- Details
- Category: พาณิชย์
- Published: Saturday, 09 November 2024 22:01
- Hits: 1659
พาณิชย์ เซ็น MOU กับ CIB ป้องกันเปิดบัญชีม้านิติบุคคล ใช้หลอกลวงคนไทย
นภินทร เป็นสักขีพยานการลงนาม MOU ระหว่างกรมพัฒนาธุรกิจการค้ากับกองบัญชาการตํารวจสอบสวนกลาง ผนึกกำลังร่วมกันในการป้องกันและปราบปรามบัญชีม้านิติบุคคล และนอมินี เพื่อสกัดมิจฉาชีพใช้เป็นช่องทางหลอกลวงคนไทย เผยล่าสุดพบบัญชีม้านิติบุคคล 602 บัญชี สร้างความเสียหาย 680 ล้านบาท
นายนภินทร ศรีสรรพางค์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังเป็นสักขีพยานพิธีลงนาม MOU การป้องกันและปราบปรามปัญหาการเปิดบัญชีม้าของนิติบุคคลและการใช้คนไทยเป็นตัวแทนอำพราง (Nominee) ระหว่างกรมพัฒนาธุรกิจการค้า และกองบัญชาการตํารวจสอบสวนกลาง (CIB) ที่กองบัญชาการตํารวจสอบสวนกลาง ว่า การลงนามใน MOU ร่วมกันในครั้งนี้ มีเป้าหมายเพื่อร่วมกันแก้ปัญหาบัญชีม้านิติบุคคลตามขอบข่ายภารกิจของแต่ละหน่วยงาน และมุ่งที่จะนำตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษให้ถึงที่สุด สร้างความมั่นใจให้นิติบุคคลไทยและปิดวงจรมิจฉาชีพไม่ให้มีโอกาสมาหลอกลวงคนไทยอีก
ทั้งนี้ ในปัจจุบันมิจฉาชีพได้เปลี่ยนวิธีการการหลอกลวงผู้เสียหาย โดยใช้วิธีการจดทะเบียนนิติบุคคลและนำหลักฐานการจดทะเบียนนิติบุคคลไปเปิดบัญชีธนาคาร (บัญชีม้านิติบุคคล) และนำบัญชีม้านิติบุคคลนั้น มาใช้เป็นบัญชีรับเงินจากผู้เสียหายที่ถูกหลอกลวงโดยแก๊งคอลเซ็นเตอร์ มีการหลีกเลี่ยงการจดทะเบียนนิติบุคคลโดยการหลีกเลี่ยงกฎหมายการจดทะเบียนของคนต่างด้าว โดยล่าสุด พบว่ามีบัญชีม้าที่เป็นนิติบุคคล 602 บัญชี สร้างมูลค่าความเสียหาย 680 ล้านบาท
สำหรับ การลงนามบันทึกความตกลงในครั้งนี้ ถือเป็นการเริ่มต้นที่สำคัญในการใช้อำนาจที่ต่างฝ่ายต่างมีอำนาจรัฐมาร่วมกันเพื่อป้องความเสียหายที่เกิดขึ้น ป้องปรามผู้กระทำความผิดที่มีความคิด วางแผน เตรียมการให้หยุดกระทำและปราบปรามผู้กระทำความผิด เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายมากขึ้น เพื่อให้คนไทยไม่ตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพ
“รัฐบาลให้ความสำคัญและตระหนักถึงความเสียหายที่จะเกิดขึ้นกับคนไทย ที่ประกอบอาชีพสุจริต และการแก้ไขปัญหาเหล่านี้ต้องร่วมมือกัน โดยกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เป็นจุดเริ่มต้นของการจดทะเบียนนิติบุคคล ซึ่งสร้างความเชื่อถือให้กับบุคคลทั่วไป ผมได้กำชับให้กรมพัฒนาธุรกิจการค้าเร่งตรวจสอบนิติบุคคลที่มีความเสี่ยง พร้อมทำงานจดทะเบียนธุรกิจอย่างรัดกุม เพื่อป้องกันปัญหาที่จะเกิดขึ้น และปิดโอกาสไม่ให้มิจฉาชีพนำความน่าเชื่อถือจากการจดทะเบียนนิติบุคคลมาใช้หลอกลวงประชาชนได้ และเร่งสร้างความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและบังคับใช้กฎหมายกับผู้กระทำผิดได้ทันที”นายนภินทรกล่าว
พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง กล่าวว่า กองบัญชาการตํารวจสอบสวนกลางจะทำงานอย่างใกล้ชิดร่วมกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้าในมิติที่ลึกขึ้นในการสืบสวนสอบสวนการเปิดบัญชีม้าในรูปแบบนิติบุคคล และในกรณีที่มีคนไทยรับจ้างเป็นนอมินีให้แก่คนต่างชาติเพื่อเอื้อในการทำธุรกิจที่ผิดกฎหมายหรือหลบเลี่ยงกฎหมายของไทย ที่ปัจจุบันพบการทำความผิดและได้รับการร้องเรียนจากประชาชนเพิ่มขึ้น ซึ่งการเชื่อมโยงข้อมูลจะทำให้การสืบสวนข้อเท็จจริงเป็นไปด้วยความรวดเร็วและมีหลักฐานดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดได้ครบถ้วนขึ้น
ที่ผ่านมา รัฐบาลโดย น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี มีนโยบายในการปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ซึ่งเน้นให้ความสำคัญกับมาตรการการตรวจสอบและปราบปรามบัญชีม้า ซึ่งเป็นช่องทางหลักการหลอกลวงรับเงินของมิจฉาชีพ
โดยที่ประชุมคณะรัฐมนตรีมอบหมายให้นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ดำเนินการเรื่องดำกล่าวอย่างเร่งด่วนและรายงานผลให้ ครม.ทราบภายใน 30 วัน ต่อมานายพิชัยมอบหมายให้นายนภินทรเป็นประธานอนุกรรมการภายใต้คณะกรรมการบริหารจัดการแก้ไขปัญหาสินค้าและธุรกิจต่างประเทศที่ฝ่าฝืนกฎหมาย มีอำนาจหน้าที่ในการตรวจสอบพฤติกรรมของบุคคลหรือนิติบุคคลที่อาจมีพฤติกรรมในการประกอบธุรกิจโดยใช้คนไทยเป็นตัวเป็นตัวแทนอำพรางหรือนอมินีเพื่อพิจารณาดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิด
ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) ร่วมมือกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า (DBD) สกัดดาวรุ่งแก๊งบัญชีม้านิติบุคคล ตามมาตรการ ‘ป้องกันและปราบปรามปัญหาการเปิดบัญชีม้าของนิติบุคคล และการใช้คนไทยเป็นตัวแทนอำพราง (Nominee’
กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก., พล.ต.ต.โสภณ สารพัฒน์ รอง ผบช.ก., พล.ต.ต.พุฒิเดช บุญกระพือ ผบก.ปอศ., พ.ต.อ.อภิชน เจริญผล, พ.ต.อ.จักรกริช เสริบุตร รอง ผบก.ปอศ., ว่าที่ พ.ต.อ.ธีรภาส ยั่งยืน ผกก.3 บก.ปอศ., พ.ต.ท.นนทพัทธ์ ยอดแก้ว, พ.ต.ท.ภาสกร นภาโชติ, พ.ต.ท.ณธัชพงศ์ สินสิริยานนท์, พ.ต.ท.ชวลิต น้ำใจสัตย์ รอง ผกก.3 บก.ปอศ.
