คนใหม่ นั้น บิ๊กบี้ พล.อ.ศิริชัย ดิษฐกุล เสนาธิการทหาร น้องรักของ พล.อ.ประวิตร ก็กลับมาเป็นเต็งหนึ่ง เพราะคาดว่า จะส่ง บิ๊กตี๋ พล.อ.วรพงษ์ สง่าเนตร รอง ผบ.สส. ไปเป็นปลัดกลาโหม

แต่นั่นหมายถึงว่า หาก พล.อ.อุดมเดช พลาดเก้าอี้ ผบ.ทบ. ก็อาจมาชิง ผบ.สส. ได้ เพราะเป็น ตท.14 แต่ถ้าพลาด ก็คาดว่าจะเป็น รอง ผบ.สส.

แต่หาก พล.อ.ไพบูลย์ พลาดเก้าอี้ ผบ.ทบ. โอกาสที่จะเป็น ผบ.สส. คงยาก เพราะเป็น ตท.15 และก็อาจจะถูกส่งมาเป็นแค่ รอง ผบ.สส. เท่านั้น

ว่ากันว่า พล.อ.ประยุทธ์ จะจัดสูตรอำนาจที่ไม่หักหาญน้ำใจฝ่ายใด และดูแลหัวใจของน้องๆ ทุกคน ไม่ให้รู้สึกว่า ถูกหลอกใช้

เพราะการรัฐประหาร 22 พฤษภาคม ครั้งนี้ ถือว่า พล.อ.ประยุทธ์ ก็พยายามที่จะกระจายอำนาจและความรับผิดชอบให้กับทุกขั้ว ทุกกลุ่มใน ทบ. ทั้ง บูรพาพยัคฆ์ และ วงศ์เทวัญ แม้จะยังเป็นยุคทองของบูรพาพยัคฆ์ มาอย่างต่อเนื่องก็ตาม

แม้บรรดานายทหารของกองพลทหารราบที่ 2 รักษาพระองค์ (พล.ร.2 รอ.) ดูจะภูมิใจกับการถูกเรียกว่าเป็น "บูรพาพยัคฆ์" ที่แสนเกรียงไกร โดยเฉพาะเป็นยุคเฟื่องฟูมาต่อเนื่อง ตั้งแต่ก่อนการรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 มาจนบัดนี้

แต่ทว่า พล.อ.ประยุทธ์ ผบ.ทบ. ที่วันนี้ เป็นหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ดูจะไม่ชอบคำเรียก "บูรพาพยัคฆ์" นี้ เพราะเป็นการแบ่งทหารใน ทบ. ให้ออกเป็นกลุ่ม เป็นพวก

แถมทั้งที่ผ่านมา บูรพาพยัคฆ์ มักถูกมองว่าเป็นทหารกลุ่มที่มาครองอำนาจใน ทบ. มายาวนาน ตั้งแต่ยุค บิ๊กป้อม พล.อ.ประวิตร เป็น ผบ.ทบ. ต่อเนื่องเรื่อยมา ในยุคที่ บิ๊กป๊อก พล.อ.อนุพงษ์ เป็นแม่ทัพภาคที่ 1 แล้วเป็นแกนนำในการรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 จนขึ้นเป็น ผบ.ทบ. ในที่สุด แล้วก็ต่อด้วย พล.อ.ประยุทธ์ ที่เป็น ผบ.ทบ. มายาวนานเกือบ 4 ปี แล้วก็นำการรัฐประหาร ก่อนถึงกำหนดเกษียณราชการแค่ 4 เดือน

พล.อ.ประยุทธ์ จึงไม่ต้องการให้มีการเรียกว่า บูรพาพยัคฆ์ หรือแม้แต่ วงศ์เทวัญ เพราะทำให้เกิดความแตกแยก โดยเฉพาะเมื่อสื่อ เน้นว่า ส่วนใหญ่บูรพาพยัคฆ์จะได้ดิบได้ดี ขณะที่วงศ์เทวัญ ทหารที่เติบโตมาจากกองพลที่ 1 รักษาพระองค์ (พล.1 รอ.) เติบโตช้ากว่า

เขาจึงพยายามที่จะลบคำครหา ด้วยการกระจายอำนาจ การคุมตำแหน่งหลักๆ สำคัญๆ ให้กับทหาร นายทหารสายบูรพาพยัคฆ์ และวงศ์เทวัญ แต่ทว่า สัดส่วนของบูรพาพยัคฆ์ ก็จะมากกว่าอยู่ดี

แต่ทว่า การรัฐประหาร 22 พฤษภาคม 2557 นี้ เป็นจุดที่ทำให้เห็นชัดเจนว่า พล.อ.ประยุทธ์ พยายามที่จะใช้ทั้งบูรพาพยัคฆ์ และวงศ์เทวัญ ในปฏิบัติการครั้งนี้

