WORLD7

BANPU2024

powertime 950x100pxsmed MTI 720x100

 

5716 KT Compass

จีดีพี ไตรมาส 1/2567 ขยายตัว 1.5% Krungthai COMPASS คาดเศรษฐกิจปี 2567 เติบโตได้ 2.3% สอดคล้องกับมุมมองของสภาพัฒน์ที่ปรับลดคาดการณ์เหลือ 2.0 - 3.0%

โดย ฉมาดนัย มากนวล

ชนม์นิธิศ ไชยสิงห์ทอง

Krungthai COMPASS

 

Key Highlights

          ● เศรษฐกิจไทยไตรมาสที่ 1/2567 ขยายตัว 1.5%YoY เติบโตในอัตราที่ชะลอลงจากไตรมาสที่ 4/2566 ที่ 1.7%YoY โดยมีปัจจัยกดดันสำคัญจากการใช้จ่ายและการลงทุนภาครัฐ เนื่องจากกระบวนการงบประมาณปี 2567 ใช้เวลานานกว่าคาด และการส่งออกสินค้าที่กลับมาหดตัว อย่างไรก็ดี เศรษฐกิจยังได้รับแรงหนุนจากการบริโภคภาคเอกชนที่ขยายตัวดีตามการปรับตัวดีขึ้นของภาคบริการที่เกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยวและการส่งออกบริการที่เร่งตัวขึ้น ทั้งนี้สภาพัฒน์ปรับลดประมาณการเศรษฐกิจไทยปี 2567 คาดว่าจะขยายตัวได้ในช่วง 2.0-3.0% มีค่ากลางที่ 2.5% ลดลงจากประมาณการเดิมที่ 2.2-3.2% มีค่ากลางที่ 2.7%

          ● Krungthai COMPASS ประเมินว่าเศรษฐกิจปี 2567 มีแนวโน้มเติบโตได้ 2.3% ต่ำกว่าประมาณการเดิมที่คาดไว้ 2.7% สอดคล้องกับมุมมองของสภาพัฒน์ที่ประเมินว่าเศรษฐกิจในปีนี้มีปัจจัยกดดันจาก 1) การส่งออกสินค้าที่อาจเติบโตได้ต่ำจากการค้าโลกที่ฟื้นตัวช้าและไทยยังเผชิญปัญหาเชิงโครงสร้างที่กระทบต่อความสามารถในการแข่งขันของสินค้าไทย และ 2) การลงทุนภาคเอกชนที่มีแนวโน้มชะลอตัวจากผลกระทบของการส่งออกสินค้าที่ฟื้นตัวช้า ขณะที่จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติมีแนวโน้มที่ปรับเพิ่มขึ้น ซึ่งสอดคล้องกับมุมมองของสภาพัฒน์

 

 

          จีดีพีไตรมาสที่ 1 โต 1.5%YoY ชะลอตัวลง เมื่อเทียบรายไตรมาสขยายตัว 1.1%QoQSA จากไตรมาสก่อน สะท้อนภาพการขยายตัวในอัตราต่ำต่อเนื่อง

          สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) รายงานตัวเลขการเติบโตทางเศรษฐกิจในไตรมาสที่ 1/2567 ขยายตัว 1.5%YoY หรือเพิ่มจากไตรมาสก่อนหน้าที่ 1.1%QoQSA สูงกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ซึ่งประเมินว่าจะเติบโตที่ 0.8%YoY อย่างไรก็ตาม จากตัวเลขที่รายงานล่าสุดนี้ เศรษฐกิจไทยยังคงขยายตัวต่ำ โดยเติบโตต่ำกว่า 2.0% ติดต่อกันเป็นไตรมาสที่ 4 การรายงานเศรษฐกิจของสภาพัฒน์ด้านรายจ่ายในไตรมาสที่ 1/2567 มีประเด็นสำคัญ ได้แก่

