WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

บอร์ด ธ.ก.ส.ไฟเขียวมาตรการช่วยเกษตรกรตามมติ คสช. ลดดอกเบี้ยเงินกู้ ให้สินเชื่อ

     คณะกรรมการ ธ.ก.ส. ไฟเขียวมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 57/58 ผ่านโครงการลดดอกเบี้ยเงินกู้ร้อยละ 3 โครงการสินเชื่อเพื่อรวบรวมข้าวและสร้างมูลค่าเพิ่มแก่สถาบันเกษตรกร วงเงิน20,000 ล้านบาท และโครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปี วงเงิน 17,200 ล้านบาท พร้อมอนุมัติเงินกู้เพื่อนำไปจ่ายเพิ่มค่าอ้อยปี 56/57 ให้แก่ชาวไร่อ้อย 160 บาทต่อตัน วงเงินกว่า 16,500 ล้านบาท

     นายลักษณ์ วจนานวัช ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร(ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า คณะกรรมการธนาคารได้มีมติเห็นชอบให้ ธ.ก.ส.ดำเนินการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 2557/58 ตามมติของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) จำนวน 3 โครงการคือ โครงการลดดอกเบี้ยเงินกู้เพื่อการผลิตแก่เกษตรกรผู้ปลูกข้าวนาปี ลงร้อยละ 3 ต่อปี รายละไม่เกิน 50,000 บาท ระยะเวลาไม่เกิน  6  เดือน วงเงินชดเชยดอกเบี้ย 2,292 ล้านบาท โดยรัฐบาลเป็นผู้จ่ายชดเชยดอกเบี้ยเงินกู้ให้แก่ ธ.ก.ส.แทนเกษตรกร คาดมีเกษตรกรได้รับประโยชน์ 3.57 ล้านราย เริ่ม 1 กรกฎาคม-31 ธันวาคม 2557 โครงการสินเชื่อเพื่อรวบรวมข้าวและสร้างมูลค่าเพิ่มโดยสถาบันเกษตรกร ได้แก่ สหกรณ์ภาคการเกษตรและกลุ่มเกษตรกร  เพื่อกระตุ้นให้องค์กรของเกษตรกรเข้ามามีส่วนช่วยในการรักษาระดับราคาผลผลิตข้าวรวมทั้งมีการแปรรูปเพื่อเพิ่มมูลค่าผลผลิต โดยการไปรวบรวมข้าวเปลือกเพื่อการจำหน่าย วงเงินสินเชื่อ 18,000 ล้านบาท และเพื่อนำไปแปรรูปสร้างมูลค่าเพิ่มอีก 2,000 ล้านบาท รวมวงเงิน 20,000 ล้านบาท โดย ธ.ก.ส. คิดดอกเบี้ยเงินกู้ในอัตรา MLR -1 (ปัจจุบัน MLR เท่ากับร้อยละ 5 ต่อปี) ทั้งนี้ จะคิดจากสถาบันเกษตรกรในอัตราร้อยละ 1 ที่เหลือรัฐบาลเป็นผู้รับภาระดอกเบี้ยแทนสถาบันเกษตรกร ระยะเวลา 12 เดือน  และรัฐบาลยังสนับสนุนค่าใช้จ่ายให้สถาบันเกษตรกรในวงเงิน 100 ล้านบาท  สำหรับค่าเบี้ยประกันภัยและค่าบริหารโครงการที่เกี่ยวข้อง คาดว่ามีสถาบันเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการ 464 แห่ง

   โครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปี ซึ่งเป็นสินเชื่อที่เข้าไปช่วยเกษตรกรในช่วงที่ผลผลิตออกมาเป็นปริมาณมากและมีราคาตกต่ำ ทั้งนี้เพื่อให้เกษตรกรมีทางเลือกในการชะลอการขายโดยไม่ต้องพะวงกับปัญหาเงินที่จะนำมาใช้จ่ายในครัวเรือนและภาระหนี้สิน เพราะสามารถนำผลผลิตคือข้าวเปลือกหอมมะลิและข้าวเปลือกเหนียวมาขอกู้กับ ธ.ก.ส. ในอัตราร้อยละ 80 ของราคาตลาด ในวงเงินไม่เกินรายละ 300,000 บาท โดยไม่เสียดอกเบี้ย กำหนดชำระคืนภายใน 4 เดือนนับถัดจากเดือนรับเงินกู้  เริ่มตั้งแต่ 1 พฤศจิกายน 2557 ถึงวันที่ 30 กันยายน 2558 เป้าหมายดำเนินการในเขตพื้นที่ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหลือ จำนวนข้าวเปลือก 1.5 ล้านตัน วงเงินสินเชื่อ 17,280 ล้านบาท โดยใช้เงินทุนธ.ก.ส. และรัฐเป็นผู้ชดเชยต้นทุนเงินในอัตรา FDR+1 รวมทั้งค่าใช้จ่ายในการส่งมอบข้าวเปลือกของเกษตรกรจากยุ้งฉางถึงจุดส่งมอบในอัตราตันละไม่เกิน 300 บาท กรณีราคาตลาดต่ำกว่าวงเงินให้สินเชื่อ และรัฐบาลกำหนดมาตรการระบายข้าวเปลือก ซึ่งทั้ง 3 โครงการจะแยกการดำเนินงานออกจากบัญชีปกติของ ธ.ก.ส.

   นายลักษณ์ กล่าวต่อไปว่า นอกจากนี้ คณะกรรมการยังเห็นชอบให้กองทุนอ้อยและน้ำตาลทราย กู้เงินสำหรับนำไปจ่ายเพิ่มค่าอ้อยฤดูการผลิตปี 2556/57 ในอัตรา160 บาท/ตัน โดยจ่ายตรงให้กับชาวไร่อ้อยในทุกตันอ้อยที่ส่งเข้าหีบในโรงงานน้ำตาลทราย จากปริมาณผลผลิตอ้อยทั้งสิ้น 103.665 ล้านตัน วงเงินกู้ 16,586.52 ล้านบาท กำหนดชำระหนี้เสร็จสิ้นภายใน 17 เดือนนับแต่วันกู้ โดย ธ.ก.ส.คิดดอกเบี้ยในอัตรา MLR-0.75 ต่อปี

สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย 

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!