จนทำให้เกิดทหารสายพันธุ์ใหม่ที่ถูกเรียกว่า "บูรพาเทวัญ" ขึ้นมา ซึ่งหมายถึง นายทหารในสายบูรพาพยัคฆ์ ที่มาเติบโตและคุมอำนาจในหน่วยกำลังหลักของวงศ์เทวัญ

เช่น นายทหารที่เติบโตจาก พล.ร.2 รอ. จะไปเติบโต คุมกำลังทั้งใน พล.1 รอ. และกองพลทหารราบที่ 9 (พล.ร.9) กาญจนบุรี ซึ่งเป็นหน่วยขึ้นตรงของกองทัพภาคที่ 1

แต่ทว่า เป็นเรื่องยากที่ทหารจากส่วนอื่น หรือวงศ์เทวัญ จะไปเป็น ผบ.พล.ร.2 รอ. หรือไปคุมบูรพาพยัคฆ์

ดังนั้น สายพันธุ์ลูกผสม พยัคฆ์เทวัญ จึงมีน้อย

หากมองในสายวงศ์เทวัญแล้ว พล.อ.ประยุทธ์ มี พล.อ.ไพบูลย์ ผช.ผบ.ทบ. เป็นกำลังหลัก เพราะเชื่อกันว่า เขามีส่วนในการร่วมวางแผนการรัฐประหารครั้งนี้ด้วย เพราะ พล.อ.ไพบูลย์ นั้นถือว่าเป็นคนวงใน ที่ทำงานลับๆ ให้ พล.อ.ประยุทธ์ มาตลอด

จึงไม่แปลกที่คราวนี้ จะได้เป็นหัวหน้าฝ่ายกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม คุมหัวใจสำคัญ และเป็นคนที่ไปเจรจากับแกนนำกลุ่มต่างๆ ให้ยอมรับเงื่อนไขต่างๆ ของ คสช. ในระหว่างที่ถูกควบคุมตัวในค่ายทหารด้วย

ท่ามกลางการถูกจับตามองว่า พล.อ.ไพบูลย์ อาจมาแรงแซงโค้ง เป็น ผบ.ทบ. คนต่อจาก พล.อ.ประยุทธ์ ในเดือนกันยายนนี้ด้วย

ส่วน ขุนพลวงศ์เทวัญ ข้างกาย พล.อ.ประยุทธ์ อีกคน ก็คือ บิ๊กโชย พล.ท.กัมปนาท รุดดิษฐ์ ผช.เสธ.ทบ.ฝ่ายยุทธการ ที่ได้รับหน้าที่เป็น ผอ.ศูนย์ปรองดองสมานฉันท์เพื่อการปฏิรูป (ศปป.) ที่ถือเป็นความหวังในการแก้ปัญหา ในขั้นแรก เพื่อนำไปสู่การปฏิรูป

งานนี้ พล.อ.ประยุทธ์ เลือก พล.ท.กัมปนาท ที่ดูเป็นนายทหารนักรบ สายบู๊ มาทำงานปรองดอง เพราะต้องอาศัยบารมีและความน่าเกรงขามในตัว ให้ผู้คน รวมทั้งส่วนราชการต่างๆ ยำเกรง เนื่องจากมี บิ๊กเต่า พล.อ.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ รักษาการปลัดกลาโหม เป็นประธานคณะทำงานเตรียมการเพื่อการปฏิรูป ขุนพลสายบุ๋น ที่ทำงานด้านกิจการพลเรือนมาตลอด ที่จะทำงานควบคู่กัน

เพราะอย่างน้อย บรรดาแกนนำกลุ่มต่างๆ โดยเฉพาะคนเสื้อแดง ก็รับปากกับ พล.ท.กัมปนาท ว่าจะร่วมกระบวนการปรองดองของ คสช. แล้วทั้งหมด

พล.ท.กัมปนาท นั้นถูกมองว่า จะขึ้นเป็นแม่ทัพภาคที่ 1 คนต่อไป แต่น่าเสียดายที่เขาเสียจังหวะก้าวช้าไปนิด เพราะแม้จะเป็น ตท.16 แต่ก็เกษียณปี 2559 นี่แล้ว จะขึ้นชิงเก้าอี้ ผบ.ทบ. ในอนาคต ไม่ทัน เพราะ ตท.15 ขึ้นมาจ่อแล้ว

ส่วนวงศ์เทวัญ อีกคนคือ บิ๊กแดง พล.ต.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.พล.1 รอ. น้องรักของ พล.อ.ประยุทธ์ ที่ก่อนหน้านี้ รับหน้าที่ ผบ.กองกำลังทหาร ในการดูแลความสงบ แต่มาตอนนี้ เขารับหน้าที่ในการดูแลแกนนำกลุ่มต่างๆ คนสำคัญๆ ที่ถูกควบคุมตัว และการทำงานลับให้ พล.อ.ประยุทธ์

