WORLD7

BANPU2024

smed PIONEER 720x100

Crypto Crypto

4217 Cryptomind Investment Forum

‘Cryptomind Investment Outlook 2023’ เจาะลึกตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลไทย จับโอกาสธุรกิจและเทรนด์การลงทุน ท่ามกลางวิกฤตความเชื่อมั่นธนาคาร

          ปัจจุบันตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลในประเทศไทยกำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว เนื่องจากการเจริญเติบโต ของเทคโนโลยีและการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภค ทำให้ผู้ลงทุนและธุรกิจต่างมองหาโอกาสใน การเข้าสู่ตลาดดังกล่าว นักลงทุนหรือผู้ประกอบการที่สนใจในการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลควรศึกษาข้อมูล และวิเคราะห์ตลาดอย่างละเอียด รวมถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นในการลงทุน และควรมีการจัดการความ เสี่ยงเพื่อลดความเสี่ยงในการลงทุน

          บริษัท คริปโตมายด์ กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จํากัด ผู้ประกอบธุรกิจให้คำปรึกษาด้านบล็อกเชนและการ ลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัล ประกอบไปด้วย บริษัท เมอร์เคิล แคปปิตอล จำกัด ผู้จัดการเงินทุนสินทรัพย์ ดิจิทัลที่ได้รับใบอนุญาตเป็นจากสำนักงาน ก.ล.ต. และ บริษัท คริปโตมายด์ แอดไวเซอรี่ จำกัด บริการ ที่ปรึกษาสินทรัพย์ดิจิทัลแห่งแรกของไทยอย่างเป็นทางการภายในการกำกับดูแลของ ก.ล.ต. จัดงาน “Cryptomind Investment Outlook 2023” เพื่อแลกเปลี่ยนมุมมองเกี่ยวกับตลาดสินทรัพย์ดิจิทัล ทั้งในแง่ ของวิธีจับโอกาสในการลงทุน รวมทั้งเจาะลึกเทรนด์ที่มีอนาคต วิเคราะห์ร่วมกับสถานการณ์ปัจจุบันของ ตลาดการเงินโลก ในช่วงเวลาที่ธนาคารและตลาดทั่วโลกกำลังเผชิญกับวิกฤตความไม่แน่นอนทางการเงิน พร้อมวิธีกระจายความเสี่ยงอย่างมีประสิทธิภาพและวิธีสร้างผลตอบแทนอย่างยั่งยืน 

          นายสัญชัย ปอปลี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท คริปโตมายด์ แอดไวเซอรี่ จำกัด กล่าวว่าปัจจุบันโอกาสสำหรับธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลในประเทศไทย มีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง คนไทยมี ความสนใจในสินทรัพย์ดิจิทัล มากขึ้นเรื่อยๆ และมีความรู้ความเข้าใจที่มากขึ้น นอกจากนี้ ประเทศไทยมี กฎหมายที่สนับสนุนธุรกิจด้านสินทรัพย์ดิจิทัล มีหน่วยงานออกกฎหมายเกี่ยวกับการประกอบธุรกิจ สินทรัพย์ดิจิทัลพร้อมจะรับฟังและปรับปรุง ให้ผู้ประกอบธุรกิจและประชาชนได้ประโยชน์ ซึ่งคาดว่าจะช่วย ส่งเสริมธุรกิจมากขึ้นในอนาคต 

          นอกจากนี้ประเทศไทยยังมี Crypto Ecosystem ที่ครบถ้วน คอยซัพพอร์ทตั้งแต่ Exchange, ICO Portal, Broker, Dealer, Fund Manager, Advisory, DeFi, NFT, GameFi, Metaverse, Media, Community, KOL, Miner, Software House, VC, Accelerator ครอบคลุมอุตสาหกรรมบล็อกเชน อีกทั้งมี ช่องทางต่างๆ ในการโปรโมทธุรกิจประเทศไทยทั้ง Media และ Influencer ให้เลือกได้หลากหลาย

          จากงาน Blockchain Thailand Week ที่จัดขึ้นในปีที่ผ่านมา จากผู้เข้าร่วมงานกว่า 5,000 คน พิสูจน์ได้ว่าคนไทยให้ความสนใจในคริปโทเคอร์เรนซีมากขึ้น ถือเป็น Blockchain Week ที่ใหญ่เป็นอันดับ ต้นๆ ของ SEA โดย Cryptomind กำลังผลักดันให้ประเทศไทยเป็น Digital Asset Hub in SEA และกำลัง ได้รับความสนใจจากต่างชาติมากขึ้นเรื่อยๆ ถือเป็นโอกาสที่ดีสำหรับบริษัททั้งในและต่างชาติที่จะสร้าง ความสัมพันธ์เพื่อผลักดันธุรกิจด้านสินทรัพย์ดิจิทัลร่วมกันผ่านกิจกรรมต่างๆ ที่เตรียมจัดขึ้นมากมายใน ปีนี้ ทั้งยังมีหน่วยงานเอกชนที่ร่วมช่วยผลักดันให้ประเทศไทยเป็น Digital Asset Hub in SEA เป็น ประโยชน์ต่อธุรกิจได้เพิ่มในอนาคต

