WORLD7

BANPU2024

smed PIONEER 720x100

1 ภาวะการค้า

ส่งออก ส.ค.66 เพิ่ม 2.6% บวกครั้งแรกในรอบ 11 เดือน รวม 8 เดือนยังลบ 4.5%

พาณิชย์ เผยการส่งออก ส.ค.66 ทำได้มูลค่า 24,279. ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่ม 2.6% พลิกบวกครั้งแรกในรอบ 11 เดือน สินค้าเกษตร บวกครั้งแรกรอบ 4 เดือน และสินค้าอุตสาหกรรม บวกครั้งแรกรอบ 3 เดือน รวม 8 เดือน ยังลบ 4.5% คาดเดือน ก.ย. ยังมีลุ้น แต่ฐานสูงมาก ส่วนไตรมาส 4 เป็นบวกแน่ ทั้งปียังมีเป้าทำงาน 1-2% ถ้าไม่ได้ จะพยายามให้ติดลบน้อยที่สุด

นายกีรติ รัชโน ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า การส่งออกเดือน ส.ค.2566 มีมูลค่า 24,279.6 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 2.6% เป็นการพลิกกลับมาบวกเป็นครั้งแรกในรอบ 11 เดือน ถือเป็นสัญญาณที่ดี เมื่อคิดเป็นเงินบาทมีมูลค่า 824,938.0 ล้านบาท การนำเข้ามีมูลค่า 23,919.7 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลง 12.8% คิดเป็นเงินบาทมูลค่า 822,476.4 ล้านบาท ได้ดุลการค้ามูลค่า 359.9 ล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็นเงินบาทมูลค่า 2,461.6 ล้านบาท

รวมการส่งออก 8 เดือนของปี 2566 (ม.ค.-ส.ค.) มีมูลค่า 187,593.1 ล้านเหรียญสหรัฐ ลด 4.5% คิดเป็นเงินบาท มูลค่า 6,379,734.3 ล้านบาท นำเข้ามูลค่า 195,518.6 ล้านเหรียญสหรัฐ ลด 5.7% คิดเป็นเงินบาท มูลค่า 6,732,833.5 ล้านบาท ขาดดุลการค้า มูลค่า 7,925.4 ล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็นเงินบาท มูลค่า 353,099.2 ล้านบาท

ทั้งนี้ การส่งออกของไทยเดือน ส.ค.2566 ที่กลับมาเป็นบวกได้ 2.6% เมื่อเทียบกับประเทศอื่น ๆ ถือว่าไทยทำได้ดี โดยอินเดีย ลบ 6.9% ไต้หวัน ลบ 7.3% เกาหลีใต้ ลบ 8.3% จีน ลบ 8.8% สิงคโปร์ ลบ 12.6% มาเลเซีย ลบ 21.2% และอินโดนีเซีย ลบ 21.2% เป็นต้น

สำหรับ การส่งออกที่เพิ่มขึ้น มาจากการเพิ่มขึ้นของสินค้าเกษตร 4.2% เป็นบวกครั้งแรกในรอบ 4 เดือน แต่สินค้าอุตสาหกรรมเกษตร ยังลดลง 7.6% โดยสินค้าสำคัญที่เพิ่มขึ้น เช่น ผลไม้สดแช่เย็นแช่แข็งและแห้ง เพิ่ม 99.8% เฉพาะมังคุดสด เพิ่ม 28,175% ข้าว เพิ่ม 10.8% สิ่งปรุงรสอาหาร เพิ่ม 28.6% ผักกระป๋องและผักแปรรูป เพิ่ม 26.5% นมและผลิตภัณฑ์นม เพิ่ม 13.2% ผักสดแช่เย็นแช่แข็งและแห้ง เพิ่ม 22.8% ส่วนยางพารา ลด 32.9% ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง ลด 12.8% อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป ลด 9.7% น้ำตาลทราย ลด 23.1% ไก่แปรรูป ลด 12.8% ไขมันและน้ำมันจากพืชและสัตว์ ลด 57.4%         

ส่วนสินค้าอุตสาหกรรม เพิ่ม 2.5% เป็นบวกครั้งแรกในรอบ 3 เดือน โดยสินค้าสำคัญที่เพิ่มขึ้น เช่น รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เพิ่ม 5.2% แผงวงจรไฟฟ้า เพิ่ม 39.8% เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ เพิ่ม 6.4% เครื่องโทรศัพท์อุปกรณ์และส่วนประกอบ เพิ่ม 36.9% อุปกรณ์กึ่งตัวนำ ทรานซิสเตอร์ และไดโอด เพิ่ม 74.5% หม้อแปลงไฟฟ้าและส่วนประกอบ เพิ่ม 59.1% ส่วนเครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์ และส่วนประกอบ ลด 26.9% ผลิตภัณฑ์ยาง ลด 4.7% อัญมณีและเครื่องประดับ (ไม่รวมทองคำ) ลด 10.4% เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ ลด 23.4%

