- Details
- Category: BLOCKCHANCE
- Published: Thursday, 10 April 2025 16:43
- Hits: 2250
LIMIX และ TIDC ร่วมมือกันต่อสู้กับการหลอกลวงกระเป๋าเงินคริปโตด้วย AI — เสริมสร้างความปลอดภัยของบล็อกเชนในประเทศไทยและกำหนดนิยามใหม่ของตัวตนในโลกดิจิทัล
เพื่อปกป้องอนาคตของเศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศไทย LIMIX IT Solutions (LIMIX) และศูนย์ธุรกิจดิจิทัลและการเงินระหว่างประเทศแห่งประเทศไทย (TIDC) ได้ประกาศความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ที่มุ่งเน้นในการต่อสู้กับภัยคุกคามที่เติบโตอย่างรวดเร็วในโลกบล็อกเชนและคริปโต: การหลอกลวงกระเป๋าเงินคริปโตและการฉ้อโกงตัวตนในโลกดิจิทัล
ความร่วมมือครั้งสำคัญนี้มุ่งเน้นในการพัฒนาและนำระบบตรวจจับการฉ้อโกงและการตรวจสอบตัวตนดิจิทัลที่ใช้ AI ขั้นสูงมาใช้ เพื่อลดความเสี่ยงในระบบกระเป๋าเงินคริปโตที่กำลังเติบโตในประเทศไทย และสนับสนุนความมุ่งมั่นของชาติในการเป็นศูนย์กลางทางบล็อกเชนและการเงินดิจิทัลในภูมิภาค
เมื่อประเทศไทยก้าวเข้าสู่การเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลในทุกภาคส่วน กระเป๋าเงินคริปโตได้กลายเป็นเครื่องมือสำคัญสำหรับผู้บริโภคและธุรกิจในการทำธุรกรรมระหว่างบุคคล การเงินแบบกระจายอำนาจ (DeFi) และการเข้าถึงสินทรัพย์ที่เป็นโทเค็น แต่อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนแปลงนี้ได้เปิดโอกาสให้ผู้ใช้งานตกเป็นเป้าหมายของการหลอกลวงที่ซับซ้อนมากขึ้น รวมถึงกลยุทธ์การฟิชชิ่ง การโจมตีทางสังคม และการปลอมแปลงตัวตน
เมื่อพิจารณาถึงความท้าทายที่กำลังเผชิญหน้าอยู่ตอนนี้ LIMIX และ TIDC กำลังร่วมกันพัฒนาโครงสร้างที่แข็งแกร่งเพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าวทั้งในระดับเทคโนโลยีและระบบนิเวศน์ หลักสำคัญในการแก้ปัญหาคือการผสมผสานระหว่าง KYC Identity Engine ที่เป็นกรรมสิทธิ์ของ LIMIX และระบบตรวจจับการฉ้อโกงแบบเรียลไทม์ที่ใช้ AI ซึ่งจะร่วมกันสร้างเกราะป้องกันที่มีพลังสำหรับผู้ใช้งานและผู้ให้บริการสินทรัพย์ดิจิทัล
บทบาทของ LIMIX: เทคโนโลยีเพื่อความไว้วางใจ
LIMIX บริษัทเทคโนโลยีที่เติบโตอย่างรวดเร็วและมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่กรุงเทพมหานคร นำเสนอความเชี่ยวชาญลึกซึ้งในด้าน AI, บล็อกเชน, ความปลอดภัยทางไซเบอร์ และการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางดิจิทัล โดยเป็นที่รู้จักในการสร้างระบบอัจฉริยะที่สามารถขยายได้ทั้งในส่วนภาครัฐและเอกชน LIMIX กำลังเป็นผู้นำในการออกแบบสถาปัตยกรรมทางเทคนิคของโซลูชั่นนี้