          นายพีรพัฒน์ หาญคงแก้ว ประธานเจ้าหน้าที่แนะนำการลงทุน บริษัท คริปโตมายด์ แอดไวเซอรี่ จำกัด กล่าวเสริมว่า ในปีนี้เป็นปีที่น่าสนใจสำหรับการลงทุนในตลาดคริปโทเคอร์เรนซี โดย เฉพาะอย่างยิ่ง “บิตคอยน์ (Bitcoin)” ที่มีแนวโน้มที่ดีอย่างเห็นได้ชัด เพราะโดยดั้งเดิมแล้ว บิตคอยน์ ถือ เป็นสินทรัพย์เสี่ยงที่มักจะได้รับผลกระทบไปในทางเดียวกับกับตลาด Macro แต่หลังจากวิกฤตความเชื่อ มั่นของธนาคารทำให้เกิดแรงหนุนในเชิงจิตวิทยาทำให้เป็นครั้งแรกที่บิตคอยน์ ได้พิสูจน์ตัวเองตามจุด ประสงค์ในการกำเนิดที่ต้องการเป็นระบบทางการเงินทางเลือก ส่งผลให้เกิดสภาวะที่ราคาบิตคอยน์วิ่งใน ทางตรงกันข้ามกับตลาด และถึงหากเราพิจารณาถึงมุมมองเดิมที่บิตคอยน์เป็นสินทรัพย์เสี่ยง การที่สหรัฐ ทำการอัดฉีดเงินเข้าในตลาด จะส่งผลเชิงบวกต่อสินทรัพย์เสี่ยงเช่นเดียวกัน 

          โดยปัจจุบันตลาด Cryptocurrency ยังอยู่ในภาวะตลาดหมี (Bear Market) แต่อาจจะเรียกได้ว่า เราผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วจาก Oversold Signal ในช่วงปลายปี 2022 ในขณะที่ดัชนีค่า MVRV ของ Bitcoin ยังอยู่ที่ 1.12 ซึ่งยังเป็นค่าที่ต่ำอยู่ จากการคาดการณ์เราคาดว่าในปีนี้เราจะยังไม่เข้าสู่ตลาดกระทิง แต่จะเป็นการค่อยๆ ไต่ระดับของ Bitcoin Dominance ในตลาดระยะยาวไปจนกว่าดัชนีจะอยู่ที่ ระดับ 60% จึงอาจจะเข้าสู่ตลาดกระทิงได้

          ในแง่การพัฒนาการต่างๆ ในทุกๆ Sector ก็น่าจับตามองโดยเฉพาะการพัฒนาและอัพเกรดของ Ethereum ที่สร้างรายได้จนเข้าสู่ Defationary ตลาด GameFi ที่แม้จะซบเซามากที่สุดในปีที่ผ่านมาแต่ กลับมีเงินลงทุนเยอะที่สุดในปีที่ผ่านมาเช่นเดียวกัน และสุดท้ายคือการ Tokenization ที่ได้มีการ นำพันธบัตรสหรัฐมาทำเป็น Token ในโครงการ Ondo Finance ที่ได้รับการสนับสนุนจากกองทุน Blackrock

          นายมานะ คานิโยว Head of Commercial & Investment Consultant บริษัท เมอร์เคิล แคปปิตอล จำกัด กล่าวเพิ่มเติมว่า สินทรัพย์ดิจิทัลถือเป็นเทคโนโลยีที่มีศักยภาพที่จะกลายเป็นสินทรัพย์ ประเภทใหม่ และยังมีมูลค่าตลาดโดยรวมที่ค่อนข้างเล็กหากเปรียบเทียบกับตลาดอื่นที่มีอยู่ จึงมีโอกาส เติบโตค่อนข้างมาก ซึ่งเมื่อพัฒนาการของธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลเติบโตและมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ความรู้ความเข้าใจ จึงมีความจำเป็นเพื่อลดความเสี่ยงในการลงทุน

          การลงทุนในสินทรัพย์ทางเลือกเพื่อให้ได้กำไรอย่างยั่งยืน จึงต้องอาศัยผู้เชี่ยวชาญ เพื่อบริหารและ กระจายความเสี่ยง (Rebalancing & Risk Management) กลยุทธ์การลงทุนอำนวยความสะดวกและ ความปลอดภัยให้แก่ผู้ใช้งาน ป้องกันรหัสสูญหายหรือถูกแฮ็กจากการโอนสินทรัพย์ดิจิทัลที่ผิดพลาด โดน Scam หรือ Phishing จากเว็บปลอมออนไลน์ หรือรับรู้ข่าวสารที่เป็นอันตรายต่อพอร์ตอย่างล่าช้า เช่น กรณี FTX ล่มสลายทำให้ไม่สามารถถอนเงินออกมาได้ทัน

          การลงทุนโดยผู้เชี่ยวชาญและทีมงานมืออาชีพที่ได้รับใบอนุญาตผู้จัดการเงินทุนสินทรัพย์ดิจิทัล (Digital Asset Fund Manager) มีการรักษาความปลอดภัยของสินทรัพย์ดิจิทัลด้วยมาตรฐานสากล จะช่วยเพิ่มความปลอดภัยและโอกาสสร้างผลตอบแทนที่สูงขึ้นซึ่ง Merkle’s Investment Framework มีกระบวนการคัดเลือกเหรียญเพื่อการลงทุนที่เข้มงวด และกลยุทธ์การลงทุนที่หลากหลาย ที่กำหนดขึ้นโดย ผู้เชี่ยวชาญของบริษัทซึ่งมีประสบการณ์ยาวนานในวงการสินทรัพย์ดิจิทัลตอบโจทย์นักลงทุนได้อย่างครอบคลุม

