WORLD7

BANPU2024

smed PIONEER 720x100

 

 

MTI 720x100

 

 

6727 Cryptomind

Cryptomind Advisory วิเคราะห์ภาพรวมตลาดคริปโทฯ ครึ่งปีหลัง 2024 รอปรับฐาน แนะถือ Stablecoin เพิ่มสภาพคล่อง

          สำหรับ Bitcoin ครึ่งปีแรก 2024 นับเป็นช่วงเวลาที่สามารถสร้างผลตอบแทนได้ดีต่อเนื่องจากปี 2023 จนทำ All Time High ใหม่ได้ในช่วงกลางเดือนมีนาคม 2024 ซึ่งเป็นระยะเวลาประมาณ 2 ปีครึ่งในการฟื้นตัวกลับ มานับตั้งแต่ต้นเดือนพฤศจิกายน 2021

          การปรับตัวขึ้นของราคา Bitcoin ในปี 2023 ส่วนใหญ่มาจาก Spot Bitcoin ETF ที่ BlackRock ได้ขอยื่นเปิดเมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2023 ซึ่งในช่วงแรกยังมีความไม่แน่นอนสูง ราคายัง Sideway อยู่หลายเดือนจนเริ่มมีความคืบหน้าให้เห็นความชัดเจน จากนั้นราคาก็เริ่มปรับตัวขึ้นมาอย่างแข็งแกร่งในช่วงต้นไตรมาส 4/2023 ซึ่งในฝั่งของ Altcoin เองก็ฟื้นตัวขึ้นมาในช่วงเวลาเดียวกัน

          และผลลัพธ์ก็เป็นไปตามคาดหลังจาก Spot Bitcoin ETF ได้รับการอนุมัติเมื่อวันที่ 10 มกราคม 2024 และสามารถซื้อขายได้ทันทีได้ในวันถัดไป หลังจากนั้นก็มีเงินไหลเข้ามาอย่างต่อเนื่องทำให้สามารถคง Momentum เชิงบวกไว้ได้ นอกจากนี้ยังมีเรื่องของ Bitcoin Halving ที่เป็นปัจจัยเชิงบวกส่งเสริมกันอีก ส่งผลให้ราคา Bitcoin สามารถขึ้นไปทำ All Time High ที่ราคา $73,777 ทำให้ Performance ของ Bitcoin ไตรมาส 1/2024 ค่อนข้างดีมาก

          อย่างไรก็ตาม ในไตรมาส 2/2024 เริ่มมีการปรับฐานเนื่องจากปัจจัยบวกเริ่มหมด อีกทั้งยังมีเรื่องของสงครามและความไม่แน่นอนของนโยบายการเงินของสหรัฐฯ เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ซึ่งเรื่องเหล่านี้เป็นปัจจัยที่สำคัญต่อตลาดคริปโทฯ ค่อนข้างมาก ถึงแม้ว่าจะมีข่าวเรื่องการอนุมัติ Spot Ethereum ETF ในวันที่ 23 พฤษภาคม 2024 ก็ไม่สามารถทำให้ Momentum ของตลาดกลับมาเป็นเชิงบวกได้มากเท่าที่ควร

 

6727 ทิศทางตลาดQ1

Source: Coingecko

 

          ฝั่งของ Altcoin หลังจากการฟื้นตัวในช่วงไตรมาส 4/2023 ในปีนี้ ก็มีการเติบโตต่อเนื่องในไตรมาส 1/2024 ด้วยเช่นกันแต่จะมีแค่เพียงไม่กี่ Sector ที่สามารถ Outperform ตลาดได้ ซึ่งกลุ่มที่ทำผลตอบแทนได้ดีมากในช่วงไตรมาส 1/2024 อาทิเช่น กลุ่ม Memecoins, Real World Asset (RWA) และ Artificial Intelligence (AI) โดย Memecoins สามารถทำผลตอบแทนเฉลี่ยในไตรมาส 1 ได้ถึง 1,313%

 