หัวใจสำคัญของการมีส่วนร่วมของ LIMIX คือ LIMIX KYC Identity Engine ซึ่งเป็นโซลูชั่นตัวตนดิจิทัลขั้นสูงที่ออกแบบมาเฉพาะสำหรับโลกการเงินดิจิทัลและบล็อกเชนที่เติบโตอย่างรวดเร็ว แตกต่างจากระบบการตรวจสอบแบบดั้งเดิม แพลตฟอร์ม KYC ของ LIMIX ผสมผสานการจดจำลักษณะทางชีวมิติ การตรวจจับการมีชีวิต การวิเคราะห์พฤติกรรม และการเข้ารหัสข้อมูลที่ยึดตามบล็อกเชน เพื่อให้มั่นใจในกระบวนการลงทะเบียนที่ปลอดภัย, แม่นยำ และสอดคล้องกับข้อกำหนดสำหรับผู้ใช้กระเป๋าเงินคริปโต
โซลูชั่น KYC นี้ถูกออกแบบมาเพื่อรองรับการขยายตัวและความสอดคล้องกับข้อบังคับ โดยช่วยให้การแลกเปลี่ยนแพลตฟอร์มฟินเทค และผู้ให้บริการกระเป๋าเงินสามารถผสานการตรวจสอบตัวตนได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งตรงตามข้อกำหนดท้องถิ่น (เช่น พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของประเทศไทย – PDPA) และมาตรฐานสากล (เช่น แนวทางของ FATF และ AML)
ขั้นตอนการตรวจจับการฉ้อโกงที่ขับเคลื่อนด้วย AI ของ LIMIX เสริมความสามารถของแพลตฟอร์ม KYC โดยการวิเคราะห์พฤติกรรมการทำธุรกรรมแบบเรียลไทม์ ตรวจจับกิจกรรมที่ผิดปกติ และส่งการแจ้งเตือนอัจฉริยะให้กับทั้งผู้ใช้งานและผู้ให้บริการ การใช้วิธีการแบบสองส่วนนี้ช่วยให้การปกป้องเกิดขึ้นก่อน, ระหว่าง, และหลังการทำธุรกรรมแต่ละครั้ง—เชื่อมโยงช่องว่างที่สำคัญระหว่างตัวตนและการทำธุรกรรมในเส้นทางการเงินดิจิทัล
“ในกระแสความนิยมในโลกดิจิทัลปัจจุบัน ความปลอดภัยทางไซเบอร์ได้กลายเป็นส่วนสำคัญของความก้าวหน้าทั่วโลก เมื่อโลกดิจิทัลของประเทศไทยเติบโตอย่างรวดเร็ว จึงยิ่งมีความเสี่ยงเพิ่มมากขึ้น — ตั้งแต่ภัยคุกคามที่ขับเคลื่อนด้วย AI ไปจนถึงช่องโหว่ในยุคควอนตัม การรับมือกับความท้าทายเหล่านี้ต้องการความร่วมมือระดับโลก ซึ่งเป็นเหตุผลที่ LIMIX ภูมิใจที่ได้ร่วมมือกับ TIDC ด้วยการสร้างนวัตกรรมร่วมกันและการพัฒนาทางกลยุทธ์ เราจะส่งเสริมนวัตกรรม กระตุ้นการพูดคุย และสร้างโซลูชั่นที่ยั่งยืนที่ปกป้องผู้คน ธุรกิจ และอนาคตของการเงินดิจิทัล” กล่าวโดย Andre Barros, ผู้อำนวยการโครงการและกลยุทธ์ที่ LIMIX
วิสัยทัศน์ของ TIDC : ความพร้อมของเศรษฐกิจดิจิทัลในโลกอนาคต
ในฐานะพันธมิตรสำคัญ TIDC มุ่งมั่นที่จะส่งเสริมระบบนิเวศที่เติบโตอย่างยั่งยืน โดยที่เทคโนโลยีที่เกิดใหม่ เช่น บล็อกเชน, ปัญญาประดิษฐ์, ฟินเทค, และตัวตนดิจิทัล สามารถเจริญเติบโตได้ภายในกรอบการทำงานที่ปลอดภัย, มีประสิทธิภาพ, และความร่วมมือ ผ่านการนำโปรแกรมนำร่อง การสร้างพันธมิตรข้ามภาคส่วน และการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเชิงกลยุทธ์ TIDC ช่วยให้สตาร์ทอัพ, ธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs), บริษัทขนาดใหญ่ และนักลงทุนต่างชาติ สามารถขยายโซลูชั่นดิจิทัลที่มีนวัตกรรม ซึ่งพร้อมรองรับอนาคตและมีรากฐานลึกซึ้งในท้องถิ่น
