WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

Kbank logoKBANK มอง ศก.ไทยยังไม่ฟื้น เหตุส่งออกยังทรุด คาดธปท.คงดบ. 1.5% ตลอดปีนี้ ส่วนเฟดอาจขึ้น ดบ.ก.ย.58 คาดส่งผลบาทอ่อนแตะ 34.25 บาท/ดอลล์

     KBANK มอง ศก.ไทยยังไม่ฟื้น เหตุการบริโภค-ส่งออกยังทรุด คาด ธปท.คงดบ. 1.5% ตลอดปีนี้ มองเฟดอาจขึ้น ดบ.ครั้งแรก ก.ย.58 ส่งผลค่าเงินบาทอ่อนค่าลงได้อีกจากเดิมมองที่ระดับ 34 บาท/ดอลล์ เป็น34.25 บาท/ดอลล์  ส่วนหุ้นไทย เชื่อฟื้นแตะ 1600 จุดช่วงปลายQ3/58 แนะเก็บหุ้นแบงก์ ท่องเที่ยว พลังงาน ไอซีที ขณะที่ผลงานบจ.ไตรมาส2/58 ชี้ ยังชะลอตัว     

     นางสาวปารีณา พ่วงศิริ ผู้ชำนาญการงานวิจัยเศรษฐกิจและตลาดทุน ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KBANK เปิดเผยว่า เศรษฐกิจไทยยังไม่กลับมาฟื้นตัว เนื่องจากการบริโภคภายในประเทศและการส่งออกยังฉุดรั้งเศรษฐกิจไทย จากความเปราะบางของประเทศในกลุ่มอาเซียนและจีน ขณะเดียวกันปัจจัยที่กดดันการส่งออกของไทยเมื่อเทียบกับเพื่อนบ้าน คือ การไม่สามารถผลิตสินค้าไฮเทค และการเปลี่ยนแปลงรสนิยมบริโภค

   "มองว่าการส่งออกของไทยอาจไม่สามารถขยายตัวได้ในปีนี้ เนื่องจากการส่งออกไทยในช่วง 4 เดือนที่ผ่านมาเฉลี่ยเพียง 1.73 หมื่นล้านดอลลาร์เท่านั้น แต่หากการส่งออกจะขยายตัวได้ในปีนี้ จะต้องเฉลี่ยเดือนละ 2.25 หมื่นล้านดอลลาร์"นางสาวปารีณา กล่าว

    ทั้งนี้ ธนาคารฯ มองว่าธนาคารแห่งประเทศไทย หรือ ธปท.จะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 1.5% ตลอดปีนี้ หลังจากลดดอกเบี้ย 2 ครั้งติดต่อกันในช่วงสามเดือนที่ผ่านมา ซึ่งส่งผลให้ค่าเงินบาทอ่อนค่าลงอย่างรวดเร็ว 4.5% เมื่อเทียบกับสกุลเงินของคู่ค้า ขณะที่ธนาคารกลางสหรัฐ หรือ เฟด คาดว่าจะเริ่มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกในเดือนก.ย.นี้

    ด้าน นายกอบสิทธิ์ ศิลปชัย ผู้บริหารงานวิจัยเศรษฐกิจและตลาดทุน ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KBANK เปิดเผยว่า ธนาคารมองค่าเงินบาทมีแนวโน้มอ่อนค่าลงได้อีกจากเดิมที่ก่อนหน้านี้มองไว้ที่ระดับ 34.00 บาทต่อดอลลาร์ มาเป็น 34.25 บาทต่อดอลลาร์โดยปัจจัยที่ต้องจับตา คือ การแก้ไขปัญหาหนี้กรีซว่าจะมีอะไรมาเซอร์ไพรซ์ตลาดหรือไม่ รวมทั้งต้องจับตาการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ หรือ เฟด ที่คาดว่าจะปรับในเดือนก.ย.-ต.ค.นี้ ทั้งนี้ มองว่าการปรับขึ้นดอกเบี้ยของเฟดจะส่งผลให้เงินทุนต่างชาติไหลกลับ โดยเฉพาะในตลาดพันธบัตรที่ปัจจุบันต่างชาติถืออยู่ 18% ประกอบกับมาตรการผ่อนคลายเงินทุนเคลื่อนย้ายจากธนาคารแห่งประเทศไทยหรือ ธปท.ด้วย

   "ที่ผ่านมายอมรับว่าค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลงนั้น มีส่วนช่วยในการกระตุ้นเศรษฐกิจ และช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันด้านราคา ดังนั้นการกระตุ้นเศรษฐกิจโดยการให้ค่าเงินบาทอ่อนค่าลงถือว่าดำเนินมาถูกทาง และได้ผลกว่าวิธีการอื่น เช่น การปฏิรูปประเทศที่ไม่สามารถดำเนินการได้ทันที ขณะที่หากจะกระตุ้นโดยการบริโภคยังติดปัญหาหนี้ครัวเรือนที่ยังอยู่ในระดับสูง ดังนั้นการทำให้บาทอ่อนมาช่วยกระตุ้นการส่งออกจึงเป็นวิธีการที่ดีที่สุดที่ทำได้"นายกอบสิทธิ์กล่าว