 

**คริปโทเคอร์เรนซีและโทเคนดิจิทัลมีความเสี่ยงสูง ท่านอาจสูญเสียเงินลงทุนได้ทั้งจำนวน โปรดศึกษาและลงทุนให้เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้

 

 

A4217

Click Donate Support Web  

kasat 720x100

QIC 720x100

วิริยะ 720x100

AXA 720 x100

aia 720 x100

BKI 720 x 100

PTG 720x100ais 720x100 

61035 Cryptomind

‘Cryptomind Mid-year Investment Forum’ เปิดทิศทางการลงทุนครึ่งปีหลัง 2566 รับ Bitcoin Halving และความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก

          ในปี 2566 ตลาดคริปโทเคอร์เรนซีทั่วโลกยังคงอยู่ในภาวะที่มีความผันผวนค่อนข้างมาก และด้วยภาวะอัตราดอกเบี้ยขาขึ้นทั่วโลก ก็เป็นปัจจัยสำคัญที่กระทบต่อสินทรัพย์ดิจิทัล อย่างไรก็ตาม แม้ว่าภาพรวมตลาดยังเห็นภาพความไม่แน่นอน แต่ในด้านเทคโนโลยีนั้นเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว จึงมีพัฒนาการของสินทรัพย์ดิจิทัลออกมาอย่างต่อเนื่อง 

          บริษัท คริปโตมายด์ กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จํากัด ผู้ประกอบธุรกิจให้คำปรึกษาด้านบล็อกเชนและการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัล ประกอบไปด้วย บริษัท เมอร์เคิล แคปปิตอล จำกัด ผู้จัดการเงินทุนสินทรัพย์ดิจิทัลที่ได้รับใบอนุญาตจากสำนักงาน ก.ล.ต. และ บริษัท คริปโตมายด์ แอดไวเซอรี่ จำกัด บริการที่ปรึกษาสินทรัพย์ดิจิทัลแห่งแรกของไทยอย่างเป็นทางการ ภายใต้การกำกับดูแลของ ก.ล.ต. 

          การจัดงาน “Cryptomind Mid-year Investment Forum” เปิดทิศทางการลงทุนครึ่งปีหลัง 2566 รับ Bitcoin Halving และความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก เพื่อให้ข้อมูลเกี่ยวกับตลาดสินทรัพย์ดิจิทัล กุญแจไขวิธีหาโอกาสในการลงทุน วิเคราะห์ร่วมกับสถานการณ์ปัจจุบันของตลาดการเงินโลก รวมถึงวิธีกระจายความเสี่ยงอย่างมีประสิทธิภาพ และวิธีสร้างผลตอบแทนอย่างยั่งยืน ผ่านมุมมองของผู้เชี่ยวชาญ โดยมุ่งหวังให้นักลงทุนผู้เข้าร่วมได้รับประโยชน์ และสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในการวางแผนจัดพอร์ต และการกระจายความเสี่ยงได้อย่างมั่นใจ 

          นายสัญชัย ปอปลี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท คริปโตมายด์ แอดไวเซอรี่ จำกัด เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดคริปโทฯ ได้รับความนิยมและความสนใจจากนักลงทุนในประเทศไทยเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลมีลักษณะที่น่าสนใจและมีโอกาสในการลงทุนที่มากกว่าสกุลเงินอื่นๆ

          ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา มีการเติบโตของตลาดคริปโทฯ อย่างรวดเร็ว โดยผู้คนในประเทศไทยมีการรับรู้ถึงความเป็นมาของเทคโนโลยีบล็อกเชนและการใช้งานคริปโทฯ มากขึ้นและขยายตัวในวงกว้าง ส่งผลให้แนวโน้มของสินทรัพย์เกิดใหม่เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว อีกทั้งมีแหล่งให้ศึกษาหาความรู้ และมีองค์กรที่สนับสนุนคริปโทฯ และเทคโนโลยีบล็อกเชนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ดังนั้น การลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลจึงควรให้ความสำคัญกับการศึกษาและการทำความเข้าใจในเทคโนโลยีและโครงสร้างพื้นฐาน รวมถึงการวิเคราะห์ตลาดและการติดตามข่าวสารที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิด

          ด้านนายพีรพัฒน์ หาญคงแก้ว ประธานเจ้าหน้าที่ด้านการลงทุน บริษัท คริปโตมายด์ แอดไวเซอรี่ จำกัด กล่าวเสริมว่า ทิศทางการลงทุนช่วงครึ่งปีหลัง 2566 นั้นมีท่าทีที่ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เพราะท่าทีของอเมริกาที่แม้ว่าทาง SEC จะมีการฟ้อง Coinbase และ Binance US แต่ในแวดวงผู้ประกอบการกลับมีทิศทางตรงกันข้าม ซึ่งลงท้ายด้วยการที่สถาบันการเงินจำนวนมากโดยเฉพาะ BlackRock ที่ทำการยื่นขอ SPOT Bitcoin ETF นั้นมี AUM มากกว่ามูลค่าตลาด Cryptocurrency ถึง 9 เท่า การแบ่งสัดส่วนเงินที่บริหารเพียงน้อยนิดเข้าสู่ตลาดคริปโทฯ ก็เพียงพอให้ตลาด Crypto นั้นมีเม็ดเงินไหลเวียนเพิ่มขึ้นมหาศาล ยังไม่นับรวมสถาบันการเงินอื่นๆ ที่ทำการยื่นขอใบอนุมัติ SPOT Bitcoin ETF เช่นกัน และถึงแม้ว่าจะเป็นเพียงการยื่นขอใบอนุญาต ก็ทำให้เกิดทิศทางบวกต่อตลาดมากแล้ว ในขณะเดียวกัน ฮ่องกงได้ประกาศการกำกับดูแลในการเป็น “Crypto Hub” ตามด้วยยุโรปที่มีการประกาศว่าจะมีการกำกับดูแลในปี 2024 นั้น เป็นการกดดันอเมริกาอยู่มากพอควร อย่างไรก็ตามในแง่ของปัจจัยเชิงลบนั้นสถานการณ์เงินเฟ้อยังต้องติดตามต่อไป เพราะตราบใดที่เงินเฟ้อไม่ลดก็จะยังมีแรงกดดันต่อตลาดอยู่ต่อเนื่อง 

          นายมานะ คานิโยว หัวหน้าฝ่ายบริหารงานขาย และพัฒนาผลิตภัณฑ์การลงทุน บริษัท เมอร์เคิล แคปปิตอล จำกัด กล่าวถึงการลงทุนในคริปโทฯ ช่วงดอกเบี้ยอยู่ในจุดพีคว่า เงินเฟ้อยังเป็นปัจจัยหลักในการตัดสินใจขึ้นดอกเบี้ยซึ่งมองว่า “เราอยู่ในจุดซื้อที่เหมาะสม” หากพิจารณาจาก Business cycle

          เสริมมุมมองเกี่ยวกับ BTC Halving ในปี 2567 ว่า Bitcoin Halving จะเกิดขึ้นและรางวัลสำหรับการขุด Bitcoin จะลดลงครึ่งหนึ่งในเชิงสถิติ ซึ่งเหตุการณ์ Bitcoin Halving ที่ผ่านมานำไปสู่ตลาดขาขึ้นของ Bitcoin ทั้งนี้ Products ใหม่ถูกสร้างขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง ท่ามกลางความผันผวนของตลาด นอกจากนี้ การลงทุนควบคู่กันไประหว่างการลงทุนในหุ้น และคริปโทฯ มีโอกาสได้ผลตอบแทนที่สูงกว่า ซึ่งควบคู่กับความเสี่ยงที่สูงเช่นเดียวกัน ดังนั้น เพื่อให้ได้กำไรอย่างยั่งยืน จึงต้องอาศัยผู้เชี่ยวชาญให้ความรู้และคำแนะนำในการกระจายความเสี่ยง เพิ่มความปลอดภัยและโอกาสสร้างผลตอบแทนที่สูงขึ้น

 

**คริปโทเคอร์เรนซีและโทเคนดิจิทัลมีความเสี่ยงสูง ท่านอาจสูญเสียเงินลงทุนได้ทั้งจำนวน โปรดศึกษาและลงทุนให้เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้

 

Cryptomind Forum 2023 - Session 1.pdf

Cryptomind Forum 2023 - Session 2.pdf

 

 

A61035

Click Donate Support Web  

EXIM One 720x90 C J

วิริยะ 720x100

AXA 720 x100MTL 720x100

aia 720 x100

PTG 720x100TU720x100sme 720x100

BANPU 720x100

ธกส 720x100

ใจฟู720x100px

7270 Bitcast FTX

Bitcast อัพเดทคดี FTX เจ้าหนี้บางส่วนได้รับเงินคืนแล้ว

          อดีตกระดานซื้อขายคริปโทเคอร์เรนซีอันดับต้นของโลก สร้างความเสียหายให้กับนักลงทุนจำนวนมาก โดยมีสาเหตุมาจาก แซม แบงก์แมน-ฟรายด์ (Sam Bankman-Fried : SBF) อดีต CEO ของ FTX กระทำการฉ้อโกงทางการเงิน รวมถึง FTX โยกย้ายเงินทุนระหว่างบริษัทในเครืออย่างไม่เหมาะสม และลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูง ส่งผลให้นักลงทุนเริ่มกังวล เกิดแรงเทขายเหรียญ FTT อย่างหนัก ทำให้สภาพคล่องของ FTX ขาดแคลนไม่สามารถชำระหนี้ได้ และยื่นขอศาลล้มละลายเมื่อปลายปี 2022

          นายศุภกฤษฎ์ บุญสาตร์ ผู้ก่อตั้ง บริษัท ไทย บิทแคสต์ จํากัด และนายวรชาติ พิรุณรักษ์เจ้าของเพจ ‘เทรดได้กำไรดี’ ได้ร่วมพูดคุยและอัพเดทสถานการณ์ปัจจุบันของคดี FTX รายละเอียดดังนี้ 

          จากคดีดังกล่าวมีผู้เสียหายที่ไม่สามารถถอนเงินออกจาก FTX ได้รวมเป็นมูลค่ากว่า 8 Billions USD คิดเป็นเงินไทยประมาณ 35,000 ล้านบาท หลังจากนั้น FTX ว่าจ้างจอห์น เรย์ (John J. Ray III) มาบริหาร FTX ต่อ ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องการฟื้นฟูกิจการ ได้สืบหาสินทรัพย์ของ แซมและ FTX ว่ามีอยู่ที่ไหนบ้างและไปยึดคืนกลับมา

          หลังจากผ่านกระบวนการศาลร่วมปีกว่า ปัจจุบัน FTX ประกาศว่ามีเงินที่พร้อมจะคืนเจ้าหนี้รวม 8 Billions USD เป็นการตีมูลค่าสินทรัพย์ ณ วันที่ 11 พฤศจิกายน 2022 ซึ่งเป็นวันประกาศล้มละลาย โดยวันดังกล่าวราคา Bitcoin อยู่ที่ 15,000 USD 

โดยเงินที่จะนำมาชำระหนี้มาจากราคาสินทรัพย์ดิจิทัลพุ่งสูงขึ้น โดยมูลค่าของคริปโทฯ หลายสกุล รวมถึง Solana ที่เคยได้รับการสนับสนุนจากแซม มีราคาเพิ่มขึ้นอย่างมาก ส่งผลให้ FTX มีสินทรัพย์เพิ่มขึ้นด้วย นอกจากนี้ FTX ยังขายสินทรัพย์ประเภทอื่นๆ อีกหลายสิบรายการ รวมถึงโครงการร่วมลงทุนต่างๆ เช่น การขายหุ้นในบริษัทปัญญาประดิษฐ์ Anthropic ที่ FTX ร่วมลงทุน รวมได้เงินกลับคืนมาทั้งหมด 16,000 Billions USD

          ทั้งนี้ ศาลมีคำประกาศว่า FTX จะคืนเงินให้เราจำนวน 109% ถ้ามูลค่าหนี้มากกว่า 50,000 ดอลลาร์ และ 118% ถ้าน้อยกว่านั้น รวมไปถึงปัจจุบันมีข่าวว่า IRS จะได้เงินจำนวน 200 ล้านดอลลาร์ จาก FTX เพื่อเป็น Settlement Tax ให้กับเจ้าหนี้ที่เป็นคนต่างชาติ (Non-Residence USA) ซึ่งทำให้มีเจ้าหนี้หลายคนไม่พอใจ ที่ FTX รวบรวมเงินได้ 2 เท่า แต่จะจ่ายคืนให้ 100% พร้อมดอกเบี้ยนิดหน่อย แต่บางส่วนที่ตีเป็นหนี้สูญแล้วก็คิดว่า ดีกว่าไม่ได้อะไรกลับคืนมาเลย

          นอกจากนี้ การคืนเงินของ FTX ประกาศว่าจะคืนเป็น USD ซึ่งหากไม่โดน Tax จากฝั่งอเมริกา แต่ก็อาจจะโดน Tax ที่ประเทศไทย ตอนนี้เจ้าหนี้บางส่วนจึงรวมตัวกันขอให้ศาลคืนเป็น Stable coin เพื่อที่จะได้วางแผนบริหารภาษีได้ 

          และเมื่อศาลตัดสินให้ FTX ชำระเงินคืนเจ้าหนี้แล้ว ก็เกิดมีบริษัทรับซื้อหนี้ ซึ่งมีบริษัทที่เชื่อถือได้ประมาณ 4 ราย เป็นทางเลือกให้กับเจ้าหนี้ที่ไม่อยากรอกระบวนการศาลจนจบ ซึ่งผู้ที่จะขอเคลมได้ ต้องเคยยื่นเรื่องว่าเป็นเจ้าหนี้ของ FTX ผ่าน Kroll หรือที่ PWC ก่อน อย่างไรก็ตาม วงในก็มีข่าวออกมาว่า สำหรับเจ้าหนี้ที่มียอดเกิน 1 ล้านดอลลาร์ ขึ้นไป มีโอกาสที่จะได้รับคืนสูงสุดจาก FTX ประมาณ 145% ซึ่งเจ้าหนี้สามารถพิจารณาว่าจะรอรับตรงจาก Kroll หรือตัดสินใจขายให้กับผู้รับซื้อหนี้

 

 

7270

Click Donate Support Web 

SME720x100 2024

Banner GPF720x100 PX

CKPower 720x100

EXIM One 720x90 C JMTL 720x100

QIC 720x100

TOA 720x100

วิริยะ 720x100

AXA 720 x100

aia 720 x100

BKI 720 x 100

kbank 720x100 66

ธกส 720x100PTG 720x100

ใจฟู720x100px

AXA 720 x100 

3087 CryptoMeetup

‘ถ้าเราจะแฮ็กกระเป๋าเงินดิจิทัล (Wallet) ด้วยซูเปอร์คอมพิวเตอร์ จะต้องใช้เวลานานเท่าไหร่กันนะ ?!?’

          กระเป๋าเงินดิจิทัล (Digital Wallet) คือที่เก็บคีย์ส่วนตัวที่จำเป็นในการเข้าถึงและจัดการสินทรัพย์ดิจิทัลอย่างบิตคอยน์ และเนื่องจากมูลค่าของบิตคอยน์มีการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องตลอดหลายปีที่ผ่านมา ความปลอดภัยของกระเป๋าเงินเหล่านี้จึงมีความสำคัญมากขึ้น 

          หนึ่งในข้อกังวลที่ใหญ่ที่สุดสำหรับผู้ถือครองบิตคอยน์คือ โอกาสที่กระเป๋าเงินจะถูกแฮ็ก!! 

