WORLD7

BANPU2024

smed PIONEER 720x100

1 หอการค้าไทย จีน

ไทย-จีน ดัชนี ความเชื่อมั่น ไตรมาส 2/2566 มั่นใจว่าเศรษฐกิจไทยจะฟื้นตัว นักท่องเที่ยวจีน 7-8 ล้านคน จะมาเยือนไทยในปีนี้

หอการค้าไทย-จีน ผลการสำรวจดัชนีความเชื่อมั่น ไตรมาส 2/2566 มั่นใจว่าเศรษฐกิจไทยจะฟื้นตัว นักท่องเที่ยวจีน 7-8 ล้านคน จะมาเยือนไทยในปีนี้ จำเป็นต้องเร่งปรับปรุงให้บริการการเข้าเมืองและอำนวยความสะดวกที่สนามบิน เพิ่มจำนวนเที่ยวบินระหว่างไทย-จีน

นายณรงค์ศักดิ์ พุทธพรมงคล ประธานกรรมการ หอการค้าไทย-จีน เปิดเผยว่า หอการค้าไทย-จีน และคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้ทำการสำรวจดัชนีความเชื่อมั่น จาก คณะกรรมการกิตติมศักดิ์ คณะกรรมการบริหาร และสมาชิกหอการค้าไทยจีน

และประธาน ผู้บริหาร และกรรมการสมาพันธ์หอการค้าไทยจีน และกลุ่มนักธุรกิจรุ่นใหม่หอการค้าไทยจีน จำนวนประมาณ 300 คน  ระหว่างวันที่ 16 – 20 กุมภาพันธ์ 2566  เพื่อคาดการณ์ทิศทางเศรษฐกิจในไตรมาส 2 ของปี 2566 ได้ดังนี้

การสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นหอการค้าไทยจีนครั้งนี้ เป็นครั้งแรกสำหรับปี พ.ศ. 2566 ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมารัฐบาลจีนได้มีการปรับเปลี่ยนนโยบายหลายประการ หลังจากที่สถานการณ์การระบาดของโรคโควิด 19 ได้คลี่คลายลง ให้มีการเปิดประเทศและนักท่องเที่ยวจีนสามารถเดินทางไปยังต่างประเทศ ได้ทั้งแบบรายบุคคลและแบบที่เป็นกลุ่มผ่านบริษัททัวร์ มีประเทศไทยเป็นชาติหนึ่งที่ได้รับโอกาส การกลับมาของนักท่องเที่ยวจีนดังกล่าวย่อมมีผลดีต่อการฟื้นฟูเศรษฐกิจไทยที่พึ่งพารายได้จากการท่องเที่ยว

ก่อนสถานการณ์โรคระบาด โควิด-19 นักท่องเที่ยวจีนมาเยือนประเทศไทยปีละประมาณ 11 ล้านคน การเปิดประเทศของจีนในครั้งนี้ หน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวประมาณการว่า จะมีนักท่องเที่ยวจีนกลับมาเยือนไทย 7 ล้านคน ในปี 2566

แต่การสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นหอการค้าไทยพบว่าผู้ตอบการสำรวจร้อยละ 49.3 และร้อยละ 41.8 คาดว่านักท่องเที่ยวจีนจะมาเยือนไทยระหว่าง 7 – 8 ล้านคน และมากกว่า 8 ล้านคนตามลำดับ ซึ่งจำนวนนักท่องเที่ยวจากจีนน่าจะเกินเป้ากว่าที่ทางการคาดไว้

จากการสำรวจยังพบว่าไทยจะต้องมีการปรับปรุงอย่างเร่งด่วนในหลายด้าน เพื่อรองรับและดึงดูดนักท่องเที่ยวจีน โดยมีประเด็นหลักที่ต้องเร่งแก้ไข 5 ประการ มีความสำคัญตามลำดับดังต่อไปนี้ คือ 2 ประการแรกที่ผู้ตอบการสำรวจให้ความสำคัญสูง ประกอบด้วย การปรับปรุงการให้บริการการเข้าเมืองและอำนวยความสะดวกที่สนามบิน และการเพิ่มจำนวนเที่ยวบินระหว่างไทยและจีน

ส่วนอีก 3 ประการที่ได้รับความสำคัญที่พอๆกันมาเป็นลำดับรอง คือ การจัดทำมาตรการทางด้านความสะอาดและความปลอดภัยในการเดินทางในประเทศ การจัดเตรียมความพร้อมของโรงแรมและระบบการขนส่งให้คล่องตัวมากขึ้น และการจัดให้มีศูนย์ประสานงานเพื่ออำนวยความสะดวกและแก้ปัญหาให้กับนักท่องเที่ยวจีนโดยเฉพาะ เช่น สามารถสื่อสารและให้ข้อมูลเป็นภาษาจีนได้

การสำรวจยังได้ถามถึงโอกาสที่นักธุรกิจจากหอการค้าไทยจีนจะเดินทางไปติดต่อธุรกิจในจีน  พบว่าร้อยละ 23.2 จะเดินทางไปติดต่อธุรกิจภายในเดือนมีนาคม ร้อยละ 30.7 จะเดินทางไปในไตรมาสที่สอง และร้อยละ 11.1 จะเดินทางไปยังครึ่งปีหลังของปีนี้ กล่าวได้ว่าร้อยละ 67 ได้วางแผนที่จะเดินทางไปติดต่อธุรกิจในจีนเป็นที่เรียบร้อยในปีนี้

