WORLD7

BANPU2024

smed PIONEER 720x100

 

 

MTI 720x100

 

9376 CIS Nopavee

ดักทางการลงทุนช่วงสองเดือนสุดท้ายของปี ‘บิทคอยน์ – ทองคำ - หุ้นกลุ่มรถยนต์ไฟฟ้า’ จ่อขาขึ้น

          ดักทิศทางการลงทุนโค้งสุดท้ายของปีนี้ สินทรัพย์ดิจิทัล “บิทคอยน์ – ทองคำ – หุ้นกลุ่มรถยนต์ไฟฟ้า” มีโอกาสทำกำไร จากแรงหนุนช่วงสองเดือนสุดท้ายของปีนี้ช่วยดันราคา โดยเฉพาะบิทคอยน์ กำลังอยู่ในช่วงเริ่มต้นของแนวโน้มขาขึ้นรอบใหญ่ ส่วนทองคำและหุ้นกลุ่มรถยนต์ไฟฟ้าราคาย่อตัวลงมา มองเป็นโอกาสที่จะเข้าลงทุน

          นายณพวีร์ พุกกะมาน นักลงทุนและผู้ก่อตั้ง Creative Investment Space (CIS) สถาบันให้ความรู้ด้านนวัตกรรมการลงทุนรูปแบบใหม่ เปิดเผยว่า ในช่วงสองเดือนสุดท้ายของปีนี้ สินทรัพย์ดิจิทัล โดยเฉพาะ “บิทคอยน์” กลายเป็นหนึ่งในสินทรัพย์การลงทุนที่น่าสนใจขึ้นมาจากการที่ ก.ล.ต.สหรัฐอเมริกา มีโอกาสสูงที่จะอนุมัติกองทุน ETF ของบิทคอยน์ ซึ่งจะทำให้เม็ดเงินจากนักลงทุนสถาบันไหลเข้ามาในสินทรัพย์ดิจิทัลเป็นจำนวนมาก

          ประกอบกับตลาดคาดการณ์ว่าจะเกิด Bitcoin Halving ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2024 จะเป็นแรงผลักดันราคาบิทคอยน์ โดยอ้างอิงจากสถิติที่ผ่านมา และยังได้แรงหนุนจากนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือ เฟด ที่ใกล้จะผ่านจุดสูงสุดของการขึ้นดอกเบี้ยในปีหน้า

          ทั้งนี้มองระยะสั้น หากราคาบิทคอยน์ ปรับตัวลงมาทดสอบระดับ 31,500 ดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งเคยเป็นแนวต้านสำคัญได้จะถือเป็นจุดซื้อที่น่าสนใจ แต่ยังต้องระวังแนวรับที่ 25,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ หากราคาหลุดจากแนวรับนี้ให้ขายตัดขาดทุนก่อน เพราะแนวโน้มทางเทคนิคจะเป็นขาลง ส่วนแนวต้านที่เป็นเป้าหมายของการฟื้นตัวในรอบนี้จะอยู่ที่ระดับ 42,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ โดยอาจจะเกิด Sell On Fact ถ้าหากมีการอนุมัติ Bitcoin ETF อย่างเป็นทางการ

          “ถ้าหากไม่ต้องการลงทุนในบิทคอยน์โดยตรง ยังสามารถลงทุนในหุ้นเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับสินทรัพย์ดิจิทัลได้เช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น ETF ที่ลงทุนในหุ้นเทคโนโลยีบล็อกเชน หรือ ถ้าเป็นหุ้นรายตัวก็จะเป็น Coinbase ซึ่งเป็น Exchange ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลในสหรัฐฯ หรือ Block บริษัทฟินเทคที่เปิดให้สามารถทำธุรกรรมสินทรัพย์ดิจิทัลได้”