          แล้วถ้าใช้ซูเปอร์คอมพิวเตอร์แฮ็กกระเป๋าเงินดิจิทัล ทำได้ไหม? ใช้เวลาเท่าไร?

          หากคำนวณจากซูเปอร์คอมพิวเตอร์ที่เร็วที่สุดในโลก ณ ปี 2021 คือ “Fugaku” ซึ่งพัฒนาโดยริเก้น (RIKEN) และ ฟูจิตสึ (Fujitsu) ประเทศญี่ปุ่น มีประสิทธิภาพสูงสุดทางทฤษฎีที่ 1 เอ็กซาฟล็อป ซึ่งหมายความว่าสามารถดำเนินการกับจุดลอยตัวได้หนึ่งล้านล้านต่อวินาที นั่นคือ Fugaku เร็วกว่าซูเปอร์คอมพิวเตอร์ที่เร็วที่สุดในปี 2010 ถึง 100 เท่า

          แม้จะมีพลังการประมวลผลที่เหลือเชื่อ แต่การแฮ็กกระเป๋าเงินดิจิทัลนั้นไม่ง่ายเหมือนการคำนวณ เพราะความปลอดภัยของกระเป๋าเงิน ขึ้นอยู่กับความแข็งแกร่งของคีย์ส่วนตัว (Private Key) ซึ่งสร้างขึ้นโดยใช้อัลกอริทึม (Algorithm) ทางคณิตศาสตร์ที่ซับซ้อน ซึ่งความยาวและความซับซ้อนของ Private Key จะเป็นปัจจัยสำคัญในการกำหนดระยะเวลาที่จะแฮ็กกระเป๋าเงิน

          ด้วยสมมุติฐานที่ Private Key ถูกสร้างขึ้นแบบสุ่มและไม่มีจุดอ่อนที่สามารถใช้ประโยชน์ได้ และสมมุติว่า Fugaku สามารถทดสอบคีย์ส่วนตัวได้ 100 ล้านล้านคีย์ต่อวินาที ซึ่งเป็นการประมาณการในแง่ดี ก็จะยังคงใช้เวลาประมาณ 13,800 ล้านปี

          นางสาวฟรานเชสก้า รุสโซ่ ผู้ก่อตั้ง Crypto Meetup Thailand คอมมูนิตี้ที่ส่งเสริมการเรียนรู้ด้านคริปโทเคอร์เรนซี (Cryptocurrency) อยากเป็นอีกหนึ่งช่องทางที่ชักชวนให้คนที่ถือครองสินทรัพย์ดิจิทัลหันมาเก็บ Digital Asset ของตนไว้ใน Wallet ไม่เพียงแค่บิตคอยน์เท่านั้น เหรียญใดๆ ก็สามารถเก็บใน Wallet ได้ นักลงทุนสายคริปโทฯ ควรเรียนรู้วิธีการใช้งาน Wallet ให้คล่อง ไม่ควรเก็บสินทรัพย์ดิจิทัลทั้งหมดไว้บน Exchange ตามคำกล่าวที่ว่า “ไม่ควรเก็บไข่ไว้ในตะกร้าใบเดียว” 

          อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันกระเป๋าเงินดิจิทัลยังคงเป็นวิธีจัดเก็บสินทรัพย์ดิจิทัลที่ค่อนข้างปลอดภัย และในโลกคริปโทฯ เองก็ยังมีผู้ให้บริการรับฝากสินทรัพย์ดิจิทัลอีกมากมายให้เลือกใช้ (Custody) แต่ “ผู้ให้บริการกระเป๋าสินทรัพย์ดิจิทัลที่รับฝากสินทรัพย์ดิจิทัล” (Digital Asset Custodial Wallet Provider) ที่ได้รับการรับรองจากสำนักงาน ก.ล.ต. ในประเทศไทยยังไม่มี!! ดังนั้นการเก็บรักษาสินทรัพย์ดิจิทัลของตนเอง ด้วยตนเองก็ยังคงเป็นวิธีที่ปลอดภัยที่สุด...

 

 

A3087

Click Donate Support Web  

kasat 720x100

QIC 720x100

วิริยะ 720x100

AXA 720 x100

aia 720 x100

BKI 720 x 100

PTG 720x100ais 720x100 

3565 Bitcast01

Bitcast แนะเก็บคริปโทฯ อย่างไรให้ปลอดภัย ในยุค Bull Run

          ในภาวะตลาดขาขึ้น (Bull Run) ของคริปโทเคอร์เรนซี (Cryptocurrency) ราคาเหรียญมักพุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ดึงดูดนักลงทุนทั้งหน้าเก่าและหน้าใหม่ให้เข้ามาลงทุนในตลาดคริปโทฯ มากขึ้น ในขณะที่ ราคาคริปโทฯ ก็ดึงดูเหล่ามิจฉาชีพให้เข้ามาเพิ่มมากขึ้นด้วย นอกจากการเรื่องศึกษาข้อมูล เข้าใจความเสี่ยง เลือกกลยุทธ์ที่เหมาะสม และลงทุนอย่างมีสติแล้ว การเก็บรักษาสินทรัพย์และความตระหนักในการใช้งานก็เป็นเรื่องที่สำคัญ 

