WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

CIMBอมรเทพ จาวะลา5 เดือนสุดท้าย เดินหน้าสู่ AEC เปรียบ 10 ประเทศอาเซียนเป็น 3 กลุ่ม กลุ่ม‘เสือตื่น’‘เสือหมอบ’ และ ‘เสือหลับ’

      นายอมรเทพ จาวะลา ผู้อำนวยการอาวุโส สำนักวิจัย ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในทางทฤษฎี การเปิดเสรีการค้าสินค้าและบริการรวมทั้งการลงทุนที่ข้ามไปมาระหว่างประเทศที่ง่ายขึ้น จะนำไปสู่การเติบโตทางเศรษฐกิจที่ดีขึ้น การใช้ทรัพยากรมีประสิทธิภาพมากขึ้น และนำไปสู่การเติบโตของรายได้และการแก้ปัญหาความยากจน แต่การเปิดเสรีจะมีบางกลุ่มในแต่ละประเทศที่ได้ประโยชน์ และเสียประโยชน์ ซึ่งกลุ่มที่เสียประโยชน์อาจต้องเปลี่ยนรูปแบบการบริหารจัดการหรือถึงขั้นต้องปิดตัวลง

    อย่างไรก็ดี แม้จะมีบางกลุ่มเสียประโยชน์ แต่โดยภาพรวมจะเกิดการนำทรัพยากรที่ยังใช้ประโยชน์ได้ไม่เต็มที่มาหมุนเวียนใหม่เพื่อใช้ประโยชน์ดีขึ้น เช่น ภาคเกษตรกรรมในประเทศไทยอาจเสียประโยชน์เนื่องจากไม่ได้มีประสิทธิภาพสูงเท่าประเทศคู่แข่ง และยังมีการอุดหนุนจากภาครัฐค่อนข้างมาก อีกทั้งพึ่งพาการใช้แรงงานค่อนข้างสูง แต่เมื่อเปิดเสรีก็จะมีการนำเข้าสินค้ามากขึ้น ทำให้ประเทศไทยสามารถเคลื่อนย้ายแรงงานซึ่งมีสัดส่วนในภาคเกษตรสูงแต่กลับมีมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจต่ำ ให้แรงงานเหล่านี้เคลื่อนย้ายไปยังภาคบริการและภาคอุตสาหกรรมได้มากขึ้น ซึ่งก็จะสามารถพัฒนาเศรษฐกิจไทยให้มีมูลค่าเพิ่มได้ดีขึ้น แต่ภาครัฐต้องเพิ่มคุณภาพของแรงงานเหล่านี้ให้มีการศึกษามีทักษะที่ดีขึ้นเตรียมพร้อมสำหรับการเข้ามาสู่ภาคเศรษฐกิจที่มีมูลค่าเพิ่มที่สูงขึ้นด้วย

 

  สำนักวิจัย ได้แบ่งกลุ่มประเทศในอาเซียนออกเป็น 3  กลุ่มตามความพร้อมและผลกระทบต่อภาคเศรษฐกิจ


กลุ่มแรกเสือตื่น’– แข็งแกร่ง ตื่นตัว พร้อมรวมกลุ่มอาเซียนก่อนประเทศอื่น

ได้แก่ ประเทศที่มีการเปิดเสรีการค้าการลงทุนกับประเทศอื่นอยู่แล้ว เช่น สิงคโปร์ มาเลเซีย และบรูไน ซึ่ง 3 ประเทศนี้ไม่ต้องรอ AEC เพราะได้เปิดการค้าเสรีกับประเทศอื่นในภูมิภาคอื่นเรียบร้อยแล้ว (เอฟทีเอ) และกำลังอยู่ในกระบวนการที่จะเปิดเสรีที่กว้างขึ้นไปกว่าแค่การค้าระหว่างประเทศ ทั้ง 3 ประเทศนี้พร้อมแล้วกับ AEC และจะได้ประโยชน์จากการส่งออก และการลงทุนทางด้านอิเล็กทรอนิกส์ พลังงาน อาหารฮาลาล หรือสินค้าที่มีมูลค่าเพิ่มสูงได้อยู่แล้ว รวมทั้งการเปิดเสรีด้านบริการ เช่น ภาคธนาคาร ประกัน และบริษัทหลักทรัพย์