          ● การอุปโภคบริโภคเอกชนขยายตัว 6.9% ขยายตัวต่อเนื่องจากไตรมาสก่อนที่เติบโต 7.4% สอดคล้องกับการปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องของภาคบริการที่เกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยว ซึ่งช่วยหนุนการจ้างงาน รวมทั้งความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่แตะระดับสูงสุดในรอบ 18 ไตรมาส ส่งผลให้การใช้จ่ายในหลายหมวดขยายตัวดี โดยเฉพาะการใช้จ่ายในหมวดบริการที่เติบโตสูงถึง 13.7% เช่นเดียวกับการใช้จ่ายหมวดสินค้าไม่คงทนที่ขยายตัว 4.7% สูงสุดในรอบเกือบ 4 ปี รวมถึงหมวดสินค้ากึ่งคงทนซึ่งขยายตัว 3.3% สูงกว่าไตรมาสก่อน อย่างไรก็ดี สินค้าหมวดคงทนหดตัว 6.8% สูงสุดในรอบ 10 ไตรมาส ตามการใช้จ่ายเพื่อซื้อยานพาหนะที่ลดลงถึง 13.9% ด้วยแรงกดดันจากภาระหนี้ครัวเรือนและมาตรการด้านสินเชื่อที่เข้มงวด

          ● การใช้จ่ายเพื่อการอุปโภคของรัฐบาลหดตัว 2.1% ติดลบต่อเนื่องจากไตรมาสก่อน จากรายจ่ายเงินโอนเพื่อสวัสดิการสังคมที่ไม่เป็นตัวเงินสำหรับสินค้าและบริการ และรายจ่ายค่าซื้อสินค้าและบริการที่ลดลง 10.7% และ 7.6% ตามลำดับ 

          ● การลงทุนรวมหดตัว 4.2% ติดลบแรงขึ้นจาก 0.4% ไตรมาสก่อน จากการลงทุนภาครัฐที่หดตัวมากขึ้น 27.7% ทั้งยังปรับลดลงอย่างต่อเนื่องเป็นไตรมาสที่ 4 ปัจจัยหลักจากกระบวนการงบประมาณปี 2567 ซึ่งใช้เวลานานกว่าคาด ส่งผลให้อัตราการเบิกจ่ายงบลงทุนของรัฐบาลต่ำเพียง 5.2% ซึ่งน้อยกว่าไตรมาสก่อน ทั้งยังกระทบต่อการผลิตสาขาก่อสร้างในฝั่งอุปทานที่หดตัว 17.3% ต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2543 ขณะที่การลงทุนภาคเอกชนชะลอตัวลงสู่ 4.6% ตามความต้องการในหมวดเครื่องจักรเครื่องมือที่อ่อนแอลงตามภาวะการส่งออก

          ● มูลค่าการส่งออกสินค้าติดลบ 2.0% หดตัวอีกครั้งหลังจากฟื้นกลับมาขยายตัวได้เมื่อไตรมาสก่อน โดยปริมาณการส่งออกหดตัว 2.3% สำหรับสินค้าหลักที่มีมูลค่าส่งออกลดลง ได้แก่ ทุเรียน น้ำตาล ผลิตภัณฑ์ยาง เครื่องปรับอากาศ ยานยนต์ แผงวงจรไฟฟ้า และผลิตภัณฑ์คอมพิวเตอร์ เป็นต้น 

          ● การส่งออกบริการขยายตัว 24.8% เร่งขึ้นจากไตรมาสก่อนซึ่งเติบโตที่ 14.9% โดยจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติแตะระดับ 9.4 ล้านคน อานิสงส์จากมาตรการฟรีวีซ่าได้ส่งผลให้รายรับภาคการท่องเที่ยวแตะระดับ 3.71 แสนล้านบาท

 

5716 KT Compass01

 