          นายศุภกฤษฎ์ บุญสาตร์ ผู้ก่อตั้ง บริษัท ไทย บิทแคสต์ จํากัด กล่าวว่า การเก็บรักษาคริปโทฯ มักมีปัญหาหลายประการ และเป็นอุปสรรคที่ทำให้การพัฒนาคริปโทฯ เกิดการใช้งานอย่างแพร่หลายได้ค่อนข้างช้า แบ่งออกได้เป็น 3 ประเภทหลักๆ ดังนี้

          1. ปัญหาด้านความตระหนัก ปัญหานี้เป็นปัญหาหลักของพัฒนาการในการใช้งานคริปโทฯ เลยทีเดียว เนื่องจากคนส่วนใหญ่คุ้นชินกับการพึ่งพาบริการจากผู้ให้บริการในชีวิตจริง หากเกิดความเสียหายมีคนพร้อมช่วยเหลือ และสามารถกู้คือหรือย้อนธุรกรรมกลับได้ แต่วิธีคิดนี้ใช้กับบริการทางด้านการเงินออนไลน์ในยุคนี้ไม่ได้เลย ยิ่งถ้าเป็นธุรกรรมบนโลกคริปโทฯ การย้อนธุรกรรมเป็นเรื่องที่ทำไม่ได้ หากถูกโจรกรรมแล้วจะไม่สามารถดึงเงินกลับได้ ความตระหนักจึงเป็นวิธีการป้องกันที่ถูกและมีประสิทธิ ภาพที่ดีที่สุดอันนึง

          2. ปัญหาด้านเความรู้คริปโทฯ โดยพื้นฐานคริปโทฯ อาจฟังดูยุ่งยาก แต่จริงๆ แล้วสิ่งที่ผู้ใข้ควรรู้ มีแค่เรื่องการแสดงความเป็นเจ้าของ ในโลกของคริปโทฯ คนใช้ทั่วๆ ไปรู้แต่ว่าเราครอบครองเหรียญ เห็นเหรียญแสดงในกระเป๋า แต่ไม่ได้เข้าใจจริงๆ การครอบครองนั้นพิสูจน์ด้วยอะไร 

          ถ้าเราเข้าใจเรื่องการพิสูจน์ความเป็นเจ้าของเราก็จะรู้ว่าแท้จริงแล้วสิ่งที่ต้องปกป้องไม่ใช่สินทรัพย์ แต่เป็นการปกป้องสิ่งที่เราบอกระบบว่าเราเป็นเจ้าของ ซึ่งสิ่งนั้นเรียกว่า Private Key นั่นเอง เพราะ คริปโทฯ นั้นปลอดภัยอยู่แล้วในระบบตามกฏของมันซึ่งเก็บอยู่บน Blockchain ที่เรียกได้ว่าเป็นไปไม่ได้เลย ที่จะไป Hack ออกมาได้ ดังนั้นจุดที่ Hacker จะโจมตี หรือพยายามโจรกรรมก็คือ Private Key เพราะถ้าได้ Private Key ไป Hacker จะพิสูจน์ต่อระบบได้เว่าเค้าเป็นเจ้าของสินทรัพย์นั้นๆ ทำอะไรกับมันก็ได้

          นอกจากนี้ยังมีผู้ใช้ยังไม่เข้าใจความต่างของการเก็บรักษาสินทรัพย์เองว่าเราสามารถทำได้ โดยไม่จำเป็นจะต้องพึ่งพา Exchange ซึ่งวัตถุประสงค์ของการที่ Exchange เกิดขึ้นมาเพื่อเป็นตลาดสำหรับแลกเปลี่ยน Bitcoin และ Digital Asset อื่นๆ แต่คนส่วนใหญ่ มองเป็นที่สำหรับเก็บ Bitcoin และ Digital Asset อื่นเพียงเพราะผู้ให้บริการมีทักษะมากกว่าผู้ใช้ทั่วๆ ไป ทั้งที่จริงแล้วต้นทุนในการเก็บเองรวมถึงความปลอดภัยเรียกได้ว่าอยู่ในระดับสูง หากเราเก็บเองเป็นตามกระบวนการ

          3. ปัญหาทางด้านเทคนิค เนื่องจากเทคโนโลยีเติบโตแบบก้าวกระโดด คนทั่วๆ ไปตามการเติบโตนี้ไม่ทัน แม้แต่คนที่อยู่ในอุตสาหกรรมหากไม่ได้ตามข่าวเพียงแค่เดือนเดียวหลายๆ อย่างก็ปรับเปลี่ยนไปหมดแล้ว เทคโนโลยีหรือเทคนิคการเขียนโปรแกรมถูกใส่เข้าในเพื่อป้องป้องความมั่งคั่งทางดิจิทัลของคุณอยู่ตลอดเวลา ในทางกลับกัน Hacker เองก็เรียนรู้ที่จะเจาะระบบ หาช่องโหว่ จุดอ่อนของผู้ใช้ ซึ่งผู้ใช้เอง ต้องมีการเรียนรู้ ปรับตัว หมั่นอัพเดตอย่างสม่ำเสมอ

