WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

MOCฉตรชย สารกลยพณ.ดึงผู้ส่งออกไทยกว่า 400 ราย แสดงศักยภาพสินค้าที่เชียงใหม่

   แนวหน้า : พลเอกฉัตรชัย สาริกัลยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กระทรวงพาณิชย์ ได้กำหนดจัดงาน Top Thai Brands หรืองานสุดยอดแบรนด์ไทยขึ้น ที่ จ. เชียงใหม่ ซึ่งเป็นการจัดงานครั้งแรก และถือเป็นงานใหญ่ระดับสากลที่จัดในภูมิภาค เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในศักยภาพและคุณภาพของสินค้าส่งออกไทย ยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันให้ผู้ประกอบการไทย โดยเฉพาะ SMEs สร้างโอกาสและเพิ่มช่องทางการตลาดให้สินค้าไทย รวมถึงเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจในระดับภูมิภา ตามนโยบายของ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่ให้ความสำคัญกับการยกระดับขีดความสามารถของประเทศไทยในเวทีโลก และต้องการให้ผู้ประกอบการไทยสามารถส่งออกสินค้าที่มีมูลค่าเพิ่ม สร้างผลตอบแทนที่คุ้มค่าได้ รวมถึงเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจในภาพรวม

   "งานนี้ ถือเป็นงานแสดงสินค้าขนาดใหญ่ระดับประเทศ ที่นำไปจัดภูมิภาค ซึ่งงานนี้เชื่อว่าจะเป็นการช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในภูมิภาคทางเหนือตอนบนได้ ซึ่งงานนี้ได้เชิญนักธุรกิจจากประเทศเพื่อนบ้านที่อยู่ใกล้เคียง จ. เชียงใหม่ ทั้งจีนตอนใต้ สปป.ลาว และเมียนมาร์ เข้าร่วมงานด้วย"

   ทั้งนี้ งาน Top Thai Brands มีกำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 26-30 ส.ค. 2558 ณ ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติ เฉลิมพระเกียรติ 7 รอบพระชนมพรรษา จ.เชียงใหม่ ซึ่งเป็นการร่วมมือกันของทั้งหน่วยงานภาครัฐ และเอกชน ทั้ง จ.เชียงใหม่, กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา, กรมการข้าว, กรมการพัฒนาชุมชน, กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน, กรมหม่อนไหม,สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย, สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย โดยงานจะมีได้ระดมสินค้าแบรนด์ระดับคุณภาพส่งออก และแบรนด์ชั้นนำของประเทศกว่า 400 ราย เข้าร่วมจัดแสดงศักยภาพสินค้า ซึ่งทางกระทรวงพาณิชย์ก็หวังว่าจะมีผู้ร่วมงานจากในประเทศและต่างประเทศรวมไม่น้อยกว่า 50,000 ราย และคาดว่าจะมีเงินสะพัดจากการนี้ไม่น้อยกว่า 200 ล้านบาท

    "เดือน ส.ค.เป็นเดือนมหามงคล ตรงกับวันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ภายในงานจะมีนิทรรศการ “ข้าว” และ “ไหม” เพื่อให้ประชาชนชาวไทยได้ทราบถึงพระราชกรณียกิจของพระองค์ ในการส่งเสริมการผลิตผ้าไหมและข้าวไทย อันเป็นสินค้าสำคัญที่จะช่วยสร้างงาน สร้างอาชีพที่ยั่งยืนแก่เกษตรกร รวมทั้งการจัดนิทรรศการพื้นที่เศรษฐกิจพิเศษ ซึ่งเป็นนโยบายสำคัญของรัฐบาลด้วย"