กลุ่มที่สอง‘เสือหมอบ’- พร้อมเปิดเสรีบางส่วน

กลุ่มที่เรียกว่าเป็นเสือหมอบแต่พร้อมกระโจน เช่น ไทย อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ และเวียดนาม ที่แม้จะได้ประโยชน์จากการเปิดเสรีการค้า ทั้งด้านสินค้าอุตสาหกรรม สินค้าที่จะสามารถส่งของไปเชื่อมต่อห่วงโซ่อุปาทานตลาดโลกได้ แต่ก็มีบางกลุ่มที่ยังไม่พร้อม ซึ่งจะส่งผลให้การเปิดเสรีอย่างเต็มรูปแบบเลื่อนออกไปได้ โดยรวมแล้วประเทศไทย อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ และเวียดนามพร้อมที่จะรับ FTA หรือการลงทุนจากต่างประเทศที่มีเทคโนโลยีที่สูงมาพัฒนาประสิทธิภาพการผลิตให้ดีขึ้น อย่างไรก็ดีก็ จะมีภาคเศรษฐกิจที่เสียประโยชน์ โดยเฉพาะภาคเกษตรที่จะต้องมีการทยอยปรับลดพื้นที่การเพาะปลูก หรือมีการเคลื่อนย้ายแรงงานจากภาคเกษตรไม่อยู่ภาคอุตสาหกรรมและภาคบริการเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตของอุตสาหกรรมที่แต่ละประเทศมีศักยภาพ

ตัวอย่างภาคเศรษฐกิจที่มีศักยภาพของประเทศไทย ได้แก่ การส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมเกษตรแปรรูป ซึ่งไทยเองก็มีประสิทธิภาพและความยอมรับจากประเทศอื่น หรืออุตสาหกรรมรถยนต์และชิ้นส่วนรถยนต์ และชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์บางประเภท ซึ่งยังมีความต้องการของตลาดโลกอยู่ และแรงงานไทยนับว่ามีประสิทธิภาพสูงกว่าประเทศในกลุ่มนี้ นอกจากนี้ยังมีภาคการท่องเที่ยวที่ประเทศไทยมีความโดดเด่นมากกว่าประเทศอื่น อย่างไรก็ดี การท่องเที่ยวของประเทศไทยจำเป็นต้องปรับตัวเข้ากับ AEC เนื่องจากต้องพัฒนาตลาดให้ไปไกลกว่าประเทศไทย ต้องหาจุดขายที่เชื่อมโยงกับภูมิภาคมากขึ้น เช่น การท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ โบราณสถาน อาจใช้รูปแบบเมืองแฝด หรือ twin cities ที่เชื่อมจังหวัดที่มีรูปแบบการท่องเที่ยวคล้ายกันเป็นจุดขายร่วมกัน เช่นจังหวัดเชียงใหม่ สุโขทัย ร่วมกับ เมืองหลวงพระบาง หรือย่างกุ้ง หรือเชื่อมกับเสียมเรียบ เป็นต้น โดยเชื่อว่าการท่องเที่ยวจะเป็นจุดยุทธศาสตร์ของไทยที่พร้อมที่สุดในการต้อนรับ AEC

