WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

      PwC ประเทศไทย (ไพร้ซวอเตอร์เฮาส์คูเปอร์ส) หนึ่งในเครือข่ายบริษัทผู้ให้บริการด้านการตรวจสอบบัญชี บริการให้คำปรึกษาด้านภาษี และบริการให้คำปรึกษาทางธุรกิจรายใหญ่ของโลก เผยผลสำรวจล่าสุด 18th Annual Global CEO Survey: A marketplace without boundaries? Responding to disruption ที่ใช้ในการประชุมสมัชชาเศรษฐกิจโลก(World Economic Forum: WEF) ณ กรุงดาวอส ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ ประจำปี2558

       ทั้งนี้ ผลสำรวจได้ถูกจัดทำขึ้นระหว่างเดือนกันยายน ถึง ธันวาคม 2557 โดยได้สำรวจความคิดเห็นของซีอีโอทั่วโลกจำนวน 1,322รายใน77 ประเทศ ในจำนวนนี้แบ่งเป็นซีอีโอจากภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จำนวน 76 รายใน7ประเทศ


ผลจากการสำรวจที่น่าสนใจ ได้แก่

  • ผู้นำธุรกิจอาเซียนถึง 49% เชื่อว่าเศรษฐกิจโลก (Global economy) จะดีขึ้นในช่วง 12 เดือนหน้า เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมาที่45% และสูงกว่าความเชื่อมั่นของซีอีโอโลกโดยเฉลี่ยที่ 37%สาเหตุเพราะซีอีโอในภูมิภาคนี้มองว่า เศรษฐกิจในภูมิภาคตัวเอง และเศรษฐกิจในประเทศหลักจะฟื้นตัว กอปรกับเม็ดเงินลงทุนจากต่างชาติยังไหลเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ขณะที่การขยายตัวของสังคมเมือง และกำลังซื้อของชนชั้นกลางที่เพิ่มขึ้น ยังเป็นปัจจัยสำคัญที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจในภูมิภาค
  • 3 ปัจจัยเสี่ยงที่ซีอีโออาซียนมองว่ามีผลกระทบต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจและการดำเนินนโยบาย (Economic and policy threats) มากที่สุด ได้แก่ ความวุ่นวายทางการเมือง (Geopolitical uncertainty) การจัดเก็บและผลักภาระภาษีที่เพิ่มขึ้น(Increasing tax burden)และการออกกฎระเบียบที่เข้มงวดเกินไป(Over-regulation)
  • ซีอีโออาเซียนถึง 47%  เชื่อว่าในปี 2558 รายได้ของบริษัท(Revenue growth) จะเติบโตขึ้นจากปีที่ผ่านมา และเกินกว่าครึ่ง(54%) ยังเชื่อมั่นว่าจะเติบโตต่อเนื่องไปอีก 3 ปีต่อจากนี้ สูงกว่าซีอีโอโลกที่เชื่อมั่นเพียง39%และ49% ตามลำดับ โดยตลาดสำคัญ 3อันดับแรกที่ซีอีโออาเซียนมองว่าจะช่วยผลักดันให้รายได้ของพวกเขาเติบโต ได้แก่ จีน สหรัฐฯ และอินโดนีเซีย
  • อุปสรรคสำคัญต่อการดำเนินธุรกิจ (Business threats) ในภูมิภาคอาเซียน ได้แก่ ปัญหาการติดสินบนและคอร์รัปชั่น (79%)และการขาดแคลนแรงงานที่มีทักษะ (78%) ยังเป็นคงประเด็นที่บรรดาซีอีโอแสดงความกังวลมากที่สุดในปีนี
  •  ซีอีโออาเซียนเกือบ 60% มองว่า ในอีก 3 ปีข้างหน้าองค์กรของตนจะขยายหรือต่อยอดธุรกิจหลักไปในธุรกิจใหม่เพิ่มขึ้น เพื่อเพิ่มโอกาสในการทำกำไรและกระจายความเสี่ยงให้แก่บริษัท โดยการหาพันธมิตร ธุรกิจร่วมทุน (Joint ventures) และความร่วมมือกันทางการค้าในรูปแบบอื่นๆ จะยังเป็นกลยุทธ์หลักในการดำเนินธุรกิจของซีอีโอภูมิภาคนี้ รองจากแผนการลดต้นทุน
  • ซีอีโออาเซียนกว่าครึ่งระบุว่า ได้มีการนำกลยุทธ์การบริหารความหลากหลายของบุคลากร (Diversity and Inclusiveness) มาเป็นยุทธศาสตร์ในการขับเคลื่อนองค์กรแล้ว และมีแนวโน้มที่จะนำมาใช้เพิ่มขึ้นในอนาคต ซึ่งผู้บริหารส่วนใหญ่เชื่อว่า หากนำกลยุทธ์นี้มาปรับใช้ก็จะช่วยให้ผลการดำเนินงานของบริษัทดีขึ้นในที่สุด
  • ประเทศไทยยังเป็นตลาดที่ธุรกิจชั้นนำทั่วโลกต่างให้ความสนใจเข้ามาลงทุนมากขึ้น โดยไทยติดอันดับ 4 ของตลาดที่น่าลงทุนนอกเหนือไปจากกลุ่มประเทศ BRIC (บราซิล รัสเซีย อินเดีย และจีน) ในปีนี้ ขยับขึ้นจากอันดับ 6 เมื่อปีก่อน ซึ่งมีเวียดนามขึ้นมาแทนที่ ขณะที่อันดับ 1ยังเป็นอินโดนีเซีย รองลงมา ได้แก่ เม็กซิโก โคลัมเบีย ตามลำดับ

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!