     นายกวี ชูกิจเกษม รองกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บล.กสิกรไทยมองว่าในช่วงปลายไตรมาส 3/2558 ดัชนีตลาดหุ้นไทยจะสามารถกลับมาแตะได้ที่ระดับ 1,600 จุดอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งมีแรงสนับสนุนจากเศรษฐกิจโลก รวมถึงเศรษฐกิจไทยที่เริ่มกลับมาฟื้นตัวได้ ขณะที่ในระยะสั้นมองว่าดัชนีจะเคลื่อนไหวในกรอบ 1,480-1,520 จุด สำหรับหุ้นที่เหมาะแก่การลงทุนในช่วงนี้คือ หุ้นกลุ่มธนาคาร พลังงาน เช่น PTTGC และ TOP รับเหมาก่อสร้าง เช่น CK- UNIQ เป็นต้น กลุ่มท่องเที่ยว CENTEL ส่วนกลุ่มที่ต้องหลีกเลี่ยง คือ อสังหาริมทรัพย์ และค้าปลีกที่ยังชะลอตัว ขณะที่กลุ่มโรงพยาบาลยังไม่น่าลงทุนเนื่องจากราคาสูง

  สำหรับ ผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนในไตรมาส 2 คาดว่าจะยังชะลอตัวต่อเนื่อง จากไตรมาสแรกที่ผ่านมา โดยกลุ่มที่ยังชะลอตัวมาก คือ กลุ่มธนาคาร ที่ได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลง ส่งผลให้หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ หรือ NPL ปรับตัวสูงขึ้น โดยจะต้องติดตามการประกาศผลประกอบการในวันที่ 20 ก.ค. นี้

  สำหรับ ตลาดหุ้นไทยในช่วง 1-2 เดือนนี้ ยังคงได้รับปัจจัยกดดันทั้งปัจจัยภายในและต่างประเทศ คือ ธนาคารกลางสหรัฐ หรือ เฟด จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยซึ่งจะส่งผลให้ดอลลาร์ปรับตัวแข็งค่า และเกิดการเคลื่อนย้ายเงินทุน ประกอบกับเงินร้อนที่เคยเข้ามาลงทุนอาจมีการถอนเงินทุนออกไป เนื่องจากต้นทุนการเงินไม่ได้อยู่ที่ 0% อีกต่อไป

   ขณะที่ปัจจัยในประเทศ คือ การประกาศผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนว่าจะออกมาเป็นอย่างไร รวมทั้งภาวะเศรษฐกิจด้วย โดยมองว่าเศรษฐกิจไทยยังสามารถฟื้นตัวได้ในช่วงครึ่งปีหลัง จากการลงทุนภาครัฐที่เริ่มเห็นการเบิกจ่ายมากขึ้น ขณะที่ค่าเงินบาทที่อ่อนค่ายังช่วยสนับสนุนภาคการส่งออก เป็นต้น

สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย

 

บล.กสิกรไทย ลุ้น SET Index ปลายปีพุ่งแตะ 1,600 จุด แนวโน้มยังเป็นบวก

    นายกวี ชูกิจเกษม กรรมการผู้จัดการ สายงานวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กสิกรไทย มองว่าในช่วงปลายไตรมาส 3/58 ถึงปลายปีนี้น่าจะได้เห็นดัชนีตลาดหุ้นไทย(SET Index)กลับขึ้นมาอยู่ที่ 1,600 จุดได้ เนื่องจากเศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มฟื้นตัว และอัตราเงินเฟ้อยังอยู่ในระดับต่ำ ซึ่งน่าเข้าช่วยหนุนตลาดในระยะต่อไป ภายหลังจากที่สหรัฐได้ปรับขึ้นดอกเบี้ยไปแล้ว

  สำหรับ หุ้นที่น่าสนใจ ได้แก่ หุ้นในกลุ่มธนาคารพาณิชย์, พลังงาน ,รับเหมาก่อสร้าง และกลุ่มท่องเที่ยว ส่วนหุ้นที่ควรหลีกเลี่ยง เช่น อสังหาริมทรัพย์ ,โรงพยาบาล และค้าปลีก

    ล่าสุด SET Index ปิดช่วงเช้าวันนี้ที่ 1,513.80 จุด เพิ่มขึ้น 9.76 จุด (+0.65%)

   นายกวี กล่าวว่า ภาพรวมตลาดหุ้นในช่วงครึ่งหลังปีนี้ยังมีแนวโน้มที่เป็นบวก แม้ช่วง 1-2 เดือนจากนี้จะมีปัจจัยกดดันระยะสั้นอยู่บ้าง เช่น กรณีที่สหรัฐจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย และผลกำไรของบริษัทจดทะเบียน(บจ.)ในช่วงไตรมาส 2/58 มีแนวโน้มลดลง โดยเฉพาะกลุ่มธนาคารพาณิชย์จากปัญหาหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้(NPL) และการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้

                        อินโฟเควสท์

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!