          นอกจากบิทคอยน์แล้ว “ทองคำ” เป็นอีกหนึ่งสินทรัพย์ที่สามารถลงทุนได้จากแนวโน้มของค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ และผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ที่มีโอกาสอ่อนค่าลง ประกอบกับสงครามในอิสราเอลรวมถึงยูเครนยังไม่มีทีท่าว่าจะสงบลง โดยมองการปรับตัวลงของราคาทองคำในช่วงที่ผ่านมาหลังจากขึ้นไปแตะระดับ 2,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ ถือเป็นโอกาสที่จะเข้าไปลงทุนได้ในระยะกลาง โดยแนวรับสำคัญอยู่ที่ระดับ 1,900 ดอลลาร์สหรัฐฯ ถ้าไม่หลุดจากระดับแนวรับนี้ราคายังคงเป็นขาขึ้น โดยมีเป้าหมายแนวต้านที่ระดับสูงกว่า 2,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ ขึ้นไป

          ส่วนตลาดหุ้น มองว่าหุ้นเทคโนโลยีขนาดใหญ่ของสหรัฐฯ ยังสามารถที่จะลงทุนได้ จากผลประกอบการในไตรมาสสามที่ส่วนใหญ่ออกมาดีกว่าคาด และราคาหุ้นส่วนใหญ่ยังคงเป็นขาขึ้น ประกอบกับดัชนี NASDAQ ยังคงมีทิศทางขาขึ้น โดยมองภาพสำหรับการลงทุนเป็นระยะกลาง หุ้นเทคโนโลยีที่เกี่ยวกับรถยนต์ไฟฟ้ามีความน่าสนใจ เนื่องจากราคาหุ้นมีการปรับตัวลงทั้งกลุ่มในช่วงที่ผ่านมา จากความกังวลเรื่องการแข่งขันที่สูงจนทำให้เกิดการตัดราคาขายมีผลต่ออัตรากำไร โดยเฉพาะ TESLA ที่ราคาหุ้นปรับตัวลงจากจุดสูงสุดถึง 25% และหุ้นรถยนต์ไฟฟ้าของจีนที่ปรับตัวลงตามภาวะตลาด

          “แม้ว่าราคาหุ้นในกลุ่มรถยนต์ไฟฟ้าจะลงจากความกังวลของนักลงทุน แต่ภาพรวมผลประกอบการที่ออกมาถือว่าทำได้ดี และแนวโน้มของความต้องการรถยนต์ไฟฟ้ายังเติบโตอย่างต่อเนื่อง จึงมองว่าการปรับตัวลงของหุ้นกลุ่มรถยนต์ไฟฟ้ารอบนี้เป็นโอกาสในการลงทุนระยะกลางขึ้นไป ไม่ว่าจะลงทุนในกองทุนรวม ETF หรือ หุ้นรายตัวที่เกี่ยวข้อง”

          นายณพวีร์ กล่าวปิดท้ายว่า ภาพรวมของตลาดการลงทุนในช่วงสองเดือนสุดท้ายของปีนี้ ยังถือว่าไม่มีปัจจัยลบใหม่เข้ามารบกวนมากนัก เศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังไม่ชัดเจนว่าจะเกิดภาวะถดถอย และยังมีการเติบโตอยู่ ส่วนราคาน้ำมันยังไม่สูงมากพอที่จะทำให้เกิดแรงกดดันเงินเฟ้อ อย่างไรก็ตามทั้งตลาดหุ้นจีน เวียดนามรวมถึงตลาดหุ้นไทย แม้ว่าจะปรับตัวลงมาค่อนข้างมาก แต่ยังไม่เห็นจุดกลับตัวเป็นขาขึ้น รวมถึงเศรษฐกิจยังไม่มีความแน่นอน จึงยังไม่ได้อยู่ในโฟกัสที่จะลงทุนช่วงสั้น แต่ให้จับจังหวะหากราคามีการฟื้นตัวกลับเป็นขาขึ้น ค่อยแบ่งเงินมาลงทุนบางส่วน

 

 

11360

Click Donate Support Web 

Banner GPF720x100 PX

CKPower 720x100

MTL 720x100

kasat 720x100TOA 720x100

kbank 720x100 66

QIC 720x100

วิริยะ 720x100

AXA 720 x100

aia 720 x100

BKI 720 x 100

PTG 720x100

ais 720x100

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!