WORLD7

BANPU2024

smed PIONEER 720x100

 

 

MTI 720x100

 

6603 CISณพวีร์

ปรับโฟกัสลงทุนหุ้นนอกลุยหุ้นเทคโนโลยีขนาดใหญ่-AI ส่วนทองคำแนะนำทยอยสะสม
          นักลงทุนรุ่นใหม่แนะปรับโฟกัสลุยหุ้นพื้นฐาน ดักทางฟันด์โฟลว์จ่อไหลออก หลังตลาดเพ่งมองกรณี Dot Plot เฟด ส่งสัญญาณขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกสองครั้งในปีนี้ เพื่อดันดอกเบี้ยทั้งปีแตะ 5.5-5.75% คัดหุ้นเทคโนโลยีขนาดใหญ่และหุ้นที่เกี่ยวข้องกับ AI น่าลงทุน เพราะมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่องและมีสตอรี่หนุนหลัง ส่วนทองคำยังมองที่ระดับราคา 1900 ดอลลาร์ สามารถทะยอยสะสมได้

          นายณพวีร์ พุกกะมาน นักลงทุนและผู้ก่อตั้ง Creative Investment Space (CIS) สถาบันให้ความรู้ด้านนวัตกรรมการลงทุนรูปแบบใหม่ เปิดเผยว่า ภายหลังการประชุมธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา หรือ FED (เฟด) ครั้งล่าสุด (คืน 14 มิ.ย. 66) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับ 5-5.25% ถือเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่มีการปรับขึ้นดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่องในปี 2022 จะส่งผลบวกต่อตลาดในภาพรวม แต่สิ่งที่ต้องจับตามองคือกรณีผล Dot Plot หรือ แนวทางการใช้นโยบายการเงินในช่วงที่เหลือของปีนี้ ที่คณะกรรมการเฟดตั้งใจจะทำให้ดอกเบี้ยอยู่ในระดับ 5.5-5.75% หมายความว่ามีความเป็นไปได้ที่จะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกสองครั้ง ซึ่งสร้างความประหลาดใจให้กับตลาดอย่างยิ่ง เพราะไม่คิดว่าเฟดจะกลับมาปรับขึ้นดอกเบี้ยอีก หลังจากตัวเลขเงินเฟ้อเดือนพฤษภาคมออกมาที่ระดับ 4.0% ต่ำกว่าที่คาดไว้

          “แม้ว่าจะเป็นเพียงคาดการณ์ตัวเลขดอกเบี้ยจากคณะกรรมการเฟด ซึ่งต้องดูทิศทางเงินเฟ้อหลังจากนี้ประกอบการตัดสินใจ จึงยังเป็นไปได้ว่าเฟดอาจจะไม่ได้ขึ้นดอกเบี้ยตาม Dot Plot หากเงินเฟ้อยังคงปรับตัวลง อย่างไรก็ตาม แนวทางการลงทุนหลังจากนี้อาจต้องโฟกัสไปที่พื้นฐานของหุ้นมากกว่าการเก็งแนวโน้มของฟันด์โฟลว์”

          สำหรับทิศทางการลงทุนหลังจากนี้สินทรัพย์ที่น่าสนใจยังคงเป็นหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีขนาดใหญ่ทั้ง 7 ตัว คือ Apple, Microsoft, Alphabet, Meta, Amazon, Nvidia และ Tesla ซึ่งเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญของดัชนี NASDAQ และ S&P500 ในปีนี้ โดยหุ้นทั้ง 7 ตัวนี้ มีน้ำหนักกว่า 27% ในดัชนี S&P500 

          “ที่น่าสนใจ คือ ตอนนี้ดัชนี S&P500 กลับเข้ามาสู่ตลาดกระทิงอีกครั้ง หรือ ฟื้นตัวสู่ขาขึ้น โดยสถิติระบุว่าดัชนี S&P500 เคยอยู่ในตลาดหมีนานที่สุดในประวัติศาสตร์ คือ 484 วัน ซึ่งเกิดขึ้นในช่วงปี 1948 ส่วนตลาดขาลงรอบนี้ใช้เวลา 164 วัน จากจุดต่ำสุดจนหลุดพ้นจากขาลง ซึ่งใช้เวลานานที่สุดนับตั้งแต่ปี 1958 ที่ใช้เวลา 191 วัน นอกจากนี้ดัชนี S&P500 ยังร่วงลง 25.43% จากจุดสูงสุดลงมาแตะจุดต่ำสุด แต่ตอนนี้ดัชนีฟื้นตัวขึ้นมาจนเกือบแตะจุดสูงสุดที่เคยทำไว้ที่ 4796.56 จุด เมื่อวันที่ 2 มกราคมปี 2022 โดยเหลืออีกเพียงแค่ไม่ถึง 10% จึงยังมองว่ายังพอมีอัพไซด์ที่จะลงทุนได้”

          สาเหตุที่หุ้นเทคโนโลยีขนาดใหญ่ปรับตัวขึ้นได้ตั้งแต่ต้นปีนี้มาจากการเข้าสู่จุดเปลี่ยนทางธุรกิจครั้งสำคัญไม่ว่าจะเป็นกระแสของปัญญาประดิษฐ์ หรือ เอไอ ที่ผลักดันราคาหุ้น Microsoft และ Alphabet รวมไปถึง Nvidia ซึ่งเป็นผู้ผลิต GPU ที่เป็นฮาร์ดแวร์สำคัญของการขับเคลื่อนเอไอ 

          ขณะที่ Apple นอกจากยอดขายไอโฟนที่ยังเติบโตต่อเนื่องแล้ว ยังได้แรงหนุนจากการเปิดตัวแว่น Vision Pro ซึ่งถูกมองว่าจะเข้ามาปฎิวัติวงการเทคโนโลยีเหมือนกับที่เคยเกิดขึ้นกับฮาร์ดแวร์อื่นๆ มาแล้ว ส่วน Meta และ Tesla ก็อยู่ในช่วงของการเทิร์นอะราวนด์หลังจากปีที่แล้วงบการเงินออกมาค่อนข้างแย่

          “นักลงทุนที่ยังไม่ได้ลงทุนเลยอาจจะต้องใช้ความระวัง ถ้ามีเม็ดเงินไหลออกไปลงทุนในกลุ่มอื่น อาจจะมีแรงเทขายหุ้นกลุ่มนี้ออกมา เพราะราคาหุ้นขึ้นมาพอสมควร กลยุทธ์จึงเน้นรอโอกาสราคาย่อตัวลงมาและเข้าทยอยสะสม โดยมองว่าหุ้นกลุ่มนี้มีแนวโน้มเติบโตยังมีต่อเนื่องจนถึงสิ้นปีนี้”

          ส่วนอีกสินทรัพย์ที่น่าสนใจ คือ หุ้นขนาดกลางอื่นๆ ที่มีความเกี่ยวข้องกับเอไอ เนื่องจากตลาดตอนนี้คาดหวังว่าผลประกอบการจากธุรกิจดังกล่าวจะสร้างการเติบโตให้กับรายได้และกำไรของบริษัทฯ หลังจากนี้ ซึ่งนอกจากหุ้นขนาดใหญ่อย่าง Microsoft และ Alphabet รวมถึง Nvidia แล้ว ยังมีหุ้นที่เกี่ยวข้องอีกหลายตัวไม่ว่าจะเป็นกลุ่มผู้ผลิตชิปเซตที่จะหันมาสร้างชิปเซตที่เกี่ยวข้องกับเอไอ หุ้นกลุ่มซอฟต์แวร์ที่จะเพิ่มสัดส่วนรายได้จากการให้บริการข้อมูลที่ใช้กับเอไอ ตลอดจนหุ้นกลุ่มอื่นๆ ที่จะนำเอไอเข้ามาให้บริการกับลูกค้า 

          “แม้จะเริ่มมีกระแสว่าจะเกิดฟองสบู่ของหุ้นที่เกี่ยวกับเอไอเกิดขึ้นหรือไม่ แต่ถ้าดูจากราคาหุ้นและค่า P/E ของหุ้นที่เกี่ยวข้องก็ยังไม่ถือว่าสูงจนน่าตกใจ รวมถึงการนำเอไอเข้ามาใช้งานสามารถสร้างรายได้ให้กับบริษัทฯ ได้ทันทีและค่อนข้างมั่นคง เนื่องจากมี Use Case ในการใช้งานที่รองรับอยู่แล้ว จึงมองว่ายังสามารถมองหาหุ้นขนาดกลางที่เกี่ยวข้องกับเอไอ เพื่อลงทุนได้ในช่วงที่เหลือของปีนี้ เนื่องจากราคาหุ้นถูกขับเคลื่อนด้วยปัจจัยพื้นฐานมากกว่าฟันด์โฟลว์”

          สำหรับสินทรัพย์อื่นอย่าง “ทองคำ” แม้อาจจะถูกกดดันจากแผนการขึ้นดอกเบี้ยของเฟด แต่แนวโน้มระยะยาวในที่สุดอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐฯ จะเข้าสู่ภาวะขาลงอยู่ดี โดยเริ่มตั้งแต่ไตรมาสสี่ของปีนี้ จึงยังมองว่าสามารถทยอยสะสมได้ โดยระยะสั้นมองแนวรับที่ระดับเส้นค่าเฉลี่ย 200 วันแถว อยู่ที่ 1900 ดอลลาร์ ยังสามารถใช้เป็นจุดเข้าซื้อได้ และยังคงเป็นไปได้ที่จะกลับไปแตะระดับ 2000 ดอลลาร์ในปีนี้

 

 

A6609

Click Donate Support Web  

CKPower 720x100

MTL 720x100

kasat 720x100TOA 720x100

วิริยะ 720x100

AXA 720 x100

aia 720 x100

BKI 720 x 100

PTG 720x100ais 720x100

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!