WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

MOCอภรด ตนตราภรณพาณิชย์ ผลักดันโครงการสร้างเศรษฐกิจชุมชน พัฒนาเศรษฐกิจฐานราก ตอบโจทย์นโยบายสร้างความเข้มแข็งจากภายใน

     นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า จากการที่รัฐบาลมีนโยบายปรับความสมดุลด้านการเศรษฐกิจในประเทศและระหว่างประเทศ มุ่งเน้นการสร้างความเข้มแข็งจากภายในประเทศโดยการขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานราก กระทรวงพาณิชย์จึงได้จัดทำโครงการสร้างเศรษฐกิจชุมชนโดยมีแผนดำเนินการเพื่อสร้างความเข้มแข็งให้แก่ชุมชนและท้องถิ่น ประกอบด้วย (1) การส่งเสริมตลาดชุมชนในส่วนที่อยู่ในความดูแลของกระทรวงพาณิชย์จำนวน 231 แห่ง Farm Outlet 30 แห่ง ตลาดกลางค้าส่งสินค้าเกษตร 54 แห่ง และให้การสนับสนุนแก่ตลาดชุมชนที่อยู่ในความดูแลของกระทรวง มหาดไทยจำนวน 2,271 แห่ง ตลาดสด 1,777 แห่ง และตลาดสดเทศบาล 700 แห่ง (2) การพัฒนาร้านค้าชุมชน โดยภายใน 3 ปี สามารถส่งเสริมร้านค้าส่งต้นแบบจำนวน 302 แห่ง ให้สามารถลดต้นทุน การประกอบธุรกิจร้อยละ 5-10  และเชื่อมโยงไปสู่ร้านค้าปลีกชุมชนเครือข่ายทั่วประเทศ 43,400 แห่ง ก่อให้เกิดรายได้กว่า 1 หมื่นล้านบาทต่อปี และ (3) การพัฒนาวิสาหกิจชุมชน โดยการพัฒนาองค์ความรู้ ด้านบริหารจัดการ การตลาด และการทำบัญชี จำนวน 60,000 แห่ง ทั้งนี้ กรมการค้าภายในและกรมพัฒนาธุรกิจการค้าจะเป็นเจ้าภาพหลัก โดยมีสำนักงานพาณิชย์จังหวัดทั่วประเทศเป็นกลไกขับเคลื่อน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งให้แก่กลไกตลาดและห่วงโซ่อุปทานระดับท้องถิ่น เพิ่มช่องทาง การจำหน่ายสินค้า เพิ่มรายได้ให้แก่ชุมชน เกษตรกรและผู้ประกอบการ ส่งเสริมการจ้างงานในท้องถิ่น และเพิ่มทางเลือกการบริโภคสินค้าในราคาที่เป็นธรรม