 

3565 Bitcast02

 

          หากผู้ใช้เข้าใจองค์ประกอบหลักทั้งสามข้อนี้ ผมเชื่อว่าการเก็บรักษาสินทรัพย์จะเป็นเรื่องที่ง่าย และห่างไกลจาก Hacker แน่นอน ในปีที่ผ่านมามูลค่าความเสียหายที่เกิดจากการโจรกรรมทางไซเบอร์โดย เฉพาะที่เกี่ยวข้องกับคริปโทฯ นั้นมีมูลค่าสูงถึง 24,200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในขณะที่ปีนี้ทุกคนมองว่ามีความเป็นไปได้ที่จะอยู่ในช่วงตลาดกระทิง ปัจจัยหลักๆ ก็จะมาจากความต้องการของตลาดที่จะครอบครอง Bitcoin ผ่าน Spot Bitcoin ETF ประจวบกับการที่ปีนี้เป็นปีที่ Bitcoin จะมีการลดปริมาณการผลิต ลงครึ่งหนึ่งที่เรียกว่า Halving ที่จะเกิดขึ้นราวๆ ทุก 4 ปี แล้วถ้าเราแอบไปส่องดูปริมาณ Bitcoin ที่สำรองใน Exchange รวมกัน อยู่ในระดับที่ต่ำ มีการซื้อแล้วโอนออกไปเก็บทั้งนักลงทุนสถาบันและรายย่อยจนอยู่ในระดับที่ต่ำมาก ซึ่งถ้าลองจินตนาการ ถึงความต้องการตลาดที่ยังไม่รู้ว่าจะสิ้นสุดเมื่อไหร่ มาเจอกับปริมาณของที่มีอยู่อย่างจำกัดบน Exchange ซึ่งปัจจุบันมีการผลิตเติม Bitcoin เข้ามาประมาณ 900 Bitcoin ต่อวัน จะเหลือ 450 Bitcoin ต่อวัน นี่ยังไม่นับรวมเรื่องที่ Spot Ethereum ETF ที่ทุกคนหมาย มั่นปั้นมือว่าจะได้รับการอนุมัติในช่วงกลางปีนี้ จะเป็นปัจจัยที่ช่วยผลักดันมูลค่าในตลาดคริปโทได้อีกมากแค่ไหน ซึ่งในปีนี้กรอบราคากว้างๆ ถ้าดูตาม Linear regression fit มีความเป็นไปได้ที่จะถึง 100,000 ดอลลาร์ ในขณะที่ Resistance อยู่ที่ราวๆ 380,000 ดอลลาร์ ในขณะที่ Support อยู่ที่ 35,000 ดอลลาร์

          อย่างไรก็ตาม การขึ้นราคาของเหรียญในตลาดคริปโทนั้นย่อมทำให้ล่อตาล่อใจเหล่า Hacker เพราะต้นทุนในการโจรกรรมเท่าเดิมแต่ผลตอบแทนเพิ่มขึ้น ผนวกกับคนหน้าใหม่ที่สนใจจะเข้ามาในตลาดก็มากขึ้นด้วยทำให้ตัวเลขความเสียหายจากการโจมตีทางไซเบอร์เพิ่มขึ้นตามราคาของ Bitcoin และคริปโทอื่นๆ 

 

3565 Bitcast03

 

          Bitcast เข้าใจความต้องการของตลาด และเล็งเห็นว่าการเติบโตของตลาดจะยั่งยืนได้ผู้ใช้งานต้องมีความรู้ ความตระหนัก และมีเทคโนโลยีที่เหมาะสม ดังนั้นเราจึงได้คัดสรร Hardware Wallet Brand OneKey เข้ามาจัดจำหน่าย และ Bitcast ได้เป็นตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการในประเทศไทย และยังมุ่งมั่นให้ความรู้โดยไม่คิดค่าใช้จ่าย มีการจัด Workshop และ Meetup เป็นประจำ เพราะผมคิดว่าความรู้ไม่ควรถูกจำกัด ดังนั้นคนที่สนใจสามารถเข้ามาร่วมกิจกรรมกับเราได้โดยไม่มีข้อจำกัดใดๆ 

          และภายในปีนี้ทาง Bitcast จะมีบริการใหม่อย่างการรับจ้างกู้กระเป๋าคริปโทสำหรับผู้ที่มีปัญหาในการกู้คืนสินทรัพย์ที่ติดอยู่ในกระเป๋าแล้วไม่สามารถจัดการเองได้ รวมไปถึงบริการบุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคลต้องการโซลูชั่นในการเก็บรักษาสินทรัพย์ดิจิทัลอย่างปลอดภัย อย่างเช่น Multi-Sig Wallet เป็นต้นเพื่อการก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำด้านการให้คำปรึกษาและโซลูชั่นสำหรับเก็บรักษา Bitcoin และ Digital Asset ด้วยตนเอง 

 

 

3565

Click Donate Support Web 

SME 720x100 66

Banner GPF720x100 PX

CKPower 720x100

EXIM One 720x90 C J

MTL 720x100

QIC 720x100

AXA 720 x100aia 720 x100

BKI 720 x 100

kbank 720x100 66

SME 720x100 66

ธกส 720x100PTG 720x100

ใจฟู720x100px

gen 720x100

TOA 720x100

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!