ทางด้านการส่งออกไปตลาดสำคัญ ตลาดหลัก เพิ่ม 2.3% โดยสหรัฐฯ เพิ่ม 21.7% จีน 1.9% และญี่ปุ่น 15.7% แต่อาเซียน (5) CLMV และสหภาพยุโรป (27) ลด 1.5 , 21.3 และ 11.6% ตลาดรอง เพิ่ม 2.4% โดยทวีปออสเตรเลีย เพิ่ม 22.4% แอฟริกา 4.9% รัสเซียและกลุ่ม CIS 30.4% และสหราชอาณาจักร 10.7% ขณะที่ตลาดเอเชียใต้ ตะวันออกกลาง และลาตินอเมริกา ลด 0.9 , 12.6 และ 11.7% และตลาดอื่น ๆ เพิ่ม 62.8% เช่น สวิตเซอร์แลนด์ เพิ่ม 53.6%

นายกีรติ กล่าวว่า แนวโน้มการส่งออกเดือน ก.ย.2566 ยังหวังว่าจะฟื้นตัวขึ้นต่อเนื่อง แต่ก็มีข้อสังเกตเดือน ก.ย.2565 ฐานสูงมาก มีมูลค่า 24,953.1 ล้านเหรียญสหรัฐ ก็ต้องมามารอดูว่าจะส่งออกได้เกิน 2 หมื่นเหรียญสหรัฐไปเท่าไร แต่ตัวเลขตั้งแต่เดือน ต.ค.-ธ.ค.2566 น่าจะเห็นอะไรดี ๆ เข้ามา เพราะเป็นช่วงที่คำสั่งซื้อเข้ามาเยอะ

ส่วนเป้าทั้งปี ยังคงมีเป้าทำงานไว้ที่ 1-2% ถ้าทำเป็นบวกไม่ได้ ก็ต้องให้ติดลบน้อยที่สุด ซึ่งต้องถือว่าเอกชนของไทย ยืนอยู่แถวหน้าได้เลยในเรื่องการส่งออกด้วยศักยภาพที่มีอยู่ และยังมีการทำงานร่วมกันระหว่างภาครัฐและเอกชนที่ช่วยขับเคลื่อนการส่งออก ทั้งรักษาตลาดเดิม เปิดตลาดใหม่ ที่เป็นปัจจัยสนับสนุน

นายชัยชาญ เจริญสุข ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ภาคเอกชนมองว่าแนวโน้มการส่งออกในไตรมาสที่ 4 ของปีนี้ จะกลับมาเป็นบวกได้ และในช่วงที่เหลืออีก 4 เดือน หากจะให้การส่งออกพลิกกลับมาขยายตัว 0% การส่งออกแต่ละเดือนต้องทำให้ได้มูลค่า 24,960 ล้านเหรียญสหรัฐ และถ้าติดลบ 1% จะต้องส่งออกให้ได้เฉลี่ย 24,200 ล้านเหรียญสหรัฐ แต่ถ้าจะให้ฟันธง ทั้งปีน่าจะติดลบ 1%

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การส่งออกเดือน ส.ค.2566 ที่เพิ่มขึ้น 2.6% เป็นการกลับมาเป็นบวกครั้งแรกในรอบ 11 เดือน หลังจากที่ก่อนหน้านี้ การส่งออกติดลบต่อเนื่องมาแล้ว 10 ติดต่อกัน นับตั้งแต่เดือน ต.ค.2565 ที่ลดลง 4.2% พ.ย.2565 ลด 5.6% ธ.ค.2565 ลด 14.3% ม.ค.2566 ลด 4.6% ก.พ.2566 ลด 4.8% มี.ค.ลด 4.2% เม.ย.2566 ลด 7.7% พ.ค.ลด 4.6% มิ.ย. ลด 6.5% ก.ค.ลด 6.2%

 

ภาวะการค้าระหว่างประเทศของไทย เดือนสิงหาคม และ 8 เดือนแรกของปี 2566 🚢✈🌏📊

นายกีรติ รัชโน ปลัดกระทรวงพาณิชย์ แถลงข่าวภาวะการค้าระหว่างประเทศ เดือนสิงหาคม 2566 และ 8 เดือนแรกของปี 2566 พร้อมด้วย ผู้บริหารกระทรวงพาณิชย์ ณ ห้องกิติยากรวรลักษณ์ ตึกสำนักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์