       พลเอกฉัตรชัย กล่าวเพิ่มเติมว่า จากการที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สศช.) หรือสภาพัฒน์ฯ ปรับลดคาดการณ์ตัวเลขส่งออกปี 2558 เหลือ -3.5% จากเดิม -0.2% นั้น ยังยืนยันว่าทั้งปี 2558 กระทรวงฯ ยังมีแผนผลักดันส่งออกอย่างเต็มที่ โดยยังคงตัวเลขส่งออกเดิมไว้ที่ -3% และจะพยายามดูแลการส่งออกให้เป็นไปตามเป้าหมาย โดยในช่วงครึ่งปีหลังก็เชื่อว่าการส่งออกจะดีขึ้น โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมหนังอย่างรถยนต์ ที่ผู้ส่งออกยืนยันว่าสถานการณ์ยอดส่งออกดีขึ้น รวมถึงสินค้าเกษตรก็มีแนวโน้มไปได้ดี โดยเฉพาะข้าว ที่ตนได้เดินทางไปเจรจาขายมาแล้วในหลายประเทศ เช่น จีน ปากีสถาน และแอฟริกาใต้ อีกทั้งกระทรวงฯ ก็มีแผนผักดันส่งออกและมีการหารือกันเพื่อให้สามารถดำเนินการได้ตามแผนอยู่ต่อเนื่อง ขณะเดียวกันในวันที่ 18 ส.ค. นี้ก็จะมีการหารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น สภาหอการค้าไทย สภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย แบงก์ชาติ เป็นต้น เพื่อประเมินผลกระทบผลกระทบ ทั้งด้านบวกและลบ จากค่าเงินหยวนที่อ่อนค่าลง รวมถึงหาแนวทางรับมือผลกระทบร่วมกัน และรักษาตัวเลขส่งออกให้เป็นไปตามเป้าหมาย ส่วนคาดการณ์ตัวเลขเงินเฟ้อที่สภาพัฒน์ฯ ปรับลดลงมาว่าจะติดลบ หรือจะอยู่ในกรอบ -0.7% ถึง -0.2% นั้นก็ไม่อยากให้เป็นกังวลมากนัก เพราะจะเป็นการซ้ำเติมสถานการณ์ให้ประชาไม่กล้าจับจ่ายใช้สอย และจะเป็นการบั่นทอนการทำงานของข้าราชการ

    นอกจากนี้ จากการประชุมกองทุนส่งเสริมการส่งออกในช่วงเช้าของวันที่ 17 ส.ค. ที่ผ่านมา เพื่อขับเคลื่อนการส่งออกให้เป็นไปตามยุทธศาสตร์และแผนงานในการเร่งหาตลาดใหม่ ในที่ประชุมยังมีแผนในการเร่งหาตลาดใหม่ รวมทั้งใช้เงินในกองทุนในการสนับสนุนกิจกรรมของภาคเอกชนที่ไม่สามารถใช้งบประมาณของราชการได้ เช่น การร่วมเดินทางไปเปิดตลาดในต่างประเทศรางมกับกระทรวงพาณิชย์ การจัดอบรมพัฒนาผู้ส่งออกรายใหม่ของเอกชน ให้เป็นผู้ส่งออกรุ่นใหม่

  นายเกรียงไกร เธียรนุกุล รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ตัวเลขส่งออกที่ติดลบไปมาก ต้องยอมรับว่าเป็นปัญหามาจากตลาดโลกที่มีปัญหาจากเศรษฐกิจโลกซบเซา แม้ตลาดจีนก็ยังมีปัญหาและส่งผลให้ประเทศต่างๆ มีการปรับลดค่าเงินกันทั่วโลก ซึ่งผลจาการลดค่าเงินหยวน คงจะผลกระทบกับการส่งออกสินค้าสำเร็จรูปบ้างในตลาด ที่ต้องการสินค้าราคาถูกเช่น แอฟริกา และผลกระทบต่อผู้นำเข้าจากค่าเงินที่อ่อนค่าลง แต่ในตลาด CLMV แม้จะมีสินค้าจีน เข้ามาขายจำนวนมาก แต่สินค้าไทยน่าจะแข่งขันได้เนื่องจาก สินค้าแบรนด์ไทยได้รับความนิยมมากกว่า แต่อย่างไรก็ตามหากสินค้าจีนส่งออกได้มากขึ้น น่าจะส่งผลบวกต่อการส่งออกสินค้าไทย ที่ส่งออกเป็นสินค้าวัตถุดิบเพื่อ ป้อนการส่งออกในประเทศจีน และ ประเทศในแถบอาเซียน ก็น่าจะส่งออกได้มากขึ้นและน่าจะความต้องการซื้อสินค้าจากไทยมากขึ้น

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!