WORLD7

BANPU2024

smed PIONEER 720x100

วันที่ 07 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 เวลา 17:53 น. ข่าวสดออนไลน์


'จรัญ'ตุลาการศาลรธน. ไม่กลัวเป็นคู่ขัดแย้งการเมือง ชี้ 'ปู'พ้นรมต.กลาโหมด้วย

* ′จรัญ′ ไม่กังวลเป็นคู่ขัดแย้งการเมืองหลังวินิจฉัย ′ปู′ สิ้นสภาพ 
       วันที่ 7 พ.ค. นายจรัญ ภักดีธนากุล ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ เปิดเผยภายหลังการอ่านคำวินิจฉัย ว่า เมื่อศาลวินิจฉัยให้น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ต้องสิ้นสภาพความเป็นรัฐมนตรีตามรัฐธรรมนูญมาตรา 182 วรรคหนึ่ง (7) นั้น กระบวนการหลังจากนี้ก็เป็นเรื่องฝ่ายที่เกี่ยวข้องไปจัดการเรื่องการให้รองนายกรัฐมนตรีมารักษาการตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต่อ เพราะกระบวนการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญถือว่าได้สิ้นสุดลงแล้ว ส่วนกรณีที่มีข้อสังเกตว่าความเป็นรัฐมนตรีของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ในฐานะรมว.กลาโหม ต้องสิ้นสุดลงด้วยหรือไม่นั้น ก็เป็นประเด็นที่ฝ่ายที่เกี่ยวข้องต้องไปพิจารณา เพราะศาลรัฐธรรมนูญได้พิจารณาข้อเท็จจริงตามกฎหมายที่ปรากฎอยู่ในคำร้อง
      เมื่อถามว่ากังวลหรือไม่ภายหลังจากมีคำวินินิจฉัยแล้วศาลจะเป็นคู่กรณีทางการเมือง นายจรัญ กล่าวว่า ในเมื่อปฏิบัติหน้าที่ในฐานะข้าราชการ จะมีความเกรงกลัวไม่ได้ เพราะเราได้ปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย เมื่อตอนเรารับเงินเดือนยังไม่มีความกลัว แล้วตอนปฏิบัติหน้าที่จะกลัวได้อย่างไร อย่างไรก็ตาม เราก็ไม่ได้แสดงความอหังการ หรือการไปพูดตอบโต้คนที่ไม่เห็นด้วย มันไม่ใช่หน้าที่
 
