WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

เอไอเอ เผยผลสำรวจบ่งชี้ชนชั้นกลางชาวไทยอยากมีสุขภาพดี และวัยเกษียณที่สุขสบายมากกว่าร่ำรวย     

    เอไอเอเผยข้อมูลใหม่ในการสำรวจเรื่องความหวังและความปรารถนาของชนชั้นกลางในประเทศไทยที่ชี้ให้เห็นว่า คนไทยให้ความสำคัญต่อเป้าหมายสูงสุดในชีวิตในเรื่องสุขภาพ ความสบายในวัยเกษียณ และความสำเร็จในอาชีพ มากกว่าความร่ำรวย

    ผลการสำรวจเป็นส่วนหนึ่งของการสำรวจเรื่องความหวังและความปรารถนาของเอไอเอในภูมิภาคอาเซียนที่ให้รายละเอียดการวิเคราะห์เชิงลึกเกี่ยวกับทัศนคติของชนชั้นกลางที่มีการเติบโตอย่างรวดเร็วต่อคุณภาพชีวิต ความมั่นคงทางการเงิน การเกษียณอายุ ครอบครัวและการศึกษา ของบุคคลที่ระบุว่าตนเองเป็นชนชั้นกลางชาวไทยจำนวน 500 คน เมื่อเดือนกรกฎาคม 2557 ที่ผ่านมา จากผู้ตอบแบบสำรวจรายบุคคลจำนวนทั้งหมด 3,000 คน ในตลาดภูมิภาคอาเซียน 6 ประเทศ ได้แก่ อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ เวียดนาม และประเทศไทย

     มร.ซาลูน ธรรม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เอไอเอ ประเทศไทย ให้ความเห็นเกี่ยวกับผลสำรวจสำหรับประเทศไทยว่า “หนึ่งในความน่าชื่นชมมากที่สุดจากผลการสำรวจในครั้งนี้คือ แม้ว่าชีวิตผู้คนในปัจจุบันจะเป็นไปอย่างเร่งรีบ แต่ปรากฏว่าชนชั้นกลางกลับให้ความสำคัญกับการมีสุขภาพดีเป็นลำดับแรกมากกว่าการเป็นคนร่ำรวย ผลการสำรวจเป็นข้อมูลเหมือนกับที่ได้รับจากชนชั้นกลางที่ตอบแบบสำรวจจากประเทศอื่นๆ ในภูมิภาค

    “เรามีความยินดีเป็นอย่างมากที่ได้เห็นชนชั้นกลางชาวไทยที่เป็นส่วนหนึ่งของโครงการสำรวจครั้งนี้มีทัศนคติต่อชีวิตในเชิงบวก เนื่องจากพวกเขาคาดหวังว่าสถานการณ์ในชีวิตจะดีขึ้นในอีก 12 เดือนข้างหน้า”

     ในปีนี้ เอไอเอ ได้ทำการสำรวจดัชนีชนชั้นกลาง (Middle Class Index - MCI*) ที่ใช้ประเมินความคาดหวังของผู้ตอบแบบสอบถามต่อมุมมอง 10 ประการเกี่ยวกับสถานการณ์ในชีวิต ทั้งนี้ประเทศไทยมีระดับคะแนนดัชนีชนชั้นกลาง (MCI) อยู่ที่ร้อยละ 63.3 โดยคะแนนในระดับเหนือกว่า 50 แสดงการคาดการถึงสถานการณ์ในชีวิตจะดีขึ้นมากกว่าที่จะแย่ลง

*กรุณาดูหมายเหตุบทบรรณาธิการ

คุณภาพอยู่เหนือปริมาณ

     สำหรับ เป้าหมายสูงสุดของชีวิต ชนชั้นกลางในประเทศไทยมีแนวโน้มที่จะเน้นเรื่องคุณภาพมากกว่าปริมาณ โดยให้ความสำคัญกับเรื่องสุขภาพเป็นลำดับแรกสูงถึงร้อยละ 62 ตามด้วยความต้องการมีชีวิตสุขสบายในยามเกษียณร้อยละ 37 มีการออมเงินไว้ใช้ในยามฉุกเฉินร้อยละ 36 และประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานร้อยละ 36

ความร่ำรวยและความพอใจ

      การที่ชีวิตมีความร่ำรวยขึ้นไม่ได้หมายความว่าจะมีความพอใจมากขึ้นตามไปด้วย จากรายงานพบว่าผู้ที่มีทรัพย์สินระหว่าง 400,000 – 1,999,999 บาท มีความพอใจร้อยละ 72 และตัวเลขขยับขึ้นเล็กน้อยไปอยู่ที่ร้อยละ 73 สำหรับผู้ที่มีทรัพย์สินอย่างน้อย 2,000,000 บาท

ความฝันและความสำเร็จ

      3 ใน 4 (ร้อยละ 74) ของชนชั้นกลางคิดว่าพวกเขาจะบรรลุความฝันที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในขณะที่ยังมีชีวิตอยู่ มีเพียงร้อยละ 14 เท่านั้นที่คิดว่าจะไม่สามารถบรรลุความฝันของตนเองได้

อุปสรรคต่อการเป็นผู้ประกอบการ

     มากกว่า 1 ใน 4 (ร้อยละ 28) ต้องการเริ่มธุรกิจของตนเอง อย่างไรก็ตามเกือบ 1 ใน 3 (ร้อยละ 32) คิดว่าการเริ่มธุรกิจของตนเองจะเป็นหนึ่งในเป้าหมายที่ยากที่สุดที่จะทำได้ขณะมีชีวิตอยู่ แรงจูงใจหลักในการเริ่มธุรกิจคือเพื่อให้มีรายได้ที่สูงขึ้นร้อยละ 43 ทั้งนี้มีตัวเลข 1 ใน 4 (ร้อยละ 26) ของผู้ที่ต้องการเริ่มธุรกิจกล่าวว่าพวกเขาต้องการเป็นนายตัวเอง

    ผู้ที่ต้องการเริ่มทำธุรกิจของตนเอง มีจำนวนถึงร้อยละ 62 ที่ขาดเงินทุนซึ่งเป็นอุปสรรคหลักขัดขวางไม่ให้ไปถึงเป้าหมาย

ความมั่นคงทางการเงิน

    จำนวนเกือบครึ่งหนึ่ง (ร้อยละ 49) ของชนชั้นกลางชาวไทยคิดว่าการแสวงหาความมั่นคงทางการเงินเป็นภารกิจที่ไม่มีที่สิ้นสุด ซึ่งมีเปอร์เซนต์สูงสุดเป็นอันดับ 2 ในการสำรวจตลาดอาเซียน

    โดยเฉลี่ยผู้ที่ตอบแบบสอบถามเผยว่า พวกเขาต้องการมีเงินอย่างน้อย 3,600,000 บาท เพื่อให้มีความมั่นคงทางการเงินสำหรับชีวิตที่เหลืออยู่

    ค่าใช้จ่ายที่ชนชั้นกลางชาวไทยเป็นกังวลมากที่สุด คือกรณีฉุกเฉิน (ร้อยละ 53) และสุขภาพ (ร้อยละ 48) ซึ่งเป็นตัวเลขใกล้เคียงกันมากกับผลการสำรวจตลาดอาเซียนอื่นๆ

ความท้าทายยามเกษียณ

     การออมสำหรับการเกษียณอายุเป็นเรื่องท้าทายอย่างมากสำหรับชนชั้นกลางชาวไทย ร้อยละ 23 ที่ตอบแบบสอบถามให้ความสำคัญกับการออมสำหรับชีวิตที่สะดวกสบายในยามเกษียณ และถือเป็นหนึ่งในเป้าหมายที่ยากที่สุดที่จะทำได้

    ตัวเลขเงินออมโดยเฉลี่ยที่ชนชั้นกลางชาวไทยต้องการในยามเกษียณเท่ากับ 7,600,000 ล้านบาท อย่างไรก็ตามน้อยกว่าครึ่ง (ร้อยละ 47) ของผู้ตอบแบบสอบถามเชื่อมั่นว่า ครอบครัวของพวกเขาจะมีเงินเพียงพอสำหรับใช้ชีวิตให้สบายในยามเกษียณ ซึ่งคิดเป็นจำนวนเปอร์เซนต์ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยจากผลการสำรวจตลาดอาเซียนอื่นๆ ที่มีถึงร้อยละ 56

การดูแลผู้สูงอายุ

    ยังมีการยืนกรานว่าลูกๆ ควรจะดูแลพ่อแม่ที่อยู่ในวัยชรา โดย 3 ใน 4  (ร้อยละ 75) ของคนไทยคิดว่าลูกๆ ควรรับผิดชอบดูแลพ่อแม่ที่อยู่ในวัยเกษียณ ซึ่งเป็นเปอร์เซนต์ตัวเลขที่สูงกว่าประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคอาเซียน รวมถึงยังมีตัวเลขอีกร้อยละ 83 ของผู้ที่กำลังจะเกษียณอายุ หรือมีอายุมากกว่า 55 ปี