          สภาพัฒน์ปรับลดประมาณการเศรษฐกิจไทยปี 2567 คาดว่าจะขยายตัวได้ในช่วง 2.0-3.0% มีค่ากลางที่ 2.5% ลดลงจากประมาณการเดิมที่ 2.2-3.2% มีค่ากลางที่ 2.7% โดยมีปัจจัยกดดันเศรษฐกิจจาก (1) การส่งออกสินค้าที่คาดว่ามูลค่าการส่งออกจะเติบโตได้ที่ 2.0% (ต่ำกว่าเดิมมองไว้ที่ 2.9%) จากการปรับลดปริมาณการส่งออกสินค้าที่ขยายตัว 1.5% (ต่ำกว่าเดิมมองไว้ที่ 2.4%) ตามการปรับตัวลดลงของปริมาณการส่งออกในไตรมาสที่ 1 และการปรับลดสมมติฐานการขยายตัวของปริมาณการค้าโลก และ (2) การลงทุนภาคเอกชนที่คาดว่าจะขยายตัวได้ 3.2% (ต่ำกว่าเดิมมองไว้ที่ 3.5%) เนื่องจากอัตราการใช้กำลังการผลิคในภาคอุตสาหกรรมอยู่ในระดับต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ รวมถึงผลกระทบจากการส่งออกที่อาจชะลอตัวกว่าคาด 

          อย่างไรก็ดี สภาพัฒน์มองว่าเศรษฐกิจยังมีปัจจัยหนุนสำคัญจาก (1) การใช้จ่ายเพื่อการอุปโภคบริโภคภาคเอกชน ตามการขยายตัวดีอย่างต่อเนื่องของฐานรายได้ในระบบเศรษฐกิจ ตลาดแรงงานที่แข็งแกร่ง และอัตราเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับต่ำ (2) การฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวและภาคบริการที่เกี่ยวเนื่อง และ (3) การเร่งตัวขึ้นของการใช้จ่ายภาครัฐหลัง พรบ. งบประมาณประจำปี 2567 มีผลบังคับใช้นับตั้งแต่วันที่ 26 เม.ย. 2567 และกรอบวงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2568 ที่เพิ่มขึ้น 

 

5716 KT Compass02

 

Implication

          ● เศรษฐกิจไทยในไตรมาสที่ 1 ชะลอตัวลงจากการใช้จ่ายและการลงทุนของภาครัฐ และการส่งออกสินค้า จีดีพีไตรมาส 1/2567 ขยายตัว 1.5%YoY ชะลอจากไตรมาส 4/2566 ที่ขยายตัว 1.7%YoY โดยปัจจัยสำคัญมาจากการใช้จ่ายและการลงทุนภาครัฐซึ่งหดตัวจากกระบวนการงบประมาณประจำปี 2567 ที่นานกว่าคาด ซึ่งฉุดจีดีพีไตรมาสที่ 1 ลงราว 2.2ppt. และการส่งออกสินค้าที่กลับมาหดตัวทั้งมูลค่าและปริมาณ หลังจากที่ขยายตัวได้ในไตรมาสที่ 4 โดยปริมาณการส่งออกที่หดตัวทำให้จีดีพีลดลงราว 1.1ppt. นอกจากนี้ การนำเข้ายังคงขยายตัวต่อเนื่อง ซึ่งการนำเข้าที่เพิ่มขึ้นทำให้เม็ดเงินไหลออกนอกประเทศและเป็นอีกปัจจัยที่กดดันการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยในช่วงที่ผ่านมา

 

5716 KT Compass03

 

          ● Krungthai COMPASS ประเมินว่าเศรษฐกิจปี 2567 มีแนวโน้มเติบโตได้ 2.3% ต่ำกว่าประมาณการเดิมที่คาดไว้ 2.7% สอดคล้องกับมุมมองของสภาพัฒน์ที่ปรับลดกรอบประมาณการเศรษฐกิจปีนี้ลง 

