WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

TDSA ยกระดับสมาคมสู่สากล

     นางสุกานดา ชุณหชัชราชัย ผู้จัดการสมาคมการขายตรงไทย (TDSA) กล่าวว่า "TDSA" ก่อตั้งแต่ปี 2526 ซึ่งมีบทบาทสำคัญเกี่ยวกับธุรกิจมาโดยตลอด โดยเฉพาะในเรื่องของการศึกษา ทั้งทางบริษัทสมาชิกของสมาคมและสมาชิกอิสระ รวมทั้งได้เข้าร่วมกับสถานศึกษา และได้ให้ความรู้ในเรื่องของธุรกิจขายตรงที่ถูกต้องกับแชร์ลูกโซ่ ซึ่งเป็นสิ่งที่ทางสมาคมได้ทำมาตลอด

     ทั้งนี้ "TDSA" จะมีกิจกรรมต่างๆ ค่อนข้างมาก เพื่อช่วยอุตสาหกรรมทั้งระบบ ตามนโยบายส่งเสริมการดำเนินธุรกิจขายตรงมาโดยตลอด โดยเฉพาะการเน้นจรรยาบรรณที่เข้มแข็ง ก่อนที่จะสมาคมเข้ามาในสมาคมก็จะมีการตรวจสอบสมาชิกกันอย่างเข้มข้น โดยยึดมั่นกับการทำธุรกิจแบบยึดมั่นกับสังคม และผู้บริโภคในเรื่องของจรรยาบรรณการขายตรง

    "สมาคมขายตรงมั่นใจเศรษฐกิจปีนี้กำลังซื้อส่งสัญญาณบวก ดันธุรกิจกลับมาโต 7-10% ธุรกิจขายตรงไทย ซึ่งมีมูลค่าตลาดรวมในปีที่ผ่านมากว่า 70,000 ล้านบาท มีอัตราเติบโตเฉลี่ย 7-10% ทุกปี และเป็นธุรกิจที่มีความยืดหยุ่นสูง ทั้งในช่วงเศรษฐกิจดีและหดตัว เป็นเสน่ห์ดึงดูดให้รายใหม่ๆ ต้องการเข้ามาแย่งชิงส่วนแบ่งตลาดก้อนนี้ ซึ่งในตลอดปีที่ผ่านมาปรากฏว่ามีธุรกิจขายตรงใหม่ๆ เปิดตัวเพิ่มขึ้นอีกเกือบร้อยราย ทางสมาคมขายตรงฯ จึงต้องเร่งยกระดับอุตสาหกรรมขายตรงสู่สากล ตามแนวทางของสมาพันธ์การขายตรงโลก"

    อย่างไรก็ตาม สมาคมการขายตรงไทยมีนโยบายในการทำให้อุตสาหกรรมเติบโต ซึ่งได้มีการปรับเปลี่ยนกฎระเบียนต่างๆ ให้ดียิ่งขึ้น เพื่อความเหมาะสมกับสถานการณ์ โดยเฉพาะเมื่อมีการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) จะสามารถสร้างโอกาสให้กับธุรกิจขายตรงเป็นอย่างมาก เนื่องจากตลาดจะขยับตัวสูงขึ้นรวม 20-40% เป็นต้น

      สำหรับ ผู้ที่กำลังมองหาอาชีพเสริมหรือการเป็นเจ้าของธุรกิจของตนเองสมาคมการขายตรงไทย ซึ่งเป็นสมาคมเดียวในประเทศไทยที่ได้รับการรับรองให้เป็นสมาชิกของสมาพันธ์การขายตรงโลก มีการดำเนินงานตามมาตรฐานสากลและมีส่วนแบ่งการตลาดของบริษัทสมาชิกในประเทศไทยมากกว่า 70% นั้น สมาคมพร้อมที่จะให้ข้อมูลธุรกิจเครือข่ายเพื่อประกอบการพิจารณาและตัดสินใจแก่ทุกท่าน และยินดีกับทุกท่านในความสำเร็จตามที่ท่านตั้งเป้าหมายไว้

เทรนด์เกษตรมาแรง

    ขณะที่ ดร.สมชาย หัชลีฬหา นายกสมาคมพัฒนาการขายตรงไทย (TSDA) กล่าวว่า ธุรกิจขายตรงในปีที่ผ่านมายอดอาจจะทรงๆ หรืออาจจะต่ำ เพราะยอดไม่เพิ่มขึ้น ซึ่งดูจากยอดการจดทะเบียนที่กรมพัฒนาธุรกิจแจ้งมา จะมีมูลค่าการตลาดน่าจะประมาณ 5-8 หมื่นล้านบาทเท่านั้น