พฤติการณ์ ด้วยสถานการณ์การก่ออาชญากรรมทางเทคโนโลยีในปัจจุบัน กลุ่มมิจฉาชีพได้พัฒนาวิธีการหลอกลวงประชาชนในรูปแบบต่างๆ เพื่อให้เกิดความหลงเชื่อและส่งมอบทรัพย์สิน เกิดความเสียหายเป็นเงินจำนวนมาก และมีผลกระทบต่อต่อเศรษฐกิจและสังคมเป็นวงกว้าง
สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้มีนโยบายในการป้องกันปราบปรามมิจฉาชีพซึ่งก่ออาชญากรรมทางเทคโนโลยี ทั้งกลุ่มแก๊งคอลเซ็นเตอร์ กลุ่มแก๊งสแกมเมอร์ กลุ่มกระบวนการฟอกเงิน การเข้าครอบงำกิจการของคนต่างด้าว หรือการใช้คนไทยเป็นตัวแทนอำพราง (Nominee) ซึ่งได้สั่งการให้หน่วยงานในสังกัดดำเนินการสืบสวนสอบสวน ป้องกันปราบปราม ติดตามจับกุมผู้กระทำความผิดเพื่อมารับโทษตามกฎหมายมาโดยตลอด
ปัจจุบันได้จัดตั้งศูนย์ป้องกันปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือ AOC เพื่อบูรณการหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนในการให้ความร่วมมือเพื่ออำนวยความสะดวกด้านการตรวจสอบและให้ข้อมูลระหว่างหน่วยงานและการดำเนินคดีตามกฎหมาย
โดยกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ได้ตอบสนองรับนโยบายของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และพัฒนาเทคโนโลยีและวิธีการปฏิบัติงานให้เท่าทันกลโกงของมิจฉาชีพซึ่งพัฒนารูปแบบการก่ออาชญากรรมให้มีความซับซ้อนมากยิ่งขึ้น ซึ่งได้รับความร่วมมือจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า (DBD) ในการสนับสนุนการปฏิบัติภารกิจของกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ในด้านการตรวจสอบข้อมูลนิติบุคคลต้องสงสัยที่เกี่ยวข้องกับการเปิดใช้บัญชีม้านิติบุคคล และการใช้คนไทยเป็นตัวแทนอำพราง (Nominee) จนนำไปสู่การจับกุมและดำเนินคดีกลุ่มมิจฉาชีพได้ในหลายๆ ภารกิจ
การลงนามในบันทึกความเข้าใจ (MOU) ระหว่างกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง และกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เกิดขึ้นได้จากความร่วมมือระหว่างหน่วยงานทั้งสองฝ่าย ที่เล็งเห็นปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนที่ถูกกลุ่มมิจฉาชีพหลอกลวงจนสูญเสียทรัพย์สินเป็นจำนวนมาก
และมีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และการสนับสนุนข้อมูลในการปฏิบัติภารกิจให้สามารถลุล่วงไปได้ อีกทั้งยังเป็นการพัฒนาแนวทางป้องกันปราบปรามกลุ่มมิจฉาชีพซึ่งก่ออาชญากรรมในประเทศไทย ลดความเสียหายที่จะเกิดขึ้นในอนาคตต่อเศรษฐกิจและสังคมไทย
เตือนภัยการเปิดบัญชีธนาคารให้บุคคลอื่น หรือยินยอมให้บุคคลอื่นใช้บัญชีธนาคารไปใช้ในการกระทำความผิด หรือเรียกว่าบัญชีม้า และการเป็นตัวแทนอำพราง (Nominee) การกระทำดังกล่าวมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา กฎหมายว่าด้วยการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว และกฎหมายว่าด้วยป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ซึ่งผู้กระทำความผิดต้องรับโทษทางอาญา
หากมีเบาะแสเกี่ยวกับการกระทำความผิดตามกฎหมาย สามารถแจ้งมาได้โดยตรงที่ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง Website : https://cib.go.th/ หรือ Facebook ตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปสู่การจับกุมผู้กระทำผิดต่อไป @D0UN9