สำหรับประเทศอินโดนีเซีย ประเทศที่มีจำนวนประชากรมากที่สุดในประเทศสมาชิก (จำนวนประชากรมากเป็นอันดับ 4 ของโลกและอันดับหนึ่งใน ASEAN) อินโดนีเซียจึงเป็นตลาดขนาดใหญ่ที่มีจำนวนผู้บริโภค (และเป็นมุสลิม) มากที่สุด มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ที่สุด มีทรัพยากรธรรมชาติจำนวนมาก และตั้งอยู่ระหว่างอาเซียนกับประเทศออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ จึงได้เปรียบด้านการส่งสินค้าระหว่าง 2 ภูมิภาคนี้ ทำให้นักลงทุนต่างชาติจากทั้งในและนอกอาเซียนสนใจเข้าไปลงทุนในอินโดนีเซียมาก  ภาคอุตสาหกรรมของอินโดนีเซียมีความเข้มแข็งมากขึ้นโดยเฉพาะอุตสาหกรรมรถยนต์ อุตสาหกรรมเกษตรแปรรูป อุตสาหกรรมเหมืองแร่ ถ่านหิน วัสดุก่อสร้าง อุตสาหกรรมผลิตสินค้าอุปโภคบริโภค และธุรกิจค้าส่ง

สำหรับประเทศฟิลิปปินส์ มีทรัพยากรแร่ธาตุอุดมสมบูรณ์ เช่น ทองแดง ทองคำ เป็นต้น และมีค่าจ้างแรงงานต่ำกว่าไทย ในขณะที่มีทักษะทางภาษาดี พร้อมเปิดรับการลงทุนด้านการบริการจากต่างประเทศ ฟิลิปปินส์มีจุดแข็งด้าน ธุรกิจแปรรูปอาหารและสินค้าเกษตร เริ่มมีการขยายฐานการผลิตในธุรกิจยานยนต์มากขึ้น และยังมีสินแร่ใต้ดินที่ยังไม่ได้รับการพัฒนาจำนวนมาก ซึ่งพร้อมรองรับอุตสาหกรรมเหมืองแร่และพลังงาน อย่างไรก็ดี โครงสร้างพื้นฐานยังต้องได้รับการพัฒนาอีกมาก อีกทั้งประเทศตั้งอยู่ในเขตมรสุมและมักประสบปัญหาภัยธรรมชาติบ่อยครั้ง

สำหรับประเทศเวียดนามได้รับความสนใจจากนักลงทุนจำนวนมากมาแล้วระยะหนึ่ง และยังมีแนวโน้มได้รับความสนใจจากนักลงทุนต่อเนื่อง เนื่องจากกำลังเร่งพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานโดยเฉพาะด้านคมนาคม ประกอบกับมีแรงงานจำนวนมากและอัตราค่าจ้างแรงงานยังต่ำรวมทั้งแรงงานมีความขยัน  การเมืองมีเสถียรภาพ  จำนวนประชากรมากและรายได้เพิ่มขึ้นรวดเร็วจึงเป็นตลาดที่มีขนาดใหญ่  มีปริมาณน้ำมันสำรองมาก (อันดับ2 ของอาเซียน) และมีแนวชายฝั่งทะเลยาว มีผู้ประกอบการ Brand สำคัญของโลกเลือกเป็นฐานการผลิต และที่สำคัญพื้นที่ติดกับประเทศจีนซึ่งเป็นตลาดที่มีขนาดใหญ่ สินค้าที่มีศักยภาพได้แก่ เครื่องใช้ไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์ พลังงานปิโตเลียม อุตสาหกรรมถุงมือยาง  และอุตสาหกรรมผลิตสินค้าอุปโภคบริโภค

กลุ่มที่สาม‘เสือหลับ’

นับเป็นอีกภาพหนึ่งของเออีซี คือกลุ่มประเทศ เมียนม่า ลาวและกัมพูชา ซึ่งอาจจะยังไม่ได้ประโยชน์เต็มที่จากการเปิดการค้าการลงทุนใน AEC และอาจจะไม่ได้เปิดเสรีการค้าการลงทุนภายในปีนี้ เนื่องจากอุตสาหกรรมในประเทศยังอ่อนแอ อย่างไรก็ดี ในทางทฤษฎี ประเทศที่มีรายได้น้อยและมีประสิทธิภาพในการผลิตไม่สูงเหล่านี้ กลับจะได้ประโยชน์สูงที่สุดจากการเปิดเสรีการค้าการลงทุน สาเหตุสำคัญคือ เมื่อเทคโนโลยีจากการค้าการลงทุน การส่งออกจากประเทศในภูมิภาคเข้ามาสู่ 3 ประเทศนี้ จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและเพิ่มทักษะแรงงานรวมทั้งความสามารถในการลดความผันผวนของค่าเงิน และมีรายได้จากภาคการส่งออกมาพัฒนาประเทศได้มากขึ้น