ตารางแสดงอัตราการเติบโตในแต่ละช่วงเวลาของ Bitcoin, Ethereum และ Altcoin Market Cap

 

Year to date (2024)

Q1/2024

Q1/2023 - ปัจจุบัน

ปี 2023 ทั้งปี

Bitcoin

+58%

+69%

+303%

+166%

Ethereum

+58%

+60%

+200%

+97%

Altcoin Market Cap (TOTAL3)

+26%

+55%

+117%

+78%

*Altcoin Market Cap (TOTAL3) คือ Market Cap ของเหรียญ Top 125 ที่ไม่รวม Bitcoinและ Ethereum

Data as of 16 June 2024

Source : Cryptomind Advisory

 

          สรุปภาพรวมในครึ่งปีแรกของปี 2024 นั้น Cryptomind Advisory มองว่าภาพรวมในช่วงไตรมาส 1/2024 ค่อนข้างสดใสสำหรับตลาดคริปโทฯ แต่ในไตรมาส 2/2024 เริ่มอ่อนแรงลงและปัจจัยส่งเสริมเริ่มหมด นอกจากนี้ท่าทีของธนาคารกลางสหรัฐฯ ก็ยังสร้างความไม่แน่นอนให้ตลาดด้วย

          และยิ่งถ้าถอยออกมามองภาพใหญ่ ตลาดคริปโทฯ โดยรวมก็ฟื้นตัวกลับมามากพอสมควรแล้ว การปรับฐานตรงนี้เพื่อการเติบโตในอนาคตอย่างยั่งยืน หากถ้าพิจารณาตั้งแต่ต้นปี 2023 จนถึงปัจจุบัน Bitcoin, Ethereum และ Altcoin Market Cap สร้างการเติบโตมามากถึง 303%, 200% และ 117% ตามลำดับ 

          สำหรับภาพรวมในครึ่งปีหลัง 2024 นี้ อย่างที่ทราบกันดีว่าเศรษฐศาสตร์มหาภาค (Macroeconomics) นั้นเป็นส่วนสำคัญที่ส่งผลกับตลาดคริปโทฯ ค่อนข้างมาก ซึ่งเมื่อวันที่ 12 มิถุนายน 2024 มีการประชุม Federal Open Market Committee (FOMC) และมีการออก Fed Dot Plot Diagram ที่แสดงถึงมุมมองของคณะกรรมการของธนาคารกลางสหรัฐว่าจะมีการดำเนินนโยบายทางการเงินอย่างไร

 

6727 ภาพรวมตลาดครึ่งปีหลัง

Source: Federal Reserve

 

          สำหรับปี 2024 การคาดการณ์ของสมาชิก FOMC สำหรับอัตราดอกเบี้ยเงินกองทุนกลางอยู่ในช่วงประมาณ 4.9% ถึง 5.6% มีการกระจายตัวของการคาดการณ์อย่างชัดเจนอยู่ที่ประมาณ 5.1% ถึง 5.4% ซึ่งแสดงให้เห็นว่ามีความเห็นเป็นเอกฉันท์ในหมู่สมาชิกว่าควรจะอยู่ในช่วงนี้ สิ่งนี้บ่งชี้ว่า สมาชิกหลายคนเชื่อว่าอัตรานี้ควรจะยังคงอยู่ในระดับที่ค่อนข้างสูงเพื่อจัดการกับความกังวลเรื่องเงินเฟ้อต่อไป

          จากสัญญาณบวกของตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐล่าสุดเห็นว่า CPI เริ่มชะลอตัว และ Dot Plot Diagram ที่ออกมาแสดงให้เห็นว่าเจ้าหน้าที่ Fed ส่วนใหญ่มองว่าปีนี้น่าจะมีการลดดอกเบี้ย 1-2 ครั้ง และประเทศอื่นๆ เช่น ยุโรป แคนาดา เริ่มลดดอกเบี้ยแล้ว อาจหมายถึงว่าถึงเวลาที่สหรัฐฯ อาจจะต้องเริ่มลดบ้าง

          อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่าเรื่องของเงินเฟ้อและจาก Dot Plot Diagram จะดูเหมือนเป็นข่าวดี แต่จากการให้สัมภาษณ์ของ Jerome Powell (ประธานธนาคารกลางสหรัฐ) ดูมีท่าทีแข็งกร้าว (Hawkish) อยู่พอสมควร โดยยังบอกว่า ตัวเลขเงินเฟ้อยังไม่น่าเป็นที่พอใจ และ Dot Plot Diagram อาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ ดังนั้นในสถานการณ์ปัจจุบันยังอยู่กับความไม่แน่นอนอยู่ค่อนข้างมาก ทำให้ตลาดเริ่มมีความกังวลและมีบางส่วนที่เทขายเพื่อลดความเสี่ยง สวนทางกับฝั่งตลาดหุ้นที่ยังเป็นบวกได้โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากตัวหลักอย่าง Nvidia, Microsoft, Apple 

          ทั้งนี้ จากปัจจัยส่งเสริมในตลาดคริปโทฯ ที่ผ่านไปหมดแล้ว รวมถึงความไม่แน่นอนต่างๆ ในนโยบายทางการเงินของธนาคารกลางสหรัฐและสงคราม Cryptomind Advisory จึงมองว่าในครึ่งปีหลังอาจเป็นช่วงเวลาของการปรับฐานและรอความชัดเจนจากทางธนาคารกลางสหรัฐฯ มากกว่านี้ ส่วนปัจจัยบวกที่ยังหลงเหลืออยู่นั้นมีดังนี้

          - Spot Ethereum ETF 

          - Bitcoin และคริปโทฯ ถูกนำมาใช้ในการหาเสียงของผู้สมัครประธานาธิปดีสหรัฐฯ โดยผู้สมัครมีแนวโน้มที่จะสนับสนุนคริปโทฯ เพื่อคะแนนเสียงในช่วงการเลือกตั้ง

          - ความชัดเจนด้านการกำกับดูแลที่เพิ่มมากขึ้นจาก Financial Innovation and Technology for the 21st Century Act (FIT21) ที่เป็นกฎหมายที่ถูกเสนอขึ้นมาเพื่อสร้างกรอบการทำงานที่ชัดเจนสำหรับสินทรัพย์ดิจิทัลและคริปโทเคอร์เรนซี ที่พึ่งได้ผ่านการลงมติในสภาผู้แทนราษฎรในปลายเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา

          Cryptomind Advisory มองว่าในตอนนี้หากไม่มีปัจจัยอะไรร้ายแรง Bitcoin มีแนวโน้มจะอยู่ในลักษณะ Sideway ในกรอบใหญ่ๆ โดยมีแนวรับสำคัญอยู่ที่ $60,000 จนกว่าจะเริ่มมีการลดดอกเบี้ย แต่ถ้าหากมีปัจจัยร้ายแรง เช่น สงครามที่รุนแรงและบานปลายมากขึ้น นโยบายของธนาคารกลางสหรัฐฯ มีความรุนแรงมากขึ้น ไม่มีการลดดอกเบี้ยอย่างที่ตลาดคาดการณ์ไว้ ก็อาจจะทำให้ราคาลงต่ำกว่า $60,000 ได้ โดยถ้าหลุดแนวรับดังกล่าวจะมีแนวรับสำคัญถัดไปอยู่ที่แถวๆ $52,000 และ $44,000 ตามลำดับ

          ส่วนมุมมองการลงทุนมองว่าควรลด Position ของ Altcoin ตัวเล็กๆ ที่ไม่มี Narrative สนับสนุนเนื่องจากสภาพคล่องในตลาดยังน้อย ซึ่งเมื่อ Bitcoin มีการปรับฐาน Altcoin มักจะร่วงแรงแต่เมื่อ Bitcoin เริ่มฟื้น Altcoin กลับไม่ฟื้นตาม ดังนั้นควรถือ Stablecoin ไว้จำนวนหนึ่งเผื่อในกรณีที่ตลาดเกิดการเทขายอย่างหนักจะได้มีสภาพคล่องไว้ช้อนซื้อในช่วงเวลาดังกล่าว อย่างไรก็ตาม อาจมีบาง Sector สามารถทำผลตอบแทนขึ้นมานำตลาดได้เช่นเดียวกันซึ่งทางเรามองว่าอาจเป็น Ethereum และเหรียญต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับ Ethereum

