WORLD7

BANPU2024

smed PIONEER 720x100

1Tใส่เกียร์ถอย

ทตอ.ใส่เกียร์ถอย! พลิกมติคำวินิจฉัยเบื้องต้น สั่งเก็บเอดีเหล็กแผ่นรีดร้อนต่ออีก 5 ปี

คณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาด (ทตอ.) ใส่เกียร์ถอย ไม่ยุติเก็บอากรเอดีเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดเป็นม้วนและไม่เป็นม้วน จากบราซิล อิหร่าน ตุรกี ทั้งที่ก่อนหน้าออกคำวินิจฉัยเบื้องต้นให้เลิกเก็บอากรแล้ว เผยให้เก็บต่ออีก 5 ปี ถึงปี 71 อ้างหลังพิจารณาใหม่ หากยุติเก็บเอดี อาจทำให้การทุ่มตลาดกลับมาอีก ส่วนเหล็กชนิดเดียวกันจากมาเลเซีย และจีน กรมการค้าต่างประเทศ กำลังพิจารณาจะเก็บต่อหรือไม่

  ผู้สื่อข่าวรายงานจากกระทรวงพาณิชย์ว่า เมื่อวันที่ 1 มิ.ย.2566 ที่ผ่านมา ราชกิจจานุเบกษาลงประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน (ทตอ.) เรื่อง ผลการพิจารณาทบทวนความจำเป็นในการบังคับอากรตอบโต้การทุ่มตลาดต่อไป ตามมาตรา 57 พ.ร.บ.การตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าต่างประเทศ พ.ศ.2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม กรณีเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดเป็นม้วนและไม่เป็นม้วน จากบราซิล อิหร่าน และตุรกี ซึ่งหลังจากประกาศแล้ว

มีผลให้เรียกเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาด (เอดี) เหล็กดังกล่าว ความหนา 0.9-100 มิลลิเมตร (มม.) และความกว้าง 100-3,200 มม. รวม 126 พิกัดภาษีศุลกากร จาก 3 ประเทศในอัตราเดิม เป็นเวลา 5 ปีจนถึงเดือน มิ.ย.2571 โดยสินค้าจากบราซิล ถูกเก็บอากรเอดี 34.40% ของราคา CIF (ราคาสินค้ารวมค่าปะกันและค่าขนส่ง) ส่วนอิหร่าน 7.25-38.27% และตุรกี 6.88-38.23%

  สำหรับ ประกาศของ ทตอ. ในครั้งนี้ ถือเป็นการกลับมติจากก่อนหน้านี้ที่ ทตอ. ได้พิจารณาความจำเป็นของการเก็บอากรเอดีสินค้าดังกล่าวจาก 3 ประเทศต่อหรือไม่ หลังจากเก็บมาแล้วตั้งแต่ปี 2559-64 และมีคำวินิจฉัยเบื้องต้น ให้ยุติเก็บอากร เพราะเห็นว่า ในปี 2564 การนำเข้าเหล็กดังกล่าวจาก 3 ประเทศลดลง และไม่พบการทุ่มตลาดในไทย พร้อมส่งคำวินิจฉัยให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียให้ความเห็น

 โดยกลุ่มอุตสาหกรรมเหล็กในประเทศ ทั้งสมาคมเหล็กแผ่นรีดเย็นไทย สมาคมการค้าผู้ผลิตเหล็กแผ่นเคลือบสังกะสี สมาคมผู้ผลิตท่อโลหะและแปรรูปเหล็กแผ่น สมาคมเหล็กแผ่นรีดร้อนไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) คัดค้านคำวินิจฉัย เพราะยุติเก็บอากรเอดี อาจทำให้ 3 ประเทศกลับมาทุ่มตลาดไทยได้อีก (ขายสินค้าในประเทศผู้ผลิตในราคาต่ำกว่าที่ขายในไทย) โดยเฉพาะบราซิล และตุรกีที่มีเป้าหมายผลิตเหล็กเพื่อส่งออก และทำให้ความเสียหายของผู้ผลิตเหล็กในประเทศกลับคืนมา

  ส่วนกลุ่มผู้ใช้ ระบุว่า ได้รับผลกระทบจากการต้องเสียภาษีเอดีสำหรับกรนำเข้าเหล็กจาก 3 ประเทศ ส่งผลให้ต้นทุนผลิตเพิ่มขึ้น และนำมาสู่การปรับขึ้นราคาสินค้า จนผู้บริโภคได้รับผลกระทบ หรือบางรายสู้ต้นทุนที่สูงขึ้นไม่ไหว ก็ไม่ได้นำเข้า และกระทบต่อยอดขาย โดยเหล็กดังกล่าวใช้ในอุตสาหกรรมยานยนต์ เครื่องใช้ไฟฟ้า อุตสาหกรรมก่อสร้าง

  อย่างไรก็ตาม ภายหลังจาก ทตอ. นำความเห็นทั้งหมดมาพิจารณาใหม่ ได้ออกคำวินิจฉัยใหม่เมื่อวันที่ 8 พ.ค.2566 ว่า การยุติเรียกเก็บอากรเอดีจะทำให้มีการทุ่มตลาดและความเสียหายต่อไป หรือฟื้นคืนมาได้อีก จึงให้เรียกเก็บอากรเอดีอัตราเดิมต่ออีก 5 ปี แต่ให้ยกเว้นกับ 1.ผู้ประกอบอุตสาหกรรมและผู้ประกอบพาณิชยกรรม ที่นำเข้าสินค้าไปในเขตประกอบการเสรี เพื่อใช้ผลิตหรือเพื่อส่งออก ภายใต้กฎหมายว่าด้วยการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย 2.ผู้ได้รับการส่งเสริมตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมการลงทุน ที่นำเข้ามาผลิตเพื่อการส่งออก และ 3.การนำเข้ามาผลิตเพื่อการส่งออกภายใต้กฎหมายว่าด้วยศุลกากร

 สำหรับ เหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดเป็นม้วนและไม่เป็นม้วน ที่มีแหล่งกำเนิดจากจีนและมาเลเซีย ที่ไทยเก็บอากรเอดีมาตั้งแต่ปี 2554-59 และต่ออายุเก็บอีกครั้งในปี 2559-64 โดยสินค้าจากมาเลเซีย เก็บอากร 23.57-42.51% และจีน เก็บที่ 30.91% และกรมการค้าต่างประเทศ ได้พิจารณาทบทวนความจำเป็นของการเก็บอากรเอดีต่อหรือไม่มาตั้งแต่ปี 2565 ตามที่ผู้ผลิตเหล็กในประเทศยื่นเรื่องขอให้ทบทวน

จนถึงขณะนี้ ยังพิจารณาไม่เสร็จ แต่กลุ่มอุตสาหกรรมเหล็กในไทยต้องการให้เก็บอากรเอดีต่อไปอีก เพราะหากยกเลิกเก็บอากรเอดี อาจทำให้เกิดการทุ่มตลาด และความเสียหายฟื้นคืนมาได้อีก ที่สำคัญปัจจุบัน การใช้เหล็กในประเทศของจีนชะลอตัวจากภาวะเศรษฐกิจ และการชะลอตัวของภาคอสังหาริมทรัพย์ ส่งผลให้จีนส่งออกเหล็กราคาต่ำไปทั่วโลก

 

Click Donate Support Web  

CKPower 720x100

MTL 720x100

kasat 720x100TOA 720x100

วิริยะ 720x100

AXA 720 x100

aia 720 x100

BKI 720 x 100

PTG 720x100ais 720x100

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!