อ้นที่จริง 3 ประเทศเสือหลับนี้น่าจะได้ประโยชน์สูงสุดและชนชั้นกลางมีกำลังซื้อสูงขึ้น จุดแข็งของประเทศกลุ่มนี้คือมีค่าแรงที่ไม่สูง มีทรัพยากรธรรมชาติมากทั้งแร่ธาตุ ป่าไม้ ก๊าซธรรมชาติอุตสาหกรรมเสื้อผ้าสำเร็จรูป รับเหมาก่อสร้างโดยเฉพาะโครงสร้างพื้นฐาน  และอาหารทะเลแช่แข็ง รวมทั้งมีพรมแดนติดกับประเทศจีนและอินเดียที่มีการเติบโตทางเศรษฐกิจสูงและมีขนาดใหญ่ ซึ่งน่าจะเสริมความสามารถในการส่งออกในอนาคต ในเมื่อ 3 ประเทศนี้ที่ได้ประโยชน์สูงสุดแล้วไทยเองซึ่งอยู่ศูนย์กลางของ 3 ประเทศนี้ก็จะได้ประโยชน์มากเช่นกันรวมทั้งความสามารถในการผลิตของประเทศไทยในด้านสินค้าอุปโภคบริโภคซึ่งเป็นที่ยอมรับของทั้ง 3 ประเทศนี้และเราเป็นจุด ยุทธศาสตร์ด้านการคมนาคมในกลุ่มประเทศนี้ด้วยเช่นกัน ก็จะสามารถที่จะเสริมความสามารถในการส่งออกและการผลิตสินค้าเหล่านี้เพื่อตอบโจทย์ความสามารถในการจับจ่ายใช้สอยที่เพิ่มขึ้นของชนชั้นกลางใน 3 ประเทศนี้ได้

สุดท้าย ประเทศไทยจะได้ประโยชน์หรือเสียประโยชน์จาก AEC อยู่ที่การปรับตัว บางอุตสาหกรรมต้องปรับตัว บางอุตสาหกรรมจะได้ประโยชน์ในเชิงรุกเข้าไปสู่ประเทศอื่น อุตสาหกรรมที่ต้องปรับตัวได้แก่อุตสาหกรรมที่ใช้แรงงานเข้มข้น ที่มีค่าจ้างที่สูง อาจต้องเคลื่อนย้ายพี่ยังประเทศเพื่อนบ้าน ในขณะเดียวกันก็มีอุตสาหกรรมบางประเภทที่ได้ประโยชน์ เช่นอุตสาหกรรมอาหารอาหารแปรรูป ก่อสร้าง อุปโภคบริโภค ซึ่งจะได้ประโยชน์จากการเพิ่มขึ้นของชนชั้นกลาง และการเร่งการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานในอาเซียน รวมทั้งอุตสาหกรรมที่ใช้เทคโนโลยีที่สูงขึ้น ก็จะสามารถได้รับแรงงานเข้ามาสู่อุตสาหกรรมที่ได้มากขึ้นซึ่งจะช่วยผ่อนคลายปัญหาแรงงานขาดแคลนในประเทศไทยได้ในอนาคต

ปัญหาสำคัญของไทยในอนาคตคือปัญหาทางด้านการพัฒนาแรงงานให้มีทักษะที่ดีขึ้น เพื่อตอบโจทย์การลงทุนของนักลงทุนที่เข้ามาประเทศไทยและต้องใช้เทคโนโลยีที่สูงขึ้นซึ่งเป็นยุทธศาสตร์หลักที่ภาครัฐต้องเข้ามาดูแลอย่างเร่งด่วนว่าจะไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาทักษะของนักเรียนอาชีวะ มหาวิทยาลัย หรือทักษะทางด้านภาษาของแรงงาน ซึ่งจะสามารถตอบรับการลงทุนทุนของต่างชาติได้ดีขึ้น การพัฒนารัฐวิสาหกิจ ลดการผูกขาดของภาครัฐ และส่งเสริมให้เอกชนเข้ามาแข่งขันมากขึ้น