    อย่างไรก็ตาม เป็นที่สังเกตว่าที่ผ่านมาแม้เศรษฐกิจจะโต ธุรกิจขายตรงมักจะโตเพิ่มกว่า GDP ถ้าเป็นร้อยละ 2-3 เท่า สำหรับสิ่งหนึ่งที่มีปัจจัยที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ นั่นคือภาคเกษตร เพราะในประเทศประมาณ 40 ล้านคนคือคนที่ใช้แรงงานในภาคเกษตรทั้งหมด ส่วนประมาณ 16 ล้านคนที่ทำธุรกิจขายตรง ซึ่งจะมีคนที่อยู่ในภาคเกษตรเข้ามาร่วมด้วย

   "ทุกวันนี้ภาคเกษตรมีอิทธิพลและเป็นตัวขับเคลื่อน พิสูจน์ได้จากเมื่อก่อนแม้ GDP ไม่เยอะ แต่ขายตรงโต แต่แม้ GDP ไม่โต แต่ค้าปลีกไม่ตก แต่ปีนี้ภาคเศรษฐกิจไม่โต แต่ภาคเกษตรตก กลายเป็นว่าส่วนที่มีอิทธิพลคือภาคเกษตร ซึ่งราคาพืชผลตก และเกษตรกรก็ลำบาก คือน่าจะมีความสำพันธ์กันโดยหลีกเลี่ยงไม่ได้ ก็อาจจะมองว่า 16 ล้านคนในภาคเกษตร อาจจะสัก 10 ล้านคนที่มีส่วนร่วมกับขายตรง"

    อย่างไรก็ตาม ในช่วงฤดูกาลเพาะปลูกของเกษตรกร ส่งผลให้ยอดธุรกิจขายตรงที่เกี่ยวกับการเกษตรโตมากกว่า แต่ปัญหาคือคนเหล่านั้นไม่เข้าใจในธุรกิจขายตรง มีแต่ซื้อใช้ผลิตภัณฑ์โดยที่ไม่ได้สนใจธุรกิจ เนื่องจากเมื่อก่อนขายจะมีการออกไปตามบ้าน เพื่อชวนทำธุรกิจหรือขายสินค้าส่วนใหญ่ แต่ทุกวันนี้มีการบอกผ่านเทคโนโลยีออนไลน์ และวิธีการขายก็ชวนกลุ่มเป้าหมายคือการชวนกลุ่มคนที่อยากทำอาชีพเสริม ซึ่งตรงนี้จะตอบโจทย์ เพราะภาคเกษตรก็ต้องการรายได้เสริมทั้งนั้น

     "ผมมองว่าธุรกิจขายตรงปี 58 จะต้องดี เพราะภาครัฐมีการพัฒนา และคนในอุตสาหกรรมก็เริ่มรู้แล้วว่าถ้าจะขายตรงให้มั่นคง จะต้องมีมาตรฐานอย่างไร ต่างจากเมื่อก่อนที่จะโมติเวทกันอย่างเดียว ไม่ว่าจะเสนอคุณค่าของสินค้าก็ดี หรือคุณค่าของระบบของบริษัทก็ดี ที่ไม่ได้พูดกันลอยๆ แต่จับต้องได้ ตรงนี้ก็น่าจะเป็นการพัฒนาอุตสาหกรรมนี้ ผมเชื่อว่าปีนี้ภาครวมน่าจะดีกว่าปีที่แล้วแน่นอน"

แนะตั้ง "สำนักงานขายตรง"

    ขณะที่นายนิโรจน์ เจริญประกอบ นายกสมาคมธุรกิจเครือข่ายขายตรงไทย(TDNA) กล่าวว่า สมาคมฯ ถือเป็นสมาคมใหม่ ที่ได้จดทะเบียนมาเมื่อ 3 มิถุนายน 2556 ที่ผ่านมา และจะเกี่ยวกับธุรกิจเครือข่ายขายตรงไทย ซึ่งได้ดำเนินมาได้ 2 ปี แต่ได้นำเสนอเกี่ยวกับการนำเสนอกฎหมายขายตรง โดยให้ทาง สคบ.รับไปพิจารณา

    ดังนั้น ทางสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) ซึ่งทำหน้าที่เกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภคอยู่แล้ว โดยงานค่อนข้างมาก แต่ยังได้ผลักดัน "องค์กรส่งเสริมอาชีพด้านธุรกิจขายตรงและตลาดแบบตรง" ขึ้นภายใต้สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค

     "ตรงนี้ผมมองว่าควรที่จะแยกออกจาก สคบ.เลย ไปสังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี หรือจะขึ้นตรงกับนายกรัฐมนตรี เพราะถึงแม้จะเป็นองค์กรด้านขายตรง แต่ก็ยังขึ้นตรงกับทาง สคบ.อยู่ ทั้งๆ ที่ สคบ.ก็มีภารกิจมากมาย สคบ.อาจจะทำงานได้ไม่ดีเท่าที่ควร ผมอยากยกตัวอย่าง อย่างธุรกิจประกันภัยที่มีสำนักงานมาคอยควบคุมดูแล ธุรกิจประกันภัยถึงเป็นที่ยอมรับในสังคมได้ ไม่เหมือนในอดีตที่มีแต่คนหลีกเลี่ยงหนีหน้า ผมว่าถ้าจะทำองค์กรขายตรงก็ควรจะแยกออกมาเลย ภาพลักษณ์ขายตรงคงดีขึ้นแน่นอน"

     นอกจากนี้ นายก TDNA ยังบอกอีกว่า ทุกวันนี้ทางหน่วยงาน สคบ. ไม่สามารถที่จะทำให้ธุรกิจแชร์ลูกโซ่หมดไปได้ ถึงแม้จะรู้อยู่แล้ว มีหลักฐานชัดเจนอยู่แล้ว แต่ไม่สามารถที่จะไปยกเลิกเพิกถอนได้ เพราะว่าอาจจะมีปัญหากับผู้ประกอบการเหล่านั้น เพราะฉะนั้นผู้ประกอบการเหล่านั้นจะอาศัยช่องทางที่ทาง สคบ.ไม่สามารถดำเนินการได้ เร่งดำเนินการกระจายความเสียหาย ทำให้คนที่เข้าไปหลงตกเป็นเหยื่อเพิ่มมากขึ้น

    ดังนั้น ประเด็นนี้ผมอยากจะนำเสนอให้ทาง สคบ.นำไปเขียนเอาไว้ในกฎหมายขายตรงและตลาดแบบตรงในฉบับที่กำลังจะแก้ไขนี้ว่า ให้อำนาจ สคบ.ในการที่จะยับยั้งการดำเนินธุรกิจเป็นการชั่วคราวได้จากกว่าผู้ที่ดำเนินธุรกิจเหล่านี้พิสูจน์ได้ว่าตนเองไม่ได้กระทำผิดกฎหมาย ไม่ได้ฉ้อโกงประชาชน ถ้าเขาพิสูจน์ไม่ได้เขาก็ยังทำธุรกิจไม่ได้ สคบ.มีหน้าที่ยับยั้งเอาไว้ก่อน เพื่อไม่ให้ธุรกิจนั้นลุกลามเพิ่มมากขึ้น" นายนิโรจน์ กล่าว

มิสทินกางแผนสู้ปีแพะ

     นายดนัย ดีโรจนวงศ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เบทเตอร์เวย์ (ประเทศไทย) จำกัด ธุรกิจขายตรง "มิสทิน" เปิดเผยว่า ภาพรวมธุรกิจขายตรงปี 2558 มีแนวโน้มเติบโตไม่หวือหวา เนื่องจากยังไม่เห็นสัญญาณการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ชัดเจน ดังนั้นบริษัทจึงวางแผนการดำเนินงานปี 2558 ให้มีความยืดหยุ่นและตั้งเป้าการเติบโตแบบคอนเซอร์เวทีฟที่ 5% หรือคิดเป็นรายได้ 14,000 ล้านบาท จากปี 2557 เติบโตเพียง 4% ปิดยอดขายที่ 13,600 ล้านบาท โดยจะเร่งทำตลาดตั้งแต่ต้นปี ด้วยการส่งสินค้าใหม่ที่เน้นไปที่เรื่องของนวัตกรรมเข้ามาทำตลาดอย่างต่อเนื่องควบคู่กับการโฆษณา เพื่อสร้างความคึกคักและกระตุ้นตลาด

    โดยตั้งแต่เดือนมกราคมจะเปิดจีงลอนช์มาสคาร่า มีพลอย เฌอมาลย์ เป็นพรีเซ็นเตอร์ ปีนี้บริษัทได้เตรียมงบฯ โฆษณาไว้ 1,000 ล้านบาท เท่ากับปีนี้จะเน้นไปที่การโฆษณาทางทีวี ผ่านสื่อโทรทัศน์ช่อง 3 และ 7เป็นหลัก รวมทั้งขยายไปที่ทีวีดิจิตอล อาทิ ช่องอาร์เอส, เวิร์คพอยท์, โมโน ซึ่งปีหน้าจะเห็นมากขึ้น รวมถึงสื่อโซเชียล อาทิ แอพพลิเคชั่น ไลน์ เฟซบุ๊ค บล็อกเกอร์ ไวรัลมาร์เก็ตติ้ง เพื่อให้สอดรับกับพฤติกรรมผู้บริโภคที่ใช้เวลากับอินเตอร์เน็ตมากขึ้น จากนี้ไปจะต้องเพิ่มความหนักหน่วงเพื่อสร้างแรงกระตุ้นให้ซื้อสินค้ามากขึ้นจากช่วงปกติ รวมถึงความร่วมมือกับพันธมิตรเพื่อเพิ่มช่องทางขายใหม่ๆ เช่นการจับมือกับแอร์เอเชียพัฒนาลิปสติกเพื่อนำมาขายบนเครื่องบินรวมถึงการใช้พรีเซ็นเตอร์ ซึ่งปีหน้าจะมีพรีเซ็นเตอร์ใหม่ด้วยสร้างบรรยากาศและความตื่นเต้นให้กับตลาด เพิ่มงบฯ พิเศษรีครูตสาวจำหน่าย