   การกำหนดโครงการส่งเสริมและยกระดับตลาดชุมชน/ท้องถิ่นนั้น กระทรวงพาณิชย์จะกำหนดโครงการ/กิจกรรมให้สอดคล้องประเภทของตลาดและความต้องการของแต่ละชุมชน ได้แก่ ตลาดชุมชน ตลาดนัด และFarm Outlet กำหนดกิจกรรมส่งเสริมเอกลักษณ์พาณิชย์ อัตลักษณ์ชุมชน เชื่อมโยงสินค้าจากแหล่งผลิตสู่ชุมชน ส่งเสริมตลาดสินค้าเกษตรอินทรีย์ และเชื่อมโยงจากแหล่งการค้าสู่แหล่งท่องเที่ยว ในส่วนของตลาดสดและตลาดเทศบาล กระทรวงพาณิชย์มีแผนให้การสนับสนุนการยกระดับมาตรฐานการจัดการ อาทิ การปฏิบัติตามกฎระเบียบ ได้แก่ ปิดป้ายราคา น้ำหนักเที่ยงตรง การเสริมสร้างความรู้ด้านการตลาดและข้อมูลข่าวสาร ส่งเสริมมาตรฐานด้านสุขอนามัย สำหรับตลาดกลางสินค้าเกษตร กำหนดให้มีกิจกรรมเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการรวบรวมและจำหน่ายสินค้า สำหรับตลาดกลางค้าส่งสินค้าเกษตรจำแนกการ ส่งเสริมเป็นรายสินค้า  ได้แก่ ข้าวและพืชไร่  ผักและผลไม้  สัตว์น้ำและผลิตภัณฑ์ อื่นๆ อาทิ  ปลาสวยงาม ตัวอย่างแนวทางการส่งเสริมตลาดกลางค้าส่งสินค้าข้าวและพืชไร่ ได้แก่ การจัดตลาดนัดข้าวเปลือก การประมูลข้าวสารลักษณะพิเศษ  ตลาดนัดตามแหล่งผลิตในฤดูเก็บเกี่ยว อาทิ ถั่วเขียว การส่งเสริมตลาดกลางผักและผลไม้ อาทิ การจัดชั้นมาตรฐานและคัดแยกคุณภาพ พัฒนาบรรจุภัณฑ์ สำหรับตลาดกลางสัตว์น้ำส่งเสริมให้มีระบบประมูล จัดทำระบบห้องเย็น ทั้งนี้ ตลาดกลางสินค้าเกษตรทุกประเภท จะมีการพัฒนาระบบและการให้บริการข้อมูลด้านราคา ระบบคลังสินค้าและการจัดเก็บ โดยในปี 2559 มีเป้าหมายที่จะพัฒนาตลาดชุมชน จำนวน 71 แห่ง Farm Outlet จำนวน 6 แห่ง  Organic Village จำนวน 5 จังหวัด ตลาดกลางสินค้าเกษตรจำนวน 11 แห่ง

     นอกจากนั้น กระทรวงพาณิชย์กำหนดโครงการพัฒนาร้านค้าชุมชน โดยเพิ่มศักยภาพทางธุรกิจเพื่อให้พร้อมต่อการแข่งขัน โดยเสริมสร้างศักยภาพการบริหารจัดการ ได้แก่ สนับสนุนการพัฒนาสู่ร้านค้าสมัยใหม่ (สวย สะดวก สะอาด สว่าง) พัฒนาระบบจัดซื้อและสินค้าคงคลัง ตลอดจนลดต้นทุนสินค้าคงคลัง จัดหมวดหมู่สินค้า พร้อมทั้งส่งเสริมให้เป็นช่องทางการจำหน่ายสินค้า OTOP โครงการนี้จะส่งผลให้ร้านค้าชุมชนสามารถลดต้นทุนการประกอบธุรกิจได้ประมาณร้อยละ 5 – 10 และสามารถกระจายสินค้าให้แก่ผู้บริโภคได้อย่างทั่วถึงในราคาประหยัด โดยในปี 2559 มีเป้าหมายที่จะพัฒนาร้านค้าส่งต้นแบบจำนวน 88 แห่ง จาก 55 จังหวัด ซึ่งเชื่อมโยงไปยังร้านค้าปลีกเครือข่ายจำนวน 10,200 แห่ง ที่จะตอบสนองต่อผู้บริโภค 13 ล้านคน

    รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ มั่นใจว่า โครงการสร้างเศรษฐกิจชุมชน (Local Economy) นี้จะเป็นปัจจัยสำคัญที่จะสร้างความเข้มแข็งให้แก่เศรษฐกิจภายในประเทศ โดยกระตุ้นให้เกิดการขับเคลื่อนของเศรษฐกิจฐานราก ซึ่งกระทรวงพาณิชย์มีบทบาทสำคัญในการสร้างพื้นฐานทางการตลาด ดูแลกลไกการตลาดให้ขับเคลื่อนอย่างมีประสิทธิภาพ สร้างเครือข่ายและความเข้มแข็งให้แก่ผู้ประกอบการและเกษตรกร ซึ่งจะส่งผลให้เศรษฐกิจของประเทศสามารถบูรณการกับเศรษฐกิจอาเซียนและเชื่อมโยงสู่เศรษฐกิจโลกได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน

สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย 

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!