จุดแข็ง โอกาสและปัจจัยที่ควรระมัดระวังในกลุ่มประเทศอาเซียน

ประเทศ

จุดแข็ง

โอกาสทางธุรกิจของไทย

ประเด็นที่ควรระมัดระวัง

เสือตื่น

     

สิงคโปร์

- ประชากรมีกำลังซื้อสูง

- มีความเชี่ยวชาญด้านการผลิตที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง

- กฎระเบียบเอื้ออำนวยต่อการทำธุรกิจหรือการลงทุนจากต่างประเทศ

- ธุรกิจที่อาศัยความ

ได้เปรียบจาก

ภูมิศาสตร์ของสิงคโปร์

เช่น โลจิสติกส์ และ

ปิโตรเคมี

- กฎหมายที่เข้มงวดในการจ้างแรงงานต่างชาติที่ไม่มีทักษะ

บรูไน

- เปี่ยมไปด้วยทรัพยากรธรรมชาติและพลังงาน เช่น ปิโตรเลียม

ก๊าซธรรมชาติ

- ธุรกิจการผลิตในเขตที่รัฐสนับสนุน เช่น วัสดุก่อสร้าง อาหาร และเคมีภัณฑ์จะได้รับการส่งเสริมการลงทุนเป็น

พิเศษ

- ค่าจ้างแรงงานสูงเป็นอันดับ 2 ของอาเซียน

- การดำเนินธุรกิจต้องคำนึงถึงหลักศาสนาอย่างเคร่งครัด

มาเลเซีย

- มีนโยบายและยุทธศาสตร์ในการพัฒนาเศรษฐกิจที่ชัดเจน

-แรงงานคุณภาพดีสอดคล้องกับระดับค่าจ้าง

-ความเชี่ยวชาญด้านการผลิตที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง

-ธุรกิจบริการที่เกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยว เช่น ร้านอาหาร โรงแรม สปา

-ธุรกิจแปรรูปอาหารและ

สินค้าเกษตร

-ยังมีข้อจำกัดเชิงนโยบายที่เอื้อประโยชน์ให้กับธุรกิจเชื้อสาย

มลายูหรือที่เรียกว่าภูมิบุตร

-การดำเนินธุรกิจต้องคำนึงถึงหลักศาสนาอย่างเคร่งครัด

เสือหมอบ

     

อินโดนีเซีย

-ขนาดเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในอาเซียน (เป็นประเทศมุสลิมที่ใหญ่ที่สุดในโลก)

-จำนวนประชากรวัยแรงงานสูง

- ต้นทุนการผลิตต่ำ

- ทรัพยากรธรรมชาติ

อุดมสมบูรณ์

-ธุรกิจการผลิตชิ้นส่วนยานยนต์

-ประมง ธุรกิจอาหาร ฮาลาล

- โครงสร้างพื้นฐาน (ถนน ท่าเรือ สนามบิน)