               - Krungthai COMPASS มีมุมมองสอดคล้องกับสภาพัฒน์ที่ปรับลดประมาณการเศรษฐกิจในปีนี้จาก 1) มูลค่าการส่งออกสินค้าที่มีแนวโน้มเติบโตได้เพียง 0.5% ปรับลดลงจากเดิมที่มองไว้ 1.8% เนื่องจากการค้าโลกมีแนวโน้มฟื้นตัวได้ช้ากว่าคาด สอดคล้องกับกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ที่ปรับลดคาดการณ์ปริมาณการค้าโลกลงเหลือเพียง 3.0% จากเดิมที่ 3.3% อีกทั้งสินค้าส่งออกของไทยยังเผชิญปัญหาเชิงโครงสร้างซึ่งกระทบต่อความสามารถในการแข่งขันและความต้องการสินค้าไทยในตลาดต่างประเทศ และ 2) การลงทุนภาคเอกชนที่มีแนวโน้มชะลอตัวจากผลกระทบของภาคการส่งออกสินค้าที่ฟื้นตัวได้ช้า ทั้งนี้ Krungthai COMPASS ประเมินว่าภาคการท่องเที่ยวยังเป็นปัจจัยหนุนสำคัญของเศรษฐกิจในปีนี้ โดยคาดว่านักท่องเที่ยวต่างชาติมีแนวโน้มจะเข้ามาเป็นจำนวน 35 ล้านคน เพิ่มขึ้นจากประมาณการเดิมที่ 34 ล้านคน ซึ่งสอดคล้องกับมุมมองของสภาพัฒน์ที่ปรับเพิ่มการคาดการณ์ 

               - อย่างไรก็ตาม Krungthai COMPASS มีมุมมองต่อแนวโน้มการบริโภคภาคเอกชนที่แตกต่างจากสภาพัฒน์ โดยเราประเมินว่าการบริโภคภาคเอกชนยังมีแนวโน้มเติบโตได้ใกล้เคียงประมาณการเดิมราว 3% เนื่องจากปัญหาหนี้ครัวเรือนที่อยู่ระดับสูงอาจกดดันกำลังซื้อของภาคเอกชนในระยะข้างหน้า สะท้อนจากการใช้จ่ายสินค้าหมวดคงทนในไตรมาสที่ 1 ที่หดตัวสูงจากการซื้อยานพาหนะที่ลดลง 13.9%YoY 

          ● เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวช้าเมื่อเปรียบเทียบกับกลุ่มประเทศอาเซียนสะท้อนปัญหาเชิงโครงสร้างที่ลดทอนความสามารถในการแข่งขัน หากเทียบดัชนี Real GDP กับประเทศเพื่อนบ้านในภูมิภาคแล้ว ไทยใช้เวลานานกว่าในการพลิกฟื้นกิจกรรมทางเศรษฐกิจไปสู่ระดับเดิมก่อนการแพร่ระบาดเมื่อปี 2562 โดยดัชนีจีดีพีของไทยเพิ่งกลับสู่ช่วงก่อนโควิด-19 ได้เมื่อไตรมาสที่ 3/66 ขณะที่อินโดนีเซีย มาเลเซีย และฟิลิปปินส์ ต่างปรับตัวได้เร็วกว่า โดยกลับสู่ระดับปกติตั้งแต่ช่วงปี 2564-2565 แล้ว กลุ่มประเทศเหล่านี้ยังสามารถรักษาทิศทางการเติบโตที่สูงกว่าไทยได้อย่างต่อเนื่อง ขณะที่ไทยฟื้นตัวได้อย่างจำกัด ปัจจัยสำคัญมาจากการพึ่งพาภาคเศรษฐกิจต่างประเทศ ทั้งการท่องเที่ยวของนักเดินทางชาวต่างชาติและการส่งออกสินค้าไปยังประเทศต่างๆ ซึ่งต้องเผชิญแรงกดดันจากปัญหาด้านภูมิรัฐศาสตร์และความผันผวนทางเศรษฐกิจของประเทศคู่ค้า เช่น การฟื้นตัวที่เปราะบางของจีนส่งผลกระทบต่อกำลังซื้อ อีกทั้งจีนยังจำเป็นต้องส่งออกสินค้าราคาถูกไปตีตลาดในหลายประเทศรวมถึงไทย นอกจากนี้ การส่งออกสินค้าไทยหลายรายการเผชิญปัญหาเชิงโครงสร้างและสูญเสียความสามารถในการแข่งขัน ปัจจัยเหล่านี้ยังกระทบต่อภาคการผลิตโดยเฉพาะผู้ประกอบการรายย่อยที่ยังอ่อนแอ เศรษฐกิจไทยจึงทยอยฟื้นตัวอย่างจำกัดและมีแนวโน้มเติบโตได้ช้ากว่าหลายประเทศในภูมิภาค