การสำรวจได้ถามถึงความมั่นใจในเศรษฐกิจไทยที่จะฟื้นก่อนสิ้นปี 2566 เกือบทุกคน (ร้อยละ 91.8) มีความมั่นใจในการฟื้นตัวในปีนี้ โดยพบว่าร้อยละ 34.6 มีความมั่นใจมาก ร้อยละ 8.6 มีความมั่นใจมากที่สุด ขณะที่ร้อยละ 48.6 มีความมั่นใจมากพอควร

จึงมีคำถามต่อเนื่องถึงแผนการลงทุนและจ้างงานในปี 2566 พบว่าร้อยละ 30 จะมีการลงทุนใหม่และมีการจ้างงานเพิ่มขึ้น ร้อยละ 39.3 จะมีการลงทุนใหม่แต่ยังไม่เพิ่มจำนวนการจ้างงาน และอีกร้อยละ 28.6 ยังประกอบกิจการเช่นเดิมและมีการจ้างงานจำนวนเดิม

อย่างไรก็ตาม การสำรวจได้สอบถามถึงปัจจัยเสี่ยงในการทำธุรกิจในปี 2566 พบว่าปัจจัยเสี่ยงที่มาจากในประเทศคือ อัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องและมีผลต่อค่าครองชีพ หนี้สินของครัวเรือนและหนี้เสียของสถาบันการเงินมีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น และการขาดแคลนแรงงานและอัตราค่าจ้างแรงงานมีแนวโน้มที่เพิ่มขึ้น ส่วนปัจจัยเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับต่างประเทศคือ ความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน และการชะลอตัวของการส่งออกเนื่องจากสภาวะเศรษฐกิจโลกที่ถดถอย

นักธุรกิจหอการค้าไทยจีนมัความเห็นว่า ในปี 2566 รัฐบาลควรมีมาตรการทางเศรษฐกิจเพิ่มเติม เพื่อที่จะฟื้นฟูและกระตุ้นเศรษฐกิจไทย จากการสำรวจพบว่ามี 4 มาตรการ เรียงตามลำดับดังนี้ (1) มาตรการแก้ไขการขาดแคลนแรงงาน และการดึงคนไทยให้กลับเข้ามาสู่ตลาดแรงงาน (2) มาตรการสนับสนุนการสร้างธุรกิจใหม่ที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยี (3) มาตรการที่ควบคุมราคาสินค้าและบริการ เพื่อดูแลค่าครองชีพและรวมถึงการเพิ่มสวัสดิการที่ภาครัฐจัดให้ประชาชน และ (4) มาตรการใหม่ๆเพื่อส่งเสริมการลงทุนจากต่างประเทศ

 

การสำรวจความเชื่อมั่นในระยะสั้นของไตรมาสหน้า

ผลการสำรวจ การคาดการณ์ในไตรมาสที่สองโดยเปรียบเทียบกับไตรมาสแรกของปีนี้ ร้อยละ 60.4 สมาชิกหอการค้าไทยจีนและสมาพันธ์หอการค้าไทยจีนลงความเห็นว่าเศรษฐกิจการค้าและการลงทุนโดยรวมของจีนดีขึ้น และร้อยละ 62.1 มีความเห็นว่าการส่งออกของไทยไปยังจีนจะเพิ่มขึ้น และร้อยละ 63.6 คาดว่าจะมีการลงทุนจากจีนในประเทศไทยเพิ่มสูงขึ้น

ซึ่งสอดคล้องกับการคาดการณ์เศรษฐกิจจีนที่เริ่มกลับมาดี ขณะเดียวกันร้อยละ 65 คาดว่าไทยจะนำสินค้าจากจีนเพิ่มมากขึ้นเช่นเดียวกัน กล่าวได้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับจีนนั้นยังมีความแนบแน่นอย่างใกล้ชิด

ในการสำรวจความเชื่อมั่นของเศรษฐกิจไทยในไตรมาสที่สองเมื่อเทียบกับไตรมาสที่หนึ่งของปีนี้พบว่าร้อยละ 60 ของผู้ตอบการสำรวจ มีความมั่นใจว่าเศรษฐกิจไทยจะดีขึ้น และร้อยละ 29.3 คิดว่าเศรษฐกิจไทยยังทรงๆเช่นเดิม จากแนวโน้มเศรษฐกิจดังกล่าวร้อยละ 49.3 คาดว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์จะปรับตัวดีขึ้น

ในขณะที่ร้อยละ 35.7 คิดว่า ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ยังไม่เปลี่ยนแปลงไปจากไตรมาสแรกปีนี้ เมื่อได้สอบถามเรื่องความคิดเห็นกับอัตราแลกเปลี่ยนนั้นพบว่าผู้ตอบการสำรวจลงความเห็นที่แตกต่างกัน จึงไม่สามารถสรุปผลได้ว่าการคาดคะเนอัตราแลกเปลี่ยนจะเปลี่ยนไปในทิศทางใด 

  

Click Donate Support Web  

kasat 720x100

QIC 720x100

วิริยะ 720x100

AXA 720 x100

aia 720 x100

BKI 720 x 100

PTG 720x100ais 720x100 

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!