-การดำเนินธุรกิจต้องคำนึงถึงหลักศาสนาอย่างเคร่งครัด

-การขนส่งในประเทศยังไม่เชื่อมโยงกันทั้งหมด

ฟิลิปปินส์

- ทรัพยากรแร่ธาตุอุดม

สมบูรณ์ เช่น ทองแดง

ทองคำ เป็นต้น

- ค่าจ้างแรงงานต่ำกว่าไทย ในขณะที่มีทักษะทางภาษาดี

-ธุรกิจแปรรูปอาหารและ

สินค้าเกษตร

-เริ่มมีการขยายฐานการ

ผลิตในธุรกิจยานยนต์

มากขึ้น

-ยังมีสินแร่ใต้ดินที่ยังไม่

ได้รับการพัฒนา

-โครงสร้างพื้นฐานยังต้องได้รับการพัฒนาอีกมาก

-ประเทศตั้งอยู่ในเขตมรสุมและมักประสบปัญหาภัยธรรมชาติ

เวียดนาม

-ทรัพยากรธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์

-ประชากรส่วนใหญ่อยู่ใน

วัยแรงงาน

-ความมีเสถียรภาพ

ทางการเมือง

-ธุรกิจค้าปลีก ค้าส่ง ธุรกิจที่ใช้แรงงานเข้มข้น เช่น อุตสาหกรรมสิ่งทอ

-ธุรกิจแปรรูปการเกษตร

และอาหารสัตว์

-ธุรกิจบริการด้านที่เกี่ยว

เนื่องกับการท่องเที่ยว

-เศรษฐกิจยังเผชิญปัญหาเสถียรภาพ เช่น การขาดดุลบัญชีเงินสะพัด และอัตรา

เงินเฟ้อสูง

-ปัญหาด้านการคุ้มครอง

สิทธิของทรัพย์สินทาง

ปัญญา

ไทย

-ข้อได้เปรียบทางที่ตั้งที่อยู่ในใจกลางของภูมิภาค

-ลักษณะทางวัฒนธรรมและนิสัยใจคอของคนไทยที่ปรับตัวให้เข้ากับการดำเนินธุรกิจในรูปแบบต่างๆ ได้ง่าย

-ธุรกิจที่เป็นจุดแข็งของ

ไทยได้แก่ การผลิตยานยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์

-ธุรกิจอาหาร

-ธุรกิจบริการที่เกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยวและการบริการด้านการแพทย์

-แรงงานขาดแคลน ต้นทุนการดำเนินงานสูงขึ้น

-เสถียรภาพการเมือง

เสือหลับ

     

กัมพูชา

- ค่าจ้างแรงงานต่ำ

-ทรัพยากรธรรมชาติที่

อุดมสมบูรณ์

-ศักยภาพในการเติบโตทางเศรษฐกิจอยู่ในระดับที่ดี

-ธุรกิจสิ่งทอ เสื้อผ้าสำเร็จรูป

-ธุรกิจแปรรูปอาหารและ

สินค้าเกษตร

-ธุรกิจบริการด้านที่เกี่ยว

เนื่องกับการท่องเที่ยว

-ขาดแคลนโครงสร้าง

พื้นฐานและแรงงานที่

มีทักษะ

สปป.ลาว

-ทรัพยากรธรรมชาติที่

อุดมสมบูรณ์

-แหล่งพลังงานทดแทน

อัตราการเจริญเติบโต

ทางเศรษฐกิจสูงที่สุดใน

ภูมิภาคอาเซียน

-ธุรกิจการผลิตไฟฟ้า

-ธุรกิจค้าปลีกและจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภค

-ธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง

-ธุรกิจแปรรูปอาหารและ

สินค้าเกษตร

-การแข่งขันในสปป.ลาว จากคู่แข่งต่างประเทศเริ่มมี

ความรุนแรงขึ้น

เมียนมาร์

-แหล่งทรัพยากรธรรมชาติ

ที่อุดมสมบูรณ์แห่งใหม่

ของภูมิภาค

-ค่าจ้างแรงงานต่ำที่สุดใน

อาเซียน

-มีฐานกำลังแรงงานจำนวนมาก

-ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับทรัพยากรธรรมชาติ เช่น พลังงาน แร่รัตนชาติ

-ธุรกิจพัฒนาโครงสร้าง

พื้นฐาน

-ธุรกิจบริการที่เกี่ยวเนื่อง

กับการท่องเที่ยว

-การปฏิรูปทางการเมือง

และเศรษฐกิจ และกฎ

ระเบียบที่ยังไม่นิ่ง

-โครงสร้างพื้นฐานยัง

ต้องได้รับการพัฒนา

อีกมาก เช่นระบบการ

ขนส่งและกระแสไฟฟ้าที่

ยังไม่เพียงพอต่อความ

ต้องการ

- ที่ดินราคาสูง

จับตา AEC ปฏิวัติภาค

ธนาคาร

เลิกแข่งด้วย ‘ดอกเบี้ย’‘ราคา’‘สาขา’