    นอกจากนั้นพบว่าร้อยละ 71 ของชนชั้นกลางชาวไทยยังดูแลพ่อแม่ตนเอง หรือพ่อแม่ของคู่สมรสด้วย โดยเป็นเปอร์เซนต์ตัวเลขสูงที่สุดเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคอาเซียน

    “ในฐานะผู้ให้บริการประกันชีวิตชั้นนำในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิค เอไอเอยังคงเดินหน้าสร้างองค์ความรู้ สำหรับ ชนชั้นกลางในประเทศไทยและในภูมิภาคที่มีจำนวนเพิ่มมากขึ้นด้วยการให้บริการผลิตภัณฑ์และบริการที่สามารถตอบสนองความต้องการของพวกเขาและครอบครัวในทุกช่วงชีวิต” มร.ธรรม กล่าวสรุป

     สำหรับ ปีนี้เป็นปีที่ 2 ที่เอไอเอได้มีการสำรวจการประเมินชนชั้นกลางในเรื่องความหวังและความปรารถนา ซึ่งทำการสำรวจในช่วงเดือนกรกฎาคมถึงสิงหาคม 2557 โดย อิพซอสส์ (Ipsos) เอเจนซี่สำรวจและวิจัยตลาดฝรั่งเศสระดับโลก ส่วนการสำรวจปีแรกทำขึ้นในปี 2556 ที่เน้นเรื่องคนชั้นกลางในจีนแผ่นดินใหญ่ ฮ่องกง และไต้หวัน

หมายเหตุบทบรรณาธิการ

เกี่ยวกับการสำรวจของเอไอเอเรื่องความหวังและความปรารถนาของชนชั้นกลาง

                        การสำรวจของเอไอเอเรื่องความหวังและความปรารถนาชนของชั้นกลางเป็นการสำรวจที่ดำเนินการโดยกลุ่มบริษัทเอไอเอ เพื่อให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับกลุ่มชนชั้นกลางที่มีจำนวนเพิ่มมากขึ้นในภูมิภาคเอเชีย ครอบคลุม 4 เรื่อง ได้แก่ คุณภาพชีวิต ความมั่นคงทางการเงิน การเกษียณอายุ และครอบครัวและการศึกษา โดยในปี 2557 ได้มีการสำรวจด้วยการสัมภาษณ์บุคคลที่ระบุตัวเองว่าเป็นชนชั้นกลางจากตลาดอาเชียน 6 ประเทศ ได้แก่ ประเทศอินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ ประเทศไทย และเวียดนาม จำนวน 3,000 คน ทั้งทางออนไลน์และสัมภาษณ์แบบรายบุคคลเป็นเวลากว่า 4 สัปดาห์ (10 กรกฎาคม-12 สิงหาคม) แบ่งเป็นประเทศละ 500 คน ในการสัมภาษณ์แบ่งเป็นสัมภาษณ์ออนไลน์ 400 คน โดยเป็นผู้ที่มีอายุระหว่าง 25-49 ปี และอีก 100 คน เป็นการสัมภาษณ์แบบรายบุคคลกับผู้ที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไปในลักษณะการสุ่มตัวอย่าง ทั้งนี้การสำรวจจัดขึ้นครั้งแรกในปี 2556 ในจีนแผ่นดินใหญ่ ฮ่องกง และไต้หวัน โดยสามารถคลิกดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ asiamiddleclass.aia.com

เกี่ยวกับดัชนีชนชั้นกลางของเอไอเอ

      ดัชนี ชนชั้นกลางของเอไอเอเป็นการสรุปคะแนนผู้ตอบแบบสอบถามที่คิดว่ามุมมองชีวิต 10 ประการ ของพวกเขาในอีก   12 เดือนข้างหน้าเมื่อมีการสำรวจ จะดีขึ้น เหมือนเดิม หรือแย่กว่าเดิม ดัชนีระบุว่าผู้ตอบแบบสำรวจที่มีอายุมากกว่า 50 ปีคาดว่าชีวิตจะดีขึ้น ขณะที่ผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 50 ปี คาดว่าชีวิตพวกเขาจะแย่ลง

    มุมมอง 10 ประการ ประกอบด้วย จำนวนเงินที่มีสำหรับใช้จ่าย จำนวนเงินออมที่มีอยู่ ชีวิตครอบครัว เวลาสำหรับการพักผ่อน ชีวิตโรแมนติก บ้านและคุณภาพชีวิต สภาพแวดล้อมที่ผู้ตอบแบบสอบถามอาศัยอยู่ สุขภาพและความสุขในชีวิต อาชีพ/ธุรกิจ และมูลค่าของอสังหาริมทรัพย์ของผู้ตอบแบบสอบถาม