การส่งออกของไทยในเดือนสิงหาคม 2566 พลิกกลับมาขยายตัวในรอบ 11 เดือน มีมูลค่า 24,279.6 ล้านเหรียญสหรัฐ (824,938 ล้านบาท) ขยายตัวร้อยละ 2.6 หากหักสินค้าเกี่ยวเนื่องกับน้ำมัน ทองคำ และยุทธปัจจัย ขยายตัวร้อยละ 3.9 ได้รับแรงหนุนจากสัญญาณการฟื้นตัวของภาคการผลิตโลกที่ดีขึ้นกว่าเดือนก่อนหน้า

แม้ว่า จะยังอยู่ระดับต่ำกว่าปกติ การใช้จ่ายของผู้บริโภคปรับตัวดีขึ้นตามภาคบริการของประเทศคู่ค้าที่ขยายตัว ส่งผลดีต่อสินค้าส่งออกที่เกี่ยวเนื่อง รวมทั้งการส่งเสริมนโยบายพลังงานสะอาดและความต้องการสินค้าเทคโนโลยี ทำให้หมวดสินค้าอุตสาหกรรมกลับมาขยายตัวอีกครั้ง ประกอบกับการอ่อนค่าของเงินบาทในระดับที่เหมาะสมส่งผลดีต่อการส่งออก

ตลาดคู่ค้าสำคัญฟื้นตัวได้ดี อาทิ สหรัฐฯ จีน ญี่ปุ่น อินเดีย เกาหลีใต้ ไต้หวัน ออสเตรเลียซาอุดีอาระเบีย และแอฟริกาใต้ โดยการส่งออกของไทยในเดือนนี้ยังทำได้ดีกว่าหลายประเทศในภูมิภาค และกลับมาเกินดุลการค้าอีกครั้ง ทั้งนี้ การส่งออกไทย 8 เดือนแรกของปี 2566 หดตัวร้อยละ 4.5 และเมื่อหักสินค้าเกี่ยวเนื่องกับน้ำมัน ทองคำ และยุทธปัจจัย หดตัวร้อยละ 1.5

 

📊มูลค่าการค้ารวม

💰มูลค่าการค้าในรูปเงินดอลลาร์สหรัฐ

เดือนสิงหาคม 2566 การส่งออก มีมูลค่า 24,279.6 ล้านเหรียญสหรัฐ

ขยายตัวร้อยละ 2.6 เทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน การนำเข้า มีมูลค่า 23,919.7 ล้านเหรียญสหรัฐ หดตัวร้อยละ 12.8 ดุลการค้า เกินดุล 359.9 ล้านเหรียญสหรัฐ ภาพรวม 8 เดือนแรกของปี 2566 การส่งออก มีมูลค่า 187,593.1 ล้านเหรียญสหรัฐ หดตัวร้อยละ 4.5 เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน การนำเข้า มีมูลค่า 195,518.6 ล้านเหรียญสหรัฐ หดตัวร้อยละ 5.7 ดุลการค้า 8 เดือนแรกของปี 2566 ขาดดุล 7,925.4 ล้านเหรียญสหรัฐ

 

💰มูลค่าการค้าในรูปเงินบาท

เดือนสิงหาคม 2566 การส่งออก มีมูลค่า 824,938 ล้านบาท หดตัวร้อยละ 4.4 เทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน การนำเข้า มีมูลค่า 822,476 ล้านบาท หดตัวร้อยละ 18.6 ดุลการค้า เกินดุล 2,462 ล้านบาท ภาพรวม 8 เดือนแรกของปี 2566 การส่งออก มีมูลค่า 6,379,734 ล้านบาท หดตัวร้อยละ 3.9 เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน การนำเข้า มีมูลค่า 6,732,833 ล้านบาท หดตัวร้อยละ 5.3 ดุลการค้า 8 เดือนแรกของปี 2566 ขาดดุล 353,009 ล้านบาท

 

📊การส่งเสริมการส่งออกของกระทรวงพาณิชย์ และแนวโน้มการส่งออกระยะถัดไป

สำหรับ แผนการส่งเสริมการส่งออกในช่วงที่เหลือของปี 2566 นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้มอบนโยบายแก่ผู้บริหารกระทรวงพาณิชย์ พาณิชย์จังหวัด และทูตพาณิชย์ทั่วโลก เมื่อวันที่ 14 กันยายน 2566 ที่ผ่านมา โดยยังคงให้รักษาเป้าหมายการส่งออกในปี 2566 ไว้อยู่ที่ร้อยละ 1 - 2 และมีนโยบาย’เร่งขยับตัวเลขการส่งออก เปลี่ยนจากติดลบให้เป็นบวก’ โดย

(1) ใช้ประโยชน์จาก Soft Power สร้างเรื่องราวให้กับสินค้าและบริการไทยโดยเชื่อมโยงกับภาคบริการและการท่องเที่ยว

(2) จัดทำและนำข้อมูลมาใช้วิเคราะห์พฤติกรรมผู้บริโภคเชิงลึกในตลาดทั่วโลก เพื่อนำมาพัฒนาสินค้าให้ตอบสนองความต้องการ

(3) แก้ไขปัญหาและอุปสรรคการค้าชายแดน เป็นปัญหาคอขวดและเป็นอุปสรรคต่อสินค้าไทยตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ

(4) ผลักดันและสร้างระบบนิเวศน์ในการยกระดับผู้ให้บริการโลจิสติกส์ไทย เป็นผู้ให้บริการระดับภูมิภาค นอกจากนี้มีนโยบาย “ผลักดันให้มีการใช้ประโยชน์จาก FTA” โดยให้ภาครัฐเข้าไปช่วยเหลือผู้ประกอบการในการปรับตัว สร้างความรู้ความเข้าใจ โดยเฉพาะผู้ประกอบการรายเล็ก และเตรียมความพร้อมให้ดำเนินธุรกิจสอดรับกับกฎกติกาใหม่ ๆ ของโลก เช่น Carbon Credit BCG และ SDGs เป็นต้น

   อีกทั้ง ได้มอบหมายให้พาณิชย์จังหวัดและทูตพาณิชย์ วางแผนยุทธศาสตร์หรือแผนบริหารจัดการสินค้าอย่างครบวงจรร่วมกัน ทั้งในประเทศและต่างประเทศ เพื่อ ‘รักษาตลาดเดิม เสริมตลาดใหม่’ และเพิ่มบทบาท’พาณิชย์คู่คิด SME’ ให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการรายเล็กให้สามารถส่งออกได้

 

📊 แนวโน้มการส่งออกในระยะถัดไป

กระทรวงพาณิชย์ ประเมินว่า การส่งออกในช่วงที่เหลือของปี จะมีแนวโน้มการฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป สินค้าที่เกี่ยวข้องกับเมกะเทรนส์ด้านพลังงานสะอาด และเทคโนโลยีดิจิทัลมีทิศทางที่ขยายตัวได้ดี ส่วนความต้องการสินค้าเกษตรและอาหารที่เป็นสินค้าศักยภาพของไทยขยายตัวอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งในช่วงปลายปีมูลค่าการส่งออกมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจากคำสั่งซื้อสินค้าที่เกี่ยวเนื่องกับเทศกาลเฉลิมฉลองในประเทศคู่ค้า สำหรับภาพรวมตลาดส่งออกเริ่มเห็นการฟื้นตัวของตลาดหลัก อย่างสหรัฐฯ จีน และญี่ปุ่น กลับมาบวก ซึ่งเป็นสัญญาณที่ดี และตลาดส่งออกใหม่ๆ ที่ยังคงขยายตัวต่อเนื่อง

อย่างไรก็ตาม ความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลกจากการคงอัตราดอกเบี้ยระดับสูงยาวนานที่จะชะลอการผลิตและการบริโภคสินค้าโดยเฉพาะสินค้าที่ไม่จำเป็น ภาวะภัยแล้งที่อาจจะกระทบต่อผลผลิตเพื่อการส่งออก และปัญหาความขัดแย้งด้านภูมิรัฐศาสตร์ที่ยังไม่มีทีท่าว่าจะยุติ ล้วนเป็นปัจจัยที่อาจส่งผลกระทบต่อมูลค่าการส่งออกแทบทั้งสิ้น ซึ่งกระทรวงพาณิชย์ต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดต่อไป

 

ท่านสามารถดาวน์โหลดเอกสารประกอบการแถลง:

💾🔽ในคอมเมนต์ด้านล่าง

 

 ติดตามข้อมูลเศรษฐกิจการค้าก่อนใครที่

📌 LINE: @TPSO.tradeinsights

📌 Website : tpso.go.th

 

Click Donate Support Web 

 

 Banner GPF720x100 PX

CKPower 720x100

MTL 720x100

kasat 720x100TOA 720x100

วิริยะ 720x100

AXA 720 x100

aia 720 x100

BKI 720 x 100

PTG 720x100ais 720x100

TU 720x100 66

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!