แข่งกันด้วย ‘ตอบโจทย์ลูกค้าหลากหลายได้ตรงจุด’‘เครือข่าย’ ‘พันธมิตร’

     นายอมรเทพ เปิดเผยว่า AEC จะนำมาซึ่งการเปิดเสรีการเงินข้ามชาติ นำมาซึ่งการปฏิวัติในอุตสาหกรรมธนาคารพาณิชย์ สิ่งที่น่าจับตา ไม่ใช่การแข่งขันด้วยดอกเบี้ยและราคา ความใหญ่ความเล็กไม่ได้อยู่ที่จำนวนสาขา แต่ความได้เปรียบจะอยู่ที่ใคร แบงก์ไหน จะตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้ตรงจุดที่สุด ผู้ได้เปรียบคือแบงก์ที่มีธุรกรรมหลากหลาย และมีเครือข่ายเชื่อมโยงตลาดในประเทศต่างๆช่วยอำนวยความสะดวกให้ลูกค้าที่ลงทุนข้ามชาติ นอกจากนี้ ถ้ามีพันธมิตรทางธุรกิจจากอุตสาหกรรมอื่นๆ จะช่วยตอบโจทย์ความต้องการลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น

    “AEC มีทั้งโอกาสและความเสี่ยง ความเสี่ยง คือ ถ้าการแข่งขันรุนแรงเกินไป แบงก์เล็กอาจไม่สามารถอยู่รอดได้ เพราะไม่รู้ว่าธนาคารต่างชาติที่จะเข้ามาไทยจะมารูปแบบไหน แบบเล็ก แบบใหญ่ แต่สุดท้ายก็จะเป็นกระบวนการเรียนรู้ทางธุรกิจ และธปท.กำลังทำแผนแม่บทเพื่อเตรียมความพร้อมให้ธนาคารพาณิชย์ไทย ส่วนโอกาส คือ การที่การแข่งขันในอนาคตจะไม่ได้แข่งกันด้วยสาขา แต่อยู่ที่การให้บริการธุรกรรมการเงินที่หลากหลาย มีทางเลือก ซึ่งเป็นจุดที่ไทยน่าจะใช้ประโยชน์ในการก้าวเป็นศูนย์กลางทางการเงินของอาเซียน สุดท้ายคนได้ประโยชน์คือ ลูกค้า” นายอมรเทพ กล่าว  

    อนึ่ง ธปท.มีแผนแม่บทในการเปิดเสรีภาคธนาคารพาณิชย์ ซึ่งธปท.ต้องการให้ธนาคารไทยแข็งแกร่งก่อนเปิดเสรีการเงิน อย่างไรก็ดี ปัจจุบัน ธนาคารพาณิชย์ไทยได้รับการดูแลอย่างรัดกุมจากธปท.อยู่แล้ว การดำเนินธุรกิจได้รับการตรวจสอบสม่ำเสมอ และมีความรอบคอบกว่าในอดีต ปัจจุบัน ธนาคารไทยแข็งแกร่ง แต่โครงสร้างอุตสาหกรรมธนาคารไทยขับเคลื่อนโดยธนาคารใหญ่ ดังนั้น ธนาคารกลางและเล็กต้องดิ้นรนในการทำธุรกิจในตลาดที่แข่งขันได้ ในเมื่อแข่งขันได้ ก็น่าจะอยู่รอดได้

     ปัจจุบัน การเปิดเสรีมีทั้งธนาคารไทยออกไปทำธุรกิจต่างประเทศและธนาคารต่างประเทศเข้ามาทำธุรกิจในไทย ปัจจุบัน ธนาคารไทยที่ไปเปิดสาขาในต่างประเทศเป็นการตามไปดูแลลูกค้า แต่ในอนาคต จะได้เห็นลูกค้าของประเทศนั้นๆเข้ามาใช้บริการและธุรกรรมของธนาคารพาณิชย์ไทย 

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!