 

5716 KT Compass04

 

 

5716

Click Donate Support Web 

SME720x100 2024

Banner GPF720x100 PX

CKPower 720x100

EXIM One 720x90 C JMTL 720x100

QIC 720x100

TOA 720x100

วิริยะ 720x100

AXA 720 x100

aia 720 x100

BKI 720 x 100

kbank 720x100 66

ธกส 720x100PTG 720x100

ใจฟู720x100px

AXA 720 x100 

กลุ่มธุรกิจอีฟิน ผนึก เอเบิล แอนด์ พริมพ์ตัน ลงน...
CIBA DPU จับมือ ออมสิน เปิดโครงการ ‘ออมสินยุวพัฒ...
การประชุมเจรจาความตกลงการค้าเสรีระหว่างสหภาพยุโร...
SET Note ฉบับที่ 3/2568 ‘ส่องพฤติกรรมการถือครองห...
ตลาดหลักทรัพย์ไลฟ์เอ็กซ์เช้นจ์หนุนธุรกิจ New S C...

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!

MAXBIT ขอใบอนุญาตขยายธุรกิจเพิ่ม เพิ่มทุน 300 ล้านเป็น 500 ล้านบาท
MAXBIT ขอใบอนุญาตขยายธุรกิจเพิ่ม เพิ่มทุน 300 ล้านเป็น 500 ล้านบาท ชูกลยุทธ์ปี 68 ประกาศเพิ่มทุนจาก 300 ล้านบาท เป็น 500 ล้านบาท เพื่อขอใบอนุญาติข...

Read more

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองไทยโดน Reciprocal Tariff ที่ 37% สร้างความเสี่ยง GDP หายไป 1.0% ทำส่งออกสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ ยานยนต์ และเกษตรหดตัว แต่ยังขึ้นกับผลการเจรจากับสหรัฐฯ
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองไทยโดน Reciprocal Tariff ที่ 37% สร้างความเสี่ยง GDP หายไป 1.0% ทำส่งออกสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ ยานยนต์ และเกษตรหดตัว แต่ยังขึ้นก...

Read more

กลุ่มธุรกิจอีฟิน ผนึก เอเบิล แอนด์ พริมพ์ตัน ลงนาม MOU ยกระดับบริการ IR และ Legal Advisory แบบครบวงจรสู่บริษัทจดทะเบียนไทย
กลุ่มธุรกิจอีฟิน ผนึก เอเบิล แอนด์ พริมพ์ตัน ลงนาม MOU ยกระดับบริการ IR และ Legal Advisory แบบครบวงจรสู่บริษัทจดทะเบียนไทย       &nb...

Read more

CIBA DPU จับมือ ออมสิน เปิดโครงการ ‘ออมสินยุวพัฒน์รักษ์ถิ่น 2568’ ปีที่ 7 หนุนนักศึกษาลงพื้นที่ นนทบุรี-นครปฐม พลิกโฉมผลิตภัณฑ์ชุมชน สร้างความยั่งยืนทางเศรษฐกิจฐานราก
CIBA DPU จับมือ ออมสิน เปิดโครงการ ‘ออมสินยุวพัฒน์รักษ์ถิ่น 2568’ ปีที่ 7 หนุนนักศึกษาลงพื้นที่ นนทบุรี-นครปฐม พลิกโฉมผลิตภัณฑ์ชุมชน สร้างความยั่งยื...

Read more

การประชุมเจรจาความตกลงการค้าเสรีระหว่างสหภาพยุโรปและไทย รอบที่ 5 (EU - Thailand Free Trade Agreement : FTA 5th round of negotiations)
การประชุมเจรจาความตกลงการค้าเสรีระหว่างสหภาพยุโรปและไทย รอบที่ 5 (EU - Thailand Free Trade Agreement : FTA 5th round of negotiations) ในบทรัฐวิสาหกิ...

Read more