 
* ศาลรธน.ยัน ′ปู′ พ้นนายกต้องพ้นรมว.กลาโหมด้วย - รมต.ถูกวินิจฉัยสิ้นสภาพไม่ถูกเพิกถอนสิทธิ์
       รายงานข่าวจากศาลรัฐธรรมนูญระบุว่า สำหรับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่ให้ความเป็นรัฐมนตรีของนายกรัฐมนตรีต้องสิ้นสุดลงเฉพาะตัว จะมีผลให้นสยิ่งลักษณ์ ต้องพ้นจากตำแหน่ง รมว.กลาโหม หรือไม่นั้น เห็นว่าความผิดในเรื่องการโยกย้ายนายถวิล เป็นความผิดของบุคคลซึ่งรัฐธรรมนูญกำหนดให้เป็นเหตุให้ต้องพ้นจากความเป็นรัฐมนตรี ดังนั้น ไม่ว่าบุคคลนั้นจะไปดำรงตำแหน่งใดในคณะรัฐมนตรีก็ต้องพ้นจากตำแหน่งนั้นไปด้วย เช่น บุคคลนั้นขณะดำรงตำแหน่งเป็นผู้จัดการแล้วไปทำร้ายผู้อื่น แต่ต่อมาบุคคลดังกล่าวได้เปลี่ยนหน้าที่เป็นเจ้าของบริษัท ความผิดในการทำร้ายผู้อื่นก็ยังคงอยู่ ต้องได้รับการลงโทษ เช่นเดียวกับรัฐมนตรีที่ได้ร่วมลงมติเห็นชอบกับการย้ายนายถวิล แม้ในปัจจุบันจะได้เปลี่ยนไปดำรงตำแหน่งเป็นเจ้ากระทรวงอื่น แต่เมื่อศาลชี้ว่าเป็นความผิดก็ต้องพ้นจากตำแหน่งความเป็นรัฐมนตรีในปัจจุบัน
       รายงานข่าวเผยอีกว่า ความผิดดังกล่าวรัฐธรรมนูญไม่ได้กำหนดให้ผู้ที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้พ้นจากความเป็นรัฐมนตรี ต้องเว้นวรรคทางการเมือง ดังนั้นเมื่อศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยแล้ว ก็สามารถได้รับแต่งตั้งให้เข้าดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีใหม่ได้ทันที เพียงแต่การจะแต่งตั้งรัฐมนตรี เป็นอำนาจเฉพาะของนายกรัฐนตรี ซึ่งขณะนี้ความเป็นนายกรัฐมนตรีของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้สิ้นสุดลงไปแล้ว แม้จะมีรักษาการนายกรัฐมนตรี ก็ไม่อาจที่จะแต่งตั้งรัฐมนตรีได้ เพราะถือว่าการแต่งตั้งรัฐมนตรีเป็นอำนาจเฉพาะตัวของนายกเท่านั้น ขณะที่น.ส.ยิ่งลักษณ์ เมื่อพ้นจากความเป็นนายกรัฐมนตรีแล้ว หากตอนนี้มีสภาผู้แทนราษฎร เหมือนสมัยที่นายสมัคร สุนทรเวช พ้นจากตำแหน่งนายก ก็จะมีการสรรหานายกในสภาใหม่ได้ แต่เมื่อตอนนี้ไม่มีสภา การดำเนินการดังกล่าวจึงไม่สามารถทำได้ หน้าที่ของนายกจึงต้องเป็นเรื่องของรักษาการนายกรัฐมนตรีที่ต้องเป็นผู้ปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งเห็นว่า ในเรื่องของการทูลเกล้าหรือรับสนองพระบรมราชโองการกรณีแต่งตั้งประธานวุฒิสภาหรือร่างพ.ร.ฎ.แก้ไขเพิ่มเติมกำหนดวันเลือกตั้ง ที่รักษาการนายกสามารถทำได้
วันที่ 07 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 เวลา 15:44 น.  ข่าวสดออนไลน์ 


พท.แถลงชี้ศาลตัดสินนอกเหนือรธน. มีขบวนการสมคบคิดจ้องทำรัฐประหารด้วยองค์กรอิสระ

      เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 7 พ.ค. ที่พรรคเพื่อไทย แกนนำพรรคเพื่อไทยและกรรมการกิจการพรรคเพื่อไทย อาทิ นายภูมิธรรม เวชยชัย เลขาธิการพรรคเพื่อไทย นายโภคิน พลกุล นายชวลิต วิชยสุทธิ์ พ.อ.อภิวันท์ วิริยะชัย นายสามารถ แก้วมีชัย เป็นต้น ได้ทยอยเดินทางเข้ามายังที่ทำการพรรคเพื่อไทย เพื่อร่วมติดตามการอ่านคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญกรณีการแต่งตั้งโยกย้ายนายถวิล เปลี่ยนศรี เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.)
 
