WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

1aaaDอลงกรณ์ พลบุตร

กระทรวงเกษตรฯยกระดับขับเคลื่อนส่งเสริมสินค้ามาตรฐาน'ฮาลาล'ดันไทยสู่ประเทศส่งออกอาหารท็อปเทนของโลก

    'เฉลิมชัย'จัดตั้งคกก.ผลักดันเต็มรูปแบบ พัฒนาฮาลาลไทยทั้งระบบสู่ตลาดโลกมุ่งตลาด 2 ล้านล้านดอลลาร์ พร้อมเปิดกลยุทธ์ระเบียงเศรษฐกิจพื้นที่ชายแดนใต้เป็นฮับฮาลาลโลก ส่วนส่งออกไปสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ฉลุย

         นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า ตามนโยบายของรัฐบาลและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ที่วางเป้าหมายให้ไทยเป็นประเทศผู้ส่งออกอาหารอันดับท็อปเทนของโลกนั้น ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้แต่งตั้งคณะกรรมการส่งเสริมสินค้าและผลิตผลการเกษตรมาตรฐาน “ฮาลาล”ขึ้นโดยมีการประชุมทางไกลต่อเนื่องทุกสัปดาห์ล่าสุดครั้งที่3เมื่อวันที่ 7พ.ค. 2563 ที่ผ่านมา โดยมีการจัดตั้งคณะอนุกรรมการ4คณะ

คือ 1. คณะอนุกรรมการจัดทำวิสัยทัศน์และนโยบายการส่งเสริมสินค้าและผลิตผลการเกษตรมาตรฐาน ‘ฮาลาล’ 2. คณะอนุกรรมการส่งเสริมการค้าสินค้าและผลิตผลการเกษตรมาตรฐาน ‘ฮาลาล’  3. คณะอนุกรรรมการส่งเสริมการผลิตและการลงทุนเกี่ยวกับผลิตผลการเกษตรมาตรฐาน ‘ฮาลาล’ 4. คณะอนุกรรมการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจฮาลาลมีรองผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) เป็นประธานโดยคำนึงถึงพื้นที่ชายแดนภาคใต้เป็นหลัก

พร้อมกันนี้ ยังได้หารือเพิ่มเติมเกี่ยวกับการขยายพื้นที่และยกระดับการให้สิทธิประโยชน์การลงทุนในพื้นที่ชายแดนภาคใต้ และความเป็นไปได้ในการจัดงานแสดงสินค้าฮาลาล (Halal Expo) ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้เมื่อสถานการณ์โควิด19 คลี่คลายรวมทั้งการสนับสนุนเขตอุตสาหกรรมฮาลาลและการส่งเสริมความร่วมมือระหว่าง5จังหวัดภาคใต้กับ5รัฐภาคเหนือของมาเลเซียตลอดจนกรอบความร่วมมืออาเซียนและIMT-GTคือไทย มาเลเซียและอินโดนีเซีย

       นายอลงกรณ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ตามยุทธศาสตร์การส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพธุรกิจสินค้าและบริการฮาลาล(พ.ศ. 2559-2563) มีหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ สถาบันอาหาร และสำนักงานคณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย (สกอท.)  ซึ่งที่ผ่านมาได้ร่วมกันวางระบบและให้การรับรองฮาลาลผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อย(SME)และวิสาหกิจชุมชนกว่า 500 กิจการ และให้ความรู้เพื่อพัฒนาขีดความสามารถผู้ประกอบการเจ้าหน้าที่ผู้ตรวจรับรองและประชาชน จำนวนกว่า 6,000 คน

     “การวางโครงสร้างและการพัฒนาระบบโลจิสติกส์เป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยเปิดโอกาสในการกระจายสินค้าไปถึงมือประชากรชาวมุสลิมกว่า 1,960 ล้านคนซึ่งอยู่ในประเทศสมาชิกองค์การความร่วมมืออิสลาม (Organisation of Islamic Cooperation – OIC)จำนวน 57 ประเทศ โดยได้ประสานสมาพันธ์ผู้ให้บริการโลจิสติกส์ไทย (TLSP) ให้วางระบบและร่างผัง Global Landscape ด้านโลจิสติกส์ให้ครอบคลุมการจัดการคลังสินค้า รวมถึงการบริหารจัดการการขนส่งสินค้าไปยังประเทศปลายทางต่างๆ ให้สะดวกรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น