หัวใจสำคัญของภารกิจของ TIDC คือความมุ่งมั่นในการสร้างรากฐานที่ปลอดภัยสำหรับนวัตกรรม ดังที่ Raymond Chu, กรรมการผู้บริหารของ TIDC ได้กล่าวไว้ว่า “เมื่อสินทรัพย์ดิจิทัลยังคงเติบโตอย่างรวดเร็วในประเทศไทย สิ่งสำคัญคือความมั่นใจว่าโครงสร้างพื้นฐานของเรามีความยืดหยุ่น, อัจฉริยะ, และสร้างขึ้นบนรากฐานของความไว้วางใจจากสาธารณะ ความร่วมมือของเรากับ LIMIX เป็นตัวอย่างที่ดีของความเป็นไปได้ที่น่าตื่นเต้นที่เกิดขึ้นเมื่อนวัตกรรมมาพร้อมกับความรับผิดชอบ และเราหวังเป็นอย่างยิ่งที่จะผลักดันความก้าวหน้าในเศรษฐกิจดิจิทัลร่วมกัน”
ทำไมเรื่องนี้ถึงสำคัญสำหรับประเทศไทยและโครงสร้างพื้นฐานทางดิจิทัลแห่งชาติ
แผนงานระดับชาติของประเทศไทย—ซึ่งยึดโยงกับ Thailand 4.0 และแผนพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัล—ให้ความสำคัญกับบล็อกเชน, AI, และการเงินดิจิทัลเป็นปัจจัยหลักในการขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ยั่งยืน ประเทศไทยกำลังกลายเป็นผู้นำในการนำฟินเทคมาใช้ โดยมีการใช้งานคริปโตเคอเรนซีในระดับสูงและกำลังสำรวจโครงการต่างๆ เช่น สกุลเงินดิจิทัลของธนาคารกลาง (CBDC) และพันธบัตรรัฐบาลที่เป็นโทเค็น
อย่างไรก็ตาม ความกังวลด้านความปลอดภัยยังคงเป็นอุปสรรคสำคัญต่อการนำไปใช้อย่างเต็มรูปแบบ จากแพลตฟอร์ม DeFi และเกม Web3 ไปจนถึงการชำระเงินข้ามพรมแดนและการค้าผ่านโทเค็น การยืนยันตัวตนดิจิทัลและการป้องกันการฉ้อโกงเป็นสิ่งพื้นฐานในการขยายการใช้งานนวัตกรรมเหล่านี้อย่างมีความรับผิดชอบ
นี่คือเหตุผลที่ความร่วมมือระหว่าง LIMIX และ TIDC มีความสำคัญ: ไม่เพียงแค่ปกป้องปัจจุบัน แต่ยังเตรียมประเทศไทยให้พร้อมรับมือสำหรับสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
โซลูชั่นนี้จะถูกทดสอบในปี 2025 ผ่านความร่วมมือกับแพลตฟอร์มคริปโตชั้นนำและผู้ให้บริการฟินเทค โดยคาดว่าจะมีการนำไปใช้ทั่วประเทศในอีก 5 ปีข้างหน้า ในระยะยาว เทคโนโลยีนี้อาจขยายไปยังการใช้งานอื่นๆ เช่น รัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์, บริการดิจิทัลสำหรับพลเมือง, โครงสร้างพื้นฐานตัวตนดิจิทัลข้ามพรมแดน และการผสานรวมกับเมืองอัจฉริยะ ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างตำแหน่งของประเทศไทยให้เป็นผู้นำที่น่าเชื่อถือในด้านนวัตกรรมดิจิทัลในภูมิภาคอาเซียน
4269