    ดัชนี ชนชั้นกลางคำนวณจาก = (P1 *1) + (P2 *0.5) + (P3 *0) โดย P1 หมายถึงเปอร์เซนต์ของผู้ตอบแบบสำรวจที่เชื่อว่าสถานการณ์ของพวกเขาจะดีขึ้น ขณะที่ P2 หมายถึงเปอร์เซนต์ของผู้ที่เชื่อว่าสถานการณ์จะเหมือนเดิม และ P3 หมายถึงเปอร์เซนต์ของผู้ที่คิดว่าสถานการณ์จะแย่ลงกว่าเดิม

เกี่ยวกับกลุ่มบริษัทเอไอเอ

      กลุ่มบริษัทเอไอเอ และบริษัทในเครือ (รวมเรียกว่า “เอไอเอ” หรือ “กลุ่มบริษัทเอไอเอ”) เป็นกลุ่มบริษัทประกันชีวิตที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิค ซึ่งจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์และมีการบริหารจัดการอย่างอิสระ มีบริษัทในเครือและสำนักงานสาขาใน 17 ประเทศทั่วเอเชียแปซิฟิค ทั้งในประเทศฮ่องกง ไทย สิงคโปร์ มาเลเซีย จีน เกาหลีใต้ ฟิลิปปินส์ ออสเตรเลีย อินโดนีเซีย ไต้หวัน เวียดนาม นิวซีแลนด์ มาเก๊า และบรูไน และเป็นผู้ถือหุ้น 97% ในบริษัทในเครือในประเทศศรีลังกา ถือหุ้นร่วมทุน 26% ในประเทศอินเดีย และมีสำนักงานตัวแทนในประเทศเมียนมาร์

    เอไอเอเริ่มต้นธุรกิจครั้งแรกในเมืองเซี่ยงไฮ้เมื่อกว่า 90 ปีที่ผ่านมา โดยเป็นผู้นำตลาดในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิค (ยกเว้นประเทศญี่ปุ่น) ในด้านเบี้ยประกันภัยรับจากธุรกิจประกันชีวิตและเป็นผู้นำตลาดโดยส่วนใหญ่ในภูมิภาคโดยมีสินทรัพย์รวม ณ 31 พฤษภาคม 2557 ที่ 159 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ

    กลุ่มบริษัทเอไอเอนำเสนอผลิตภัณฑ์ในการออมเงินและความคุ้มครองชีวิตแก่ลูกค้าบุคคลผ่านผลิตภัณฑ์และบริการที่หลากหลาย ทั้งการประกันชีวิต การประกันภัยอุบัติเหตุและสุขภาพ และการวางแผนการออม นอกจากนี้ กลุ่มบริษัท เอไอเอยังให้บริการลูกค้าองค์กรผ่านผลิตภัณฑ์สวัสดิการพนักงาน ประกันสินเชื่อ และให้บริการเป็นผู้จัดการกองทุนสำรองเลี้ยงชีพผ่านเครือข่ายตัวแทนฯและพนักงานทั่วภูมิภาคเอเชียแปซิฟิค โดยเอไอเอมีลูกค้าที่ถือครองกรมธรรม์ประกันชีวิตรายบุคคลที่มีผลบังคับมากกว่า 28 ล้านกรมธรรม์ และเป็นสมาชิกกรมธรรม์ประกันกลุ่มมากกว่า 16 ล้านคน

    กลุ่มบริษัทเอไอเอจดทะเบียนในกระดานหุ้นหลักของตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง ภายใต้รหัสหลักทรัพย์ 1299 สำหรับ American Depositary Receipts (ระดับ 1) มีการซื้อขายหลักทรัพย์นอกตลาดหลักทรัพย์ (Over-the-Counter) ภายใต้สัญลักษณ์ AAGIY

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมสำหรับสื่อมวลชน กรุณาติดต่อ :                ฝ่ายสื่อสารองค์กร เอไอเอ ประเทศไทย

เจตนา เกรียงศักดิ์โอภาส โทร.02-638 7367         E-mail: jetana.kriengsakophas@aia.com

ศิรินพร ชัยศิริมิตร โทร. 02-638 6539/092-415 0606                   E-mail: sirinporn.chaisirimit@aia.com

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!