      จากนั้นเวลา 15.00 น. แกนนำพรรคเพื่อไทย อาทิ นายภูมิธรรม นายโภคิน นายชูศักดิ์ ศิรินิล ฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทย นายคณิน บุญสุวรรณ นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา พ.อ.อภิวันท์ นายสามารถ นายชวลิต นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย เป็นต้น ร่วมออกแถลงการณ์ภายหลังศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้นายกฯ และ ครม.บางส่วนพ้นจากตำแหน่ง โดยนายโภคิน อ่านแถลงการณ์ว่า 1.พรรคเพื่อไทยได้มีแถลงการณ์ถึงพี่น้องประชาชนและทุกองค์กรที่เกี่ยวข้องอย่างต่อเนื่องว่า ประเทศจะเดินหน้าไปตามระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขได้ และจะแก้ปัญหาความขัดแย้งที่เป็นอยู่ไม่ให้บานปลายจนเกิดกลียุคได้ ก็ด้วยการเลือกตั้งและการตั้งอยู่บนความเที่ยงธรรม ปราศจากอคติของทุกฝ่าย และทุกองค์กรตามรัฐธรรมนูญ 2.พรรคเพื่อไทยได้ย้ำและชี้ให้เห็นมาโดยตลอดว่า มีขบวนการสมคบคิดกันเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยฯ ล้มล้างการเลือกตั้ง มุ่งทำลายล้างฝ่ายประชาธิปไตยมาอย่างต่อเนื่องเช่นกัน โดยความร่วมมือของพรรคการเมืองบางพรรค กปปส.และองค์กรตามรัฐธรรมนูญบางองค์กร ด้วยการไม่ยอมรับการเลือกตั้ง การเสนอให้มีนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีที่มิได้มาจากการเลือกตั้ง การกลั่นแกล้งรัฐบาลที่ยึดหลักประชาธิปไตยตั้งแต่พรรคไทยรักไทย พรรคพลังประชาชน จนมาถึงพรรคเพื่อไทย  ด้วยการยุบพรรคและตัดสิทธิการเมืองกรรมการบริหารพรรคทุกคนเป็นเวลา 5 ปี จนถึงการใช้ทุกกระบวนการเพื่อทำลายนายกรัฐมนตรีตั้งแต่นายสมัคร สุนทรเวช นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์จนถึงนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร โดยไม่สุจริต
 
       นายโภคิน กล่าวว่า 3.พรรคเพื่อไทยขอเรียนพี่น้องประชาชนว่า พรรคอาสาเข้ามารับใช้ประชาชนด้วยจิตสำนึกที่เคารพในอำนาจของประชาชน  ด้วยการนำเสนอนโยบายต่างๆ ที่จะทำให้ประชาชนมีความผาสุก มุ่งมั่นทำงานทุกอย่างให้เป็นไปตามนโยบาย แม้จะถูกขัดขวางและใส่ร้ายป้ายสีมาโดยตลอดโดยขบวนการสมคบคิดดังกล่าว พรรคเชื่อมั่นในวิจารณญาณของพี่น้องประชาชนที่ต้องการเห็นประเทศก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นคงและยั่งยืนบนพื้นฐานของระบอบประชาธิปไตยความเที่ยงธรรมและความเมตตาปรารถนาดีต่อกัน 4.พรรคเพื่อไทยขอเรียนว่าตราบใดที่ขบวนการสมคบคิดยังดำเนินต่อไป จะมีการละเมิดหลักการประชาธิปไตยและบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญอย่างไม่จบสิ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากองค์กรตามรัฐธรรมนูญ ถือเป็นการรัฐประหารในรูปแบบใหม่เพื่อสร้างระบอบการปกครองใหม่ที่ทำลายความหวังของพี่น้องประชาชนที่จะเห็นประเทศก้าวหน้าไปบนวิถีทางประชาธิปไตยและหลักนิติธรรมพี่น้องประชาชนจะได้เห็นความพยายามของพรรคประชาธิปัตย์ กปปส.และองค์กรตามรัฐธรรมนูญบางองค์กร ที่จะไม่ให้เกิดการเลือกตั้งในวันที่ 20 ก.ค.นี้ และให้มีนายกฯ และคณะรัฐมนตรีที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง
 
       นายโภคิน กล่าวต่อว่า 5.พรรคเพื่อไทยเห็นว่าการใช้อำนาจหน้าที่ของศาลรัฐธรรมนูญก็ดี ป.ป.ช.ก็ดีที่กระทำต่อรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ล้วนเป็นไปด้วยความเร่งรัด เร่งรีบ ผิดปกติ ไม่ให้โอกาสอ้างอิงพยานและรับฟังคำพยานได้เต็มที่อย่างที่ควรจะเป็น และบ่อยครั้งสอดคล้องกับการแถลงของ กปปส. และฝ่ายที่ต้องการล้มล้างระบอบประชาธิปไตย คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญในวันนี้และที่ผ่านมาได้วางบรรทัดฐานนอกเหนือจากตัวบทกฎหมายและเจตนารมณ์ของบทบัญญัติรัฐธรรมนูญอย่างชัดแจ้งจนทำให้ฝ่ายนิติบัญญัติและฝ่ายบริหารไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ตามที่ได้รับมอบหมายจากประชาชนได้ และคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญในวันนี้ก็ไม่เป็นไปตามมาตรา 181 ที่บัญญัติว่าคณะรัฐมนตรีที่พ้นจากตำแหน่งไม่ว่าด้วยเหตุใดๆ ตามมาตรา 180 ต้องอยู่ในตำแหน่งเพื่อปฏิบัติหน้าที่ต่อไปจนกว่าคณะรัฐมนตรีที่ตั้งขึ้นใหม่จะเข้ารับหน้าที่ นั่นคือถ้ายังมีสภาฯ อยู่ก็ไปเลือกนายกฯ กันใหม่แล้วมีคณะรัฐมนตรี แต่ถ้าไม่มีสภาฯ ก็ต้องไปเลือกตั้งจนได้ประธานสภาฯ ได้นายกฯ และคณะรัฐมนตรีต่อไป 
 
      นายโภคิน กล่าวอีกว่า 6.พรรคเพื่อไทยขอเรียกร้องให้ประชาชนผู้รักประชาธิปไตยและความถูกต้องเที่ยงธรรมทั้งหลาย ร่วมกันต่อต้านขบวนการสมคบคิดดังกล่าวโดยใช้สิทธิและเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญ ไม่ว่าจะเป็นเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น การชุมนุม การร้องเรียน แจ้งความร้องทุกข์ ดำเนินคดีและการต่อต้านโดยสันติวิธีทุกรูปแบบตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 69 เพื่อมิให้การดำเนินการของขบวนการสมคบคิดบรรลุผล 7.พรรคเพื่อไทยขอให้อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกพรรคทุกคน ชี้แจงให้พี่น้องประชาชนเข้าใจสถานการณ์ที่เป็นอยู่ และความมุ่งหมายของขบวนการสมคบคิดที่ต้องการทำลายระบอบประชาธิปไตย และร่วมมือกับพี่น้องประชาชนเพื่อต่อต้านขบวนการดังกล่าวอย่างถึงที่สุด เพื่อรักษาไว้ซึ่งระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และสันติสุขของสังคมต่อไป และ 8.พรรคเพื่อไทยขอย้ำอีกครั้งว่า กกต.และรัฐบาลต้องเร่งรัดให้มีการตราพระราชกฤษฎีกากำหนดวันเลือกตั้งทั่วไปในวันที่ 20 ก.ค.และขอให้ทุกพรรคการเมือง ทุกฝ่ายร่วมมือกับการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นโดยสุจริต  เพื่อเป็นทางออกของความขัดแย้ง  ดังที่ปฏิบัติกันในนานาประเทศและประเทศไทยในอดีตที่ผ่านมา
 
        ผู้สื่อข่าวรายงานว่าภายหลังการอ่านแถลงการณ์ ได้มีกลุ่มผู้สนับสนุนพรรคเพื่อไทยบางส่วน มารอมอบดอกกุหลาบเพื่อเป็นกำลังใจให้กับแกนนำพรรคเพื่อไทยด้วย

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!