แต่แน่นอนว่า รอบกาย พล.อ.ประยุทธ์ จะมีบูรพาพยัคฆ์ มากกว่า เช่น พล.อ.อุดมเดช ที่แม้จะไม่ได้ถูกเรียกว่าเป็นบูรพาพยัคฆ์ แต่เป็นทหารเสือราชินี แต่เขาก็เคยเป็น ผบ.ร.21 รอ. ซึ่งถือเป็นหน่วยขึ้นตรงของ พล.ร.2 รอ. หน่วยแม่ บูรพาพยัคฆ์

คนสำคัญคือ บิ๊กหมู พล.ท.ธีรชัย นาควานิช แม่ทัพภาคที่ 1 ที่ทำหน้าที่ ผบ.กองกำลังรักษาความสงบ ที่คุมกำลังทหารทั้งกองทัพภาคที่ 1 ภาคที่ 2 ภาคที่ 3 ภาคที่ 4 และหน่วยสงครามพิเศษ ทั้งหมด ซึ่งหากเปรียบเทียบแล้ว ก็เสมือนเป็นกองทัพส่วนตัวของหัวหน้า คสช. นั่นเอง

พล.ท.ธีรชัย นั้น เป็นน้องรักอีกคนของ พล.อ.ประวิตร ที่เติบโตและทำงานกับ พล.อ.ประวิตร มายาวนาน เป็นนายทหารสายบู๊ ที่เอาจริงเอาจัง และถูกมองว่ามีโอกาสที่จะชิงเก้าอี้ ผบ.ทบ. ในอนาคต เพราะเขาเป็น ตท.14 แต่มีอายุราชการถึงปี 2559 เพราะโยกย้ายกันยายนนี้ เขาต้องขยับขึ้นห้าเสือ ทบ. และจ่อชิง ผบ.ทบ. ในปีหน้า

โดยมีทีมบูรพาพยัคฆ์ พล.ร.2 รอ. เป็นทีมงาน ทั้ง บิ๊กเข้ พล.ต.เทพพงศ์ ทิพยจันทร์ รองแม่ทัพภาคที่ 1 น้องรักอีกคนของ พล.อ.ประยุทธ์ และ บิ๊กตู่ พล.ต.กู้เกียรติ ศรีนาคา ผบ.พล.ร.2 รอ. และ บิ๊กหนุ่ย พ.อ.ธรรมนูญ วิถี รอง ผบ.พล.ร.2 รอ. ที่ล้วนเป็นมือเป็นไม้ ทำงานสำคัญๆ ใหญ่ๆ ให้ พล.อ.ประยุทธ์ ทั้งสิ้น

จะเห็นได้ว่า พื้นที่สำคัญๆ เรื่องสำคัญๆ พล.อ.ประยุทธ์ ก็จะให้บูรพาพยัคฆ์ พล.ร.2 รอ. ดูแล ทั้งพื้นที่คนเสื้อแดง ย่านนนทบุรี และปทุมธานี โดยเฉพาะพื้นที่อิทธิพลของ โกตี๋ พุฒิพงษ์ กชธรรมคุณ และเรื่องอาวุธสงคราม

นี่อาจเป็นการคืนความชอบธรรมให้ทหารบ้านนอก โดยเฉพาะ พล.ร.2 รอ. ที่เมื่อครั้งที่วงศ์เทวัญ คือทหารที่เติบโตจาก พล.1 รอ. ได้ดี ได้เป็นใหญ่ ได้คุมอำนาจมาตลอดหลายสิบปีในอดีต ด้วยก็เป็นได้ เพราะ พล.อ.ประยุทธ์ เคยบอกว่า

"เมื่อก่อนทหารกรุงเทพฯ ได้ตำแหน่งกัน ก็ไม่เห็นมีใครจะว่าอะไร พอมาตอนนี้ ทหารต่างจังหวัดมาขึ้น ก็มาเรียกบูรพาพยัคฆ์ อะไร ไม่มี ทบ. ไม่มีพวกนั้นพวกนี้ แต่เป็นพวกเดียวกันหมด" บิ๊กตู่ กล่าว

จึงไม่แปลกที่ตอนนี้ กระแสที่ว่า ผบ.ทบ. คนต่อไป จะเป็นวงศ์เทวัญ ก็หนาหู ซึ่งหมายถึง พล.อ.ไพบูลย์ นั่นเอง เพื่อเป็นการกระจายอำนาจไปทุกกลุ่ม เพราะตั้งแต่ยุค พล.อ.อนุพงษ์ เป็น ผบ.ทบ. มา 2 ปี จนมา พล.อ.ประยุทธ์ อีก 4 ปี ก็ล้วนเป็นบูรพาพยัคฆ์ ทั้งสิ้น

นี่จึงเป็นเทคนิคในการจัดวางอำนาจ ในสูตรเฉพาะตัวของ พล.อ.ประยุทธ์ เพื่อที่จะรองรับการตัดสินใจของเขาเอง บนเก้าอี้ นายกรัฐมนตรี นี้ด้วยนั่นเอง

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!