เพื่อให้สินค้าฮาลาลเป็นทางเลือกหนึ่งของผู้บริโภคไทย โดยจะมีการสร้างธุรกิจรูปแบบใหม่เพื่อตอบรับความต้องการผู้บริโภค อาทิ การสร้างคลังสินค้าฮาลาลหรือการสร้างศูนย์บริหารจัดการโลจิสติกส์ฮาลาลเพื่อเชื่อมโยงไปทั่วโลก โดยเบื้องต้นได้หารือกับสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE)ในการจัดหาเครื่องบินขนส่งสินค้าเที่ยวละประมาณ 100 ตัน เพื่อส่งออกสินค้าไปทั่วโลกโดยมีมูลค่าตลาดฮาลาลสูงถึง2ล้านล้านดอลลาร์ซึ่งมีโดยเฉพาะกลุ่มประเทศตะวันออกกลาง”

   “พร้อมกันนี้ ได้ขอให้ผู้แทนหน่วยงานภายใต้กระทรวงพาณิชย์ที่เกี่ยวข้องและสถาบันอาหารดำเนินการศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับประเทศที่ไม่ใช่ประเทศมุสลิมที่นิยมบริโภคอาหารฮาลาลเพื่อขยายขอบข่ายการดำเนินงานในอนาคตให้ครอบคลุมประชากรที่ไม่ได้อยู่ในกลุ่มประเทศ OIC โดยไปศึกษาว่าไทยจะส่งเสริมการเกษตรเพื่อแปรรูปส่งออกอาหารฮาลาลประเภทใดไปยังกลุ่มประเทศนี้ รวมถึงมีประเทศคู่แข่งและมีส่วนแบ่งตลาดอย่างไร โดยนำข้อมูลที่ได้มาพิจารณาร่วมกับระบบโลจิสติกส์ในปัจจุบัน เพื่อประเมินศักยภาพในการแข่งขันของไทย และไทยสามารถนำเข้าสินค้าอะไรจากประเทศกลุ่มนี้ได้”

     นายอลงกรณ์ กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า สำหรับประเด็นการตรวจรับรองระบบงานด้านฮาลาลของสินค้าอาหารไทยที่ส่งออกไป UAE ที่ผ่านมาสำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ (มกอช.)ร่วมกับกรมปศุสัตว์และสำนักงานคณะกรรมการอิสลามกลางแห่งประเทศไทย (สกอท.) ได้หารือกับหน่วยงาน Emirates Authority for Standardization and Metrology (ESMA) เพื่อเร่งแก้ไขปัญหาที่ไทยไม่สามารถส่งออกสินค้าอาหารฮาลาลไปยัง UAE ได้ โดยได้เจรจาจนประสบความสำเร็จ ทำให้ UAE ให้การรับรองระบบงานฮาลาลของ สกอท. ส่งผลให้ไทยสามารถส่งสินค้าฮาลาล โดยเฉพาะเนื้อไก่แช่เย็น/แช่แข็ง รวมถึงผลิตภัณฑ์อาหารที่มีส่วนประกอบของสัตว์ปีกไปยัง UAE ได้แล้ว

     “นอกจากนี้ หน่วยงาน ESMA ได้เสนอให้มกอช.พัฒนาศักยภาพให้สามารถตรวจรับรองระบบงานสำนักงานคณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย (สกอท.) ได้ในอนาคต เป็นการลดขั้นตอน และเกิดประโยชน์อย่างมากต่อผู้ประกอบการไทยในการส่งออกสินค้าฮาลาลไทยไปยังสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์(UAE)และประเทศมุสลิมอื่นๆ ในอนาคต”นายอลงกรณ์กล่าวในที่สุด

******************************************

line logotwitterLike1 Share3Like1 Share1กด Like - Share  เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ

 Click Donate Support Web

SAM720x100px bgGC 790x90

SME720 x 100banpu 720x90 new1 1

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!