 

6727 ความคิดเห็นของ Eric Balchunas

Source: @EricBalchunas

 

          นักวิเคราะห์จาก Bloomberg คาดการณ์ว่า Spot Ethereum ETF จะได้รับการอนุมัติและเปิดซื้อขายได้ในช่วงต้นเดือนกรกฎาคมเนื่องจากทาง SEC ได้ส่งฟอร์ม S-1 ให้มาแก้ไขพร้อมทั้งขอให้ส่งกลับภายใน 1 อาทิตย์ ซึ่งเป็นสัญญาณที่ดี โดยหากเปิดซื้อขายแล้วต้องจับตา Inflow ให้ดีๆ เนื่องจากในปัจจุบัน Ethereum มี Market Cap ที่น้อยกว่า Bitcoin ประมาณ 3 เท่า ซึ่งถ้ามีแรงซื้อในระดับเดียวกับ Spot Bitcoin ETF ก็จะสามารถส่งผลกระทบกับราคาได้มากกว่า

          นอกจากนี้เหรียญต่างๆ ภายใน Ethereum Ecosystem ก็มีแนวโน้มที่จะได้รับอิทธิพลจากการอนุมัติในครั้งนี้ด้วย โดยตัวอย่าง Sector ที่น่าจับตามอง ได้แก่

          - เหรียญกลุ่ม Liquid Staking/Restaking (LSD/LRT) เช่น LIDO (LDO), Etherfi (ETHFI), Renzo (REZ)

          - เหรียญกลุ่ม Scaling Solution ของ Ethereum (Layer 2) เช่น Arbitrum (ARB), Optimism (OP) 

          - เหรียญกลุ่ม Real World Asset (RWA) ที่อยู่บน Ethereum เช่น Ondo Finance (ONDO)

          และเมื่อคาดการณ์ว่า Spot Ethereum ETF จะได้รับการอนุมัติแล้ว สิ่งนี้ถูกมองว่าเป็นการเปิดโอกาสอีกกว้างมากให้กับตลาดคริปโทเคอร์เรนซี โดยเฉพาะกลุ่ม Layer 1 อื่นๆ และอีกหลายๆ เหรียญเริ่มถูกพูดถึงว่าอาจจะเป็นรายต่อไปที่จะถูกเสนอเข้าเป็น Spot ETF เช่น Solana (SOL) ที่ตั้งแต่ช่วงปลายปี 2023 มีการเติบโตที่ก้าวกระโดดอย่างมาก และกลายเป็นคู่แข่งที่สำคัญสำหรับ Ethereum หรือแม้แต่เหรียญ Proof of Work ตั้งแต่ยุคแรกอย่าง Litecoin (LTC) หรือ Bitcoin Cash (BCH) ซึ่งถึงแม้ว่าทุกอย่างจะยังเป็นข้อถกเถียงกันในเรื่องของความเหมาะสมในการเสนอเป็น Spot ETF แต่ทั้งหมดนี้อาจจะทำให้กลุ่มเหรียญเหล่านี้ถูกพูดถึงและเป็นที่น่าจับตามองได้

 

 

6727

Click Donate Support Web 

SME720x100 2024

Banner GPF720x100 PX

CKPower 720x100

EXIM One 720x90 C JMTL 720x100

QIC 720x100

TOA 720x100

วิริยะ 720x100

AXA 720 x100

aia 720 x100

BKI 720 x 100

kbank 720x100 66

ธกส 720x100PTG 720x100

ใจฟู720x100px

AXA 720 x100 

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!