WORLD7

BANPU2024

smed PIONEER 720x100

1Bเวียดนามโตแรง

พาณิชย์ เผยค้าปลีกเวียดนามโตแรง แนะไทยเจาะตลาดทั้งออฟไลน์-ออนไลน์

กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) แนะค้าปลีกไทยปรับตัวเจาะตลาดเวียดนาม หลังตลาดมีแนวโน้มเติบโตสูงมากคาดปี 68 ยอดค้าปลีกจะสูงถึง 3.5 แสนล้านเหรียญสหรัฐ เผยควรปรับรูปแบบการลงทุนร้านค้าแบบเครือข่าย ซุปเปอร์มาร์เก็ต และใช้ช่องทางออนไลน์เจาะกลุ่มผู้บริโภควัยหนุ่มสาว

นายภูสิต รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) เปิดเผยว่า กรมฯ ได้มอบนโยบายให้ทูตพาณิชย์ที่ประจำอยู่ในประเทศต่างๆทำการสำรวจลู่ทางและโอกาสการส่งออกสินค้าไทยไปยังประเทศที่ประจำอยู่ และให้รายงานผลเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดได้รับรายงานจากน.ส.สุภาพร สุขมาก ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ นครโฮจิมินห์ ประเทศเวียดนาม ถึงโอกาสในการขยายตลาดการค้าปลีกของไทยเข้าสู่ตลาดเวียดนาม และการใช้ประโยชน์จากช่องทางออนไลน์ในการขยายโอกาสทางการขายเจาะเข้าสู่กลุ่มผู้บริโภคของเวียดนามที่มีแนวโน้มเติบโต

ทั้งนี้ ทูตพาณิชย์ได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า เวียดนามเป็นตลาดค้าปลีกที่มีศักยภาพสูงและคาดว่าจะเติบโตมากกว่า 350,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ภายในปี 2568 และจะมีสัดส่วนร้อยละ 59 ของยอดขายผลิตภัณฑ์ในประเทศทั้งหมดทำให้บริษัทต่างชาติที่ลงทุนในเวียดนาม ผู้ประกอบการค้าปลีกในประเทศต่างปรับเครือข่ายการจัดจำหน่ายสินค้าในประเทศและปรับปรุงเพื่อการส่งออก รวมทั้งมีการลงทุนในอีคอมเมิร์ซเพื่อรองรับการขยายตัวของกลุ่มผู้บริโภควัยหนุ่มสาวที่มีกว่าร้อยละ 50 ของประชากรประมาณ 100 ล้านคน

นายภูสิต กล่าวว่า ปัจจุบันผู้ประกอบการการค้าปลีกในเวียดนามได้ปรับเปลี่ยนรูปแบบการค้าจากแบบดั้งเดิมไปสู่รูปแบบสมัยใหม่ โดยเฉพาะการลงทุนในร้านค้าแบบเครือข่ายและซุปเปอร์มาร์เก็ต และความร่วมมือเพื่อพัฒนารูปแบบการค้าปลีกใหม่ๆ เช่น ออนไลน์เพื่อสร้างเงื่อนไขที่เอื้ออำนวยต่อผู้ประกอบการค้าปลีก และเพิ่มโอกาสในการจำหน่ายสินค้า

โดยผู้ประกอบการค้าปลีกไทยที่เข้าไปลงทุนในเวียดนามต้องปรับตัวทั้งการปรับรูปแบบการค้า และการมุ่งพัฒนาการผลิตที่สะอาดและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม รวมทั้งมุ่งสู่ระบบเศรษฐกิจหมุนเวียนและฉลากเขียวจะทำให้มีโอกาสในการเติบโตในตลาดเวียดนามเพิ่มขึ้น

สำหรับ การขายผ่านช่องทางอีคอมเมิร์ซผู้ประกอบการไทยควรให้ความสำคัญเช่นเดียวกัน เพราะการค้าออนไลน์เป็นเทรนด์ที่มาแรงในเวียดนามโดยเฉพาะการขายผ่านช่องทางโซเชียลมีเดีย ได้แก่ Facebook Live และ Tiktok เป็นการเพิ่มช่องทางการกระจายสินค้าเข้าถึงผู้บริโภคเวียดนามได้มากยิ่งขึ้น ช่องทางอีคอมเมิร์ชจึงเป็นช่องทางที่น่าสนใจของผู้ประกอบการที่ต้องการขยายการค้ามายังตลาดเวียดนาม เนื่องจากต้นทุนที่ต่ำกว่าการเปิดหน้าร้านและสามารถเข้าถึงผู้บริโภคเป้าหมายได้ดี แต่รัฐบาลมีการปรับปรุงกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการค้าออนไลน์ ผู้ประกอบการที่ต้องการเข้ามาทำตลาดในรูปแบบออนไลน์ในเวียดนามควรศึกษากฎหมายและกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องกับการค้าออนไลน์ของเวียดนามด้วย

ส่วนกิจกรรมของกรมฯ ที่จะเกิดขึ้นในประเทศเวียดนาม ได้แก่ โครงการส่งเสริมการขายสินค้าไทยร่วมกับห้างค้าปลีกในประเทศเวียดนามร่วมกับห้างสรรพสินค้า Go! และ Tops Market ระหว่างวันที่ 1-14 ส.ค.2566 และสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ นครโฮจิมินห์ ร่วมบรรยายในหลักสูตร ITP รุ่นที่ 5 Sustainable Growth for Exporter ส่งเสริมส่งออก SMEsไทย เติบโตอย่างยั่งยืน ร่วมกับธนาคารไทยพาณิชย์เพื่อเพิ่มพูนความรู้ ความสามารถ

และวิสัยทัศน์ ให้กับผู้ประกอบการ SMEs ที่ประกอบธุรกิจส่งออกให้มีศักยภาพเพิ่มมากขึ้น โดยผู้สนใจสามารถติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) กระทรวงพาณิชย์ www.ditp.go.th หรือสายตรงการค้าระหว่างประเทศ โทร 1169

 

พาณิชย์-DITP แนะค้าปลีกไทยเจาะตลาดเวียดนามทั้งออฟไลน์-ออนไลน์

กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) แนะค้าปลีกไทยปรับตัวเจาะตลาดเวียดนาม หลังตลาดมีแนวโน้มเติบโตสูงมากคาดปี 68 ยอดค้าปลีกจะสูงถึง 3.5 แสนล้านเหรียญสหรัฐ เผยควรปรับรูปแบบการลงทุนร้านค้าแบบเครือข่าย ซุปเปอร์มาร์เก็ต และใช้ช่องทางออนไลน์เจาะกลุ่มผู้บริโภควัยหนุ่มสาว

นายภูสิต รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) เปิดเผยว่า กรมฯ ได้มอบนโยบายให้ทูตพาณิชย์ที่ประจำอยู่ในประเทศต่างๆทำการสำรวจลู่ทางและโอกาสการส่งออกสินค้าไทยไปยังประเทศที่ประจำอยู่ และให้รายงานผลเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดได้รับรายงานจากนางสุภาพร สุขมาก ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ นครโฮจิมินห์ ประเทศเวียดนาม ถึงโอกาสในการขยายตลาดการค้าปลีกของไทยเข้าสู่ตลาดเวียดนาม และการใช้ประโยชน์จากช่องทางออนไลน์ในการขยายโอกาสทางการขายเจาะเข้าสู่กลุ่มผู้บริโภคของเวียดนามที่มีแนวโน้มเติบโต

ทั้งนี้ ทูตพาณิชย์ได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า เวียดนามเป็นตลาดค้าปลีกที่มีศักยภาพสูงและคาดว่าจะเติบโตมากกว่า 350,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ภายในปี 2568 และจะมีสัดส่วนร้อยละ 59 ของยอดขายผลิตภัณฑ์ในประเทศทั้งหมดทำให้บริษัทต่างชาติที่ลงทุนในเวียดนาม ผู้ประกอบการค้าปลีกในประเทศต่างปรับเครือข่ายการจัดจำหน่ายสินค้าในประเทศและปรับปรุงเพื่อการส่งออก รวมทั้งมีการลงทุนในอีคอมเมิร์ซเพื่อรองรับการขยายตัวของกลุ่มผู้บริโภควัยหนุ่มสาวที่มีกว่าร้อยละ 50 ของประชากรประมาณ 100 ล้านคน