   อย่างไรก็ตาม คงต้องติดตามกันต่อไปว่า ธุรกิจเครือข่ายขายตรงในปี 2558 นี้ จะเป็นธุรกิจดาวรุ่งหรือธุรกิจดาวร่วงกันแน่ คงต้องจับตาอย่างไม่กะพริบ

ขายตรงรับอานิสงส์เออีซี

       นายนาคาญ์ ทวิชาวัฒน์ นายกสมาคมอุตสาหกรรมขายตรงไทย (TDIA) เปิดเผยถึงทิศทางธุรกิจขายตรงปีนี้ว่า ในการเปิดเขตเศรษฐกิจการค้าเสรี (เออีซี) จะเป็นตัวกระตุ้นและความนิยมสูงกว่าทุกปี และในธุรกิจ MLM ผู้ประกอบการจะเข้ามาจำนวนมาก โดยเฉพาะในเรื่องของความพยายามซื้อแม่ทีมเข้ามาร่วมงาน ซึ่งหากสถานการณ์เป็นเช่นนี้จะทำให้เกิดการแย่งชิงของผู้ประกอบการในการซื้อแม่ทีมที่มีฝีมือเข้ามาร่วมงานอีกด้วย

        อย่างไรก็ตาม ในปีนี้หากจะให้วิเคราะห์ภาพรวมของธุรกิจ ถือว่ามีอัตราการเติบโตที่ดี แต่มุมกลับกันอาจจะส่งผลกระทบในตัวธุรกิจปีต่อๆ ไป ลักษณะเช่นนี้ธุรกิจขายตรงอาจต้องใช้ระยะเวลา เนื่องจากการเปิดเออีซีนักลงทุนต่างชาติยังไม่เข้ามาลงทุน เนื่องจากกลุ่มพวกนี้เขาจะรอดูสถานการณ์เศรษฐกิจของเรา ว่าจะสามารถเติบโตได้มากน้อยแค่ไหน ตรงนี้ขึ้นอยู่กับนโยบายของรัฐบาลจะเรียกความเชื่อมั่นให้กลุ่มทุนจากต่างประเทศได้มากเพียงใด

       "ตนมองว่า ปีนี้จะมีคนเข้ามาสู่ระบบ MLM มากขึ้น เช่น กลุ่มพวกขายสินค้าผ่านเฟซบุ๊ค ขายผ่านออนไลน์ และกลุ่มที่ยังไม่มีแม่ทีม ตรงจุดนี้ก็จะทำให้ธุรกิจเครือข่ายที่เป็นรายเล็กๆ จะเข้ามาสู่ระบบเป็นจำนวนมากเช่นกัน คนจะสนใจทำธุรกิจนี้มากขึ้น โดยเฉพาะจากกลุ่มต่างประเทศ ซึ่งจะสามารถเรียกคนเข้ามานั่งฟังสัมมนาได้มากกว่าเนื่องจากเป็นบริษัทต่างประเทศ"

     นายนาคาญ์ กล่าวต่อว่า ในปีนี้แนวโน้มธุรกิจขายตรงคาดว่าจะสามารถเติบโตไม่ต่ำกว่า 5% โดยเฉพาะในเรื่องของกระแสของการเปิดเออีซี หลายบริษัทที่คิดจะเข้ามาลงทุน ซึ่งกลุ่มดังกล่าวนี้อาจจะลงทุนช่วงปลายปีนี้ สำหรับการเตรียมการรองรับเออีซีนั้น ตนเสนอให้ผู้ประกอบการขายตรงมีความพร้อม โดยเฉพาะในเรื่องของภาษาอังกฤษ หากเรายังไม่มีความพร้อมในเรื่องนี้ก็อาจเสียเปรียบคู่แข่งจากประเทศเพื่อนบ้าน

    นอกจากนี้ ในเรื่องระบบการเชื่อมโยงระหว่างหน่วยงานภาครัฐ เพื่อไม่ให้เกิดความสับสนหรือเป็นการให้บริการกับภาคเอกชนจนล่าช้าเกินไป และประการสุดท้าย ในเรื่องของผู้ประกอบการเอง ซึ่งในธุรกิจขายตรงนั้น จะมีหลายสