- Details
- Category: พาณิชย์
- Published: Tuesday, 11 April 2023 13:19
- Hits: 1538
กรมเจรจาฯ เผยส่งออกไอศกรีมไปตลาดคู่ FTA ช่วง 2 เดือนปี 66 พุ่ง 23%
กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศเผยสถิติส่งออก 'ไอศกรีม' ไปประเทศคู่เจรจา FTA ปี 65 มีมูลค่า 116 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่ม 30% ส่วนยอด 2 เดือนปี 66 ส่งออก 19 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่ม 23% เติบโตดีในอาเซียน เกาหลีใต้ ออสเตรเลีย และอินเดีย ระบุล่าสุด 17 ประเทศยกเว้นภาษีนำเข้าให้ไทยแล้ว เหลือแค่ญี่ปุ่นประเทศเดียว แนะพัฒนาคุณภาพ คิดรสชาติใหม่จากวัตถุดิบที่มีในประเทศ สร้างเอกลักษณ์ และอย่าลืมใช้ FTA เปิดทาง
นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า จากการติดตามสถิติข้อมูลการค้าระหว่างประเทศ พบว่า ไอศกรีมเป็นสินค้าที่น่าจับตามอง โดยในช่วงหลายปีที่ผ่านมา การส่งออกสินค้าไอศกรีมของไทยมีอัตราการขยายตัวเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2565 ที่ผ่านมา ไทยส่งออกไอศกรีมสู่ตลาดโลก มูลค่ารวม 138 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 23%
และเป็นการส่งออกไปยังประเทศคู่เจรจาความตกลงการค้าเสรี (FTA) มูลค่า 116 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 30% ซึ่งถือได้ว่า FTA เป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับไอศกรีมของไทย และยังช่วยส่งผลให้ไทยครองแชมป์ผู้ส่งออกไอศกรีมอันดับที่ 1 ในอาเซียน และเป็นอันดับที่ 4 ของโลก รองจากสหภาพยุโรป สหรัฐฯ และสหราชอาณาจักร
ส่วนในช่วง 2 เดือนปี 2566 (ม.ค.–ก.พ.) การส่งออกไอศกรีมของไทยยังคงเติบโต โดยการส่งออกสู่ตลาดโลก มีมูลค่า 22 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่ม 11% และเป็นการส่งออกไปประเทศคู่ FTA มูลค่า 19 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่ม 23% มีสัดส่วนถึง 88% ของการส่งออกสินค้าไอศกรีมทั้งหมด ตลาดส่งออกสำคัญและขยายตัวได้ดี เช่น อาเซียน เพิ่ม 13% อาทิ เวียดนาม เพิ่ม 58% กัมพูชา เพิ่ม 18% ฟิลิปปินส์ เพิ่ม 105% เกาหลีใต้ เพิ่ม 140% ออสเตรเลีย เพิ่ม 225% และอินเดีย เพิ่ม 90%
ทั้งนี้ ไอศกรีมเป็นหนึ่งในสินค้าที่ผู้ประกอบการยื่นขอใช้สิทธิประโยชน์จาก FTA ในการส่งออกสูง โดยเฉพาะตลาดอาเซียน ซึ่งในปี 2565 มีสัดส่วนการขอใช้สิทธิสูงกว่า 90% ของรายการสินค้าที่ได้รับสิทธิ์ และในปัจจุบัน 17 ประเทศ คู่ FTA ของไทย ได้แก่ อาเซียน จีน เกาหลีใต้ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ อินเดีย ชิลี เปรู และฮ่องกง ได้ยกเว้นภาษีนำเข้าสินค้าไอศกรีมและน้ำแข็งอื่นๆ ที่บริโภคได้ ทุกรายการที่ส่งออกจากไทยแล้ว เหลือเพียง ญี่ปุ่น ที่ยังเก็บภาษีนำเข้าสินค้าไอศกรีมและน้ำแข็งอื่นๆ ที่บริโภคได้อัตรา 21-29.8%
นางอรมน กล่าวว่า กรมฯ มองว่า ในระยะยาวอุตสาหกรรมไอศกรีมของไทย จะมีแนวโน้มขยายตัวและเติบโตได้ดี เนื่องจากไทยมีศักยภาพในการผลิตสินค้าที่มีคุณภาพ ตลอดจนความอุดมสมบูรณ์ของวัตถุดิบที่หลากหลาย ทั้งผลไม้นานาชนิด และน้ำนมโคคุณภาพ ส่งผลให้มีต้นทุนการผลิตอยู่ในเกณฑ์ต่ำ ประกอบกับข้อได้เปรียบจากสิทธิประโยชน์ทางภาษีภายใต้ FTA ที่สร้างแต้มต่อให้สินค้าไทย
อย่างไรก็ตาม ผู้ประกอบการไทยควรให้ความสำคัญกับคุณภาพมาตรฐานการผลิตสินค้า รวมทั้งคิดค้นรสชาติไอศกรีมที่เป็นเอกลักษณ์ เช่น มะพร้าว มะม่วง ทุเรียน ไอศกรีมจากนมถั่วเหลือง ไอศกรีมไขมันต่ำและน้ำตาลน้อย และที่มีส่วนผสมของสมุนไพรบำรุงสุขภาพ เพื่อเจาะกลุ่มผู้บริโภคยุคใหม่ที่นิยมอาหารเพื่อสุขภาพ ซึ่งจะทำให้ไอศกรีมของไทยเป็นที่รู้จักและครองใจผู้บริโภค รวมทั้งช่วยเพิ่มโอกาสขยายส่งออกสินค้าไอศกรีมสู่ตลาดโลกได้เพิ่มขึ้น
ส่งออกอัญมณี