นายภูสิต กล่าวว่า ปัจจุบันผู้ประกอบการการค้าปลีกในเวียดนามได้ปรับเปลี่ยนรูปแบบการค้าจากแบบดั้งเดิมไปสู่รูปแบบสมัยใหม่ โดยเฉพาะการลงทุนในร้านค้าแบบเครือข่ายและซุปเปอร์มาร์เก็ต และความร่วมมือเพื่อพัฒนารูปแบบการค้าปลีกใหม่ๆ เช่น ออนไลน์เพื่อสร้างเงื่อนไขที่เอื้ออำนวยต่อผู้ประกอบการค้าปลีกและเพิ่มโอกาสในการจำหน่ายสินค้า

โดยผู้ประกอบการค้าปลีกไทยที่เข้าไปลงทุนในเวียดนามต้องปรับตัวทั้งการปรับรูปแบบการค้า และการมุ่งพัฒนาการผลิตที่สะอาดและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม รวมทั้งมุ่งสู่ระบบเศรษฐกิจหมุนเวียนและฉลากเขียวจะทำให้มีโอกาสในการเติบโตในตลาดเวียดนามเพิ่มขึ้น

สำหรับ การขายผ่านช่องทางอีคอมเมิร์ซผู้ประกอบการไทยควรให้ความสำคัญเช่นเดียวกัน เพราะการค้าออนไลน์เป็นเทรนด์ที่มาแรงในเวียดนามโดยเฉพาะการขายผ่านช่องทางโซเชียลมีเดีย ได้แก่ Facebook Live และ Tiktok เป็นการเพิ่มช่องทางการกระจายสินค้าเข้าถึงผู้บริโภคเวียดนามได้มากยิ่งขึ้น ช่องทางอีคอมเมิร์ชจึงเป็นช่องทางที่น่าสนใจของผู้ประกอบการที่ต้องการขยายการค้ามายังตลาดเวียดนาม

เนื่องจากต้นทุนที่ต่ำกว่าการเปิดหน้าร้านและสามารถเข้าถึงผู้บริโภคเป้าหมายได้ดี แต่รัฐบาลมีการปรับปรุงกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการค้าออนไลน์ ผู้ประกอบการที่ต้องการเข้ามาทำตลาดในรูปแบบออนไลน์ในเวียดนามควรศึกษากฎหมายและกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องกับการค้าออนไลน์ของเวียดนามด้วย

ทั้งนี้ กิจกรรมของกรมที่จะเกิดขึ้นในประเทศเวียดนาม ได้แก่ โครงการส่งเสริมการขายสินค้าไทยร่วมกับห้างค้าปลีกในประเทศเวียดนามร่วมกับห้างสรรพสินค้า Go! และ Tops Market ระหว่างวันที่ 1 – 14 สิงหาคม 2566 และ สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ นครโฮจิมินห์ ร่วมบรรยายในหลักสูตร ITP รุ่นที่ 5 Sustainable Growth for Exporter ส่งเสริมส่งออก SMEsไทย เติบโตอย่างยั่งยืน ร่วมกับธนาคารไทยพาณิชย์ เพื่อเพิ่มพูนความรู้ ความสามารถ และวิสัยทัศน์ ให้กับ ผู้ประกอบการ SMEs ที่ประกอบธุรกิจส่งออกให้มีศักยภาพเพิ่มมากขึ้น

สำหรับ ผู้สนใจสามารถติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) กระทรวงพาณิชย์ www.ditp.go.th หรือสายตรงการค้าระหว่างประเทศ โทร 1169

 

Click Donate Support Web  

kasat 720x100CKPower 720x100MTL 720x100TU720x100sme 720x100

ธกส 720x100

ใจฟู720x100pxPF 720x100

 

TOA 720x100

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!