- Details
- Category: CHINA
- Published: Monday, 11 March 2024 07:55
- Hits: 9710
จับสัญญาณเศรษฐกิจจีนปี 2024
จากระยะเวลาที่ผ่านมา 2-3 ปี เราจะสามารถมองเห็นได้ว่า เศรษฐกิจในภาพรวมทั่วโลกมีการชะลอตัว และยังมีแนวโน้มที่จะขยายตัวชะลอลงจาก 2.7% เหลือ 2.5% ในปี 2566 เกิดจากผลของการเพิ่มอัตราดอกเบี้ยโดยประเทศพัฒนา ซึ่งได้มาถึงระดับสูงสุดในเกือบสองทศวรรษ
นอกจากนี้ ตลาดแรงงานที่เริ่มอ่อนแรง และการลดลงของเงินออมเกินจากช่วงโควิดเริ่มเกิดขึ้นในหลายประเทศด้วย ส่งผลไปยังเศรษฐกิจจีนที่มีการเติบโตแบบชะลอตัวลง จากปัจจัยเศรษกิจระยะสั้นและปัจจัยเชิงโครงสร้างหลายด้าน
นอกจากนี้ ปัจจัยเศรษฐกิจโลก ก็มีผลในด้านความเสี่ยงของการขยายตัวในประเทศจีนเช่นเดียวกัน เช่น นโยบายการเงินของกลุ่มประเทศเศรษฐกิจหลักอาจตึงตัวนานกว่าที่มีการคาดหมายไว้ 2. สงครามอิสราเอลและฮามาสขยายวงและยาวมากขึ้น
3. ปัญหาห่วงโซ่อุปทานโลก ที่เปิดขึ้นมาอย่างยาวนานแล้ว 4. ผลการเลือกตั้งในหลายประเทศที่มีความสำคัญต่อภาคเศรษฐกิจโลก 5. การแบ่งขั้วระหว่างสหรัฐและจีน ที่เห็นได้อย่างชัดเจน อย่างไรก็ตาม รัฐบาลประเทศต่างๆ มีความสามารถในการรับมือต่อสภาพความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้น้อยลงกว่าเดิม จึงมีผลต่อการพัฒนาเศรษฐกิจได้น้อยลง
ประเทศจีนเป็นประเทศที่มีขนาดใหญ่ และมีอัตราการบริโภคที่สูง เนื่องจากประชากรภายในประเทศจีนมีจำนวนมาก และได้รับผลกระทบโดยตรงจากปัจจัยเสี่ยงทั้งหลาย จึงต้องมีความระมัดระวังในการขยายตัวของเศรษฐกิจด้วยเช่นเดียวกัน ในอดีต การเติบโตของเศรษฐกิจจีนได้รับการขับเคลื่อนโดยการลงทุนโดยส่วนใหญ่
โดยเฉพาะในภาคอสังหาริมทรัพย์และโครงสร้างพื้นฐาน ร่วมด้วยกับการที่ประชากรในเขตเมืองที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้จีนไม่สามารถพึ่งพาปัจจัยขับเคลื่อนเศรษฐกิจเดิมได้ต่อไป เพื่อลดความเหลื่อมล้ำจากนโยบายเดิมที่ให้ส่วนเอกชนดำเนินธุรกิจได้อิสระและเพิ่มความมั่นคงของประเทศ รัฐบาลจีนได้เข้ามาควบคุมเศรษฐกิจมากขึ้น
ซึ่งเป็นผลให้มีการปรับปรุงและส่งเสริมอุตสาหกรรมต่างๆ เช่น บริษัทเทคโนโลยี โรงเรียนสอนพิเศษ และบริษัทให้คำปรึกษาต่างชาติในจีน ซึ่งสามารถส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของธุรกิจได้โดยตรง จีนจึงหันไปพึ่งอุตสาหกรรมการผลิตขั้นสูงในอุตสาหกรรม
ดังนั้น เพื่อเป็นการขยายตัวภาคเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศจีน จีนจึงได้มีการจัดเตรียมนโยบายเพื่อรองรับต่อเศรษฐกิจที่จะเกิดขึ้นในรอบปีนี้และอนาคตของจีน แต่การจะเปลี่ยนแปลงนโยบายต่างๆในประเทศจีนขึ้นอยู่กับผลที่ได้จากสองสภาคือ 1. สภาผู้แทนประชาชนแห่งชาติจีน และ 2. สภาปรึกษาการเมืองแห่งประเทศจีน
โดยการประชุมของสองสภาดังกล่าวมักจะจัดในเวลาเดียวกัน และมีความสำคัญต่อการบริหารประเทศ จึงได้รับความสนใจอย่างยิ่ง ไม่ว่ารัฐบาลกลาง หรือระดับมณฑล หรือลงไประดับบริหารอื่นๆ ในท้องถิ่น ดังนั้น 'การประชุมสองสภา' นี้ จึงใช้เรียกทั่วประเทศจีนทั้งระดับชาติ และระดับมณฑล(รวมนครที่ขึ้นตรงกับรัฐ และเขตปกครองตนเอง) ในปี 2567 นี้
การประชุมครั้งแรกของสภาผู้แทนประชาชนแห่งชาติจีนชุดที่ 14 จะถูกจัดขึ้นในวันที่ 5 มีนาคมนี้ ในขณะที่การประชุมสภาปรึกษาการเมืองแห่งชาติจีนจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 4 มีนาคมที่กรุงปักกิ่ง จะเห็นได้ว่า สภาผู้แทนประชาชนแห่งชาติของจีนมีอำนาจและหน้าที่สำคัญในการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ
ตรวจตราการปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญ กำหนด และแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายอาญา กฎหมายแพ่ง กฎหมายขององค์กรของรัฐและกฎหมายขั้นพื้นฐานอื่นๆ เป็นองค์การที่มีอำนาจสูงสุดในประเทศจีน จะตัดสินใจเรื่องบ้านเมืองสำคัญต่างๆ ของประเทศชาติ
โดยมีสภาปรึกษาการเมืองแห่งชาติจีนเป็นฝ่ายสนับสนุน ซึ่งสภาที่ปรึกษาการเมืองแห่งชาติจีนทำหน้าที่เป็นองค์การแนวร่วมรักชาติแห่งประชาชนจีน เป็นองค์กรสำคัญด้านความร่วมมือหลาย พรรคและให้คำปรึกษาทางการเมืองภายใต้การนำของพรรคคอมมิวนิสต์จีน เป็นรูปแบบสำคัญอย่างหนึ่งในการเชิดชูประชาธิปไตยแห่งสังคมนิยมทางการเมืองของจีน
ก่อนดำเนินการพิจารณาลงมติในเรื่องต่างๆ จะต้องมีการปรึกษาหารือด้านหลักนโยบายทางการเมืองที่สำคัญของรัฐและส่วนท้องถิ่น ซึ่งรวมถึงด้านการเมือง เศรษฐกิจ วัฒนธรรม และปัญหาสำคัญในชีวิตประจำวัน และต่อมาจะมีการปรึกษาหารือเกี่ยวกับปัญหาสำคัญในกระบวนการปฏิบัติการ
เมื่อตรวจสอบสัญญาณเศรษฐกิจจีนในช่วงเทศกาลตรุษจีนล่าสุดในปี 2567 นี้ จะพบว่ามีความคึกคักและการเติบโตของเศรษฐกิจจีนในปีมังกรนี้เกิดขึ้นในหลายภาค ซึ่งเป็นสัญญาณที่ดีสำหรับการกระตุ้นเศรษฐกิจจีนให้เติบโตอย่างต่อเนื่องในอนาคต
จากการศึกษาของประเทศจีน ยังพบว่าพฤติกรรมการบริโภคในช่วงตรุษจีนที่ผ่านมาได้ระบุว่า สินค้าที่ขายดีคือสินค้าที่มีคุณภาพสูงและราคาแพง เช่น อาหารออร์แกนิก เทคโนโลยีบ้านอัจฉริยะ และแพลตฟอร์มการช้อปปิ้งออนไลน์ Suning.com และ JD.com ส่วนสินค้าที่ขายดีในช่วงเทศกาลตรุษจีนได้รวมถึงทีวีขนาดใหญ่ ของใช้ในบ้าน เช่น น้ำยาล้างจาน และน้ำยาถูพื้น ซึ่งช่วยกระตุ้นการส่งเสริมในช่วงตรุษจีนได้
ในปีที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน จีนมีการใช้มาตรการเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในภาคต่างๆ หลายมาตรการ เช่น มีมาตรการทางการเงินเพื่ออัดฉีดสภาพคล่อง และการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้าชั้นดี (LPR) ประเภท 5 ปี ลง 0.25% นอกจากนั้น กระทรวงอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศของจีน ได้เปิดเผยตัวเลขเกี่ยวกับความสำเร็จในภาคอุตสาหกรรมของประเทศในปีที่ผ่านมา
โดยระบุว่า ภาคอุตสาหกรรมของจีนมีการเติบโตขึ้นอย่างมีนัยสำคัญที่ 4.3% เมื่อเปรียบเทียบกับปีก่อนหน้า ส่วนสัดส่วนของการผลิตต่อจีดีพียังคงมีที่สูงอยู่ และมูลค่าการผลิตในภาคอุตสาหกรรมไฮเทคเติบโตขึ้นอย่างมีนัยสำคัญที่ 2.3%ในด้านการท่องเที่ยว เทศกาลตรุษจีนปีนี้เห็นการเพิ่มขึ้นของยอดการจองที่พักและการใช้จ่ายสำหรับการท่องเที่ยวเมื่อเปรียบเทียบกับปีก่อน
รวมถึงมีการเพิ่มขึ้นของจำนวนชาวจีนที่เข้าร่วมกิจกรรมทางวัฒนธรรมต่างๆ เช่น การอ่านหนังสือและชมภาพยนตร์ ซึ่งช่วยส่งเสริมให้สถานที่ท่องเที่ยวและกิจกรรมต่างๆ เต็มไปด้วยคน ทั้งนี้ Meituan รายงานว่า ในช่วง 4 วันแรกของเทศกาลตรุษจีน จำนวนการจองที่พัก สถานที่ท่องเที่ยวและการเดินทาง มีการเพิ่มขึ้นมากกว่าปีที่แล้ว
นอกจากนี้ รายได้จากการชมภาพยนตร์ในช่วงเทศกาลตรุษจีนยังเพิ่มขึ้นได้เป็นประวัติการณ์บน Meituan ด้วย โดยทางการจีนเชื่อว่า ด้วยมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเหล่านี้ จะช่วยเพิ่มปริมาณการเติบโตของเศรษฐกิจจีนให้ขยายตัวได้ที่ 5% และเติบโตอย่างแข็งแกร่งในอนาคต
ในการประชุมครั้งนี้มีแนวทางที่สำคัญเพื่อสร้างความเชื่อมั่นในการลงทุน จึงได้มีการผลักดันนโยบาย 1. ทำให้ภาคอุตสาหกรรมเติบโตอย่างต่อเนื่อง 2. ส่งเสริมโครงการวิจัยต่างๆ ที่เป็นโครงการสำคัญในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมการผลิต ส่งเสริมการพัฒนานวัตกรรมต่างๆ 3.เพื่อการยกระดับอุตสาหกรรมเดิม 4. ส่งเสริมอุตสาหกรรมที่ได้เปรียบในการค้า และ 5. บ่มเพาะอุตสาหกรรมเกิดใหม่
ผู้เขียน ดร.ภูมิพัฒณ์ พงศ์พฤฒิกุล หัวหน้าหลักสูตรธุรกิจนวัตกรรม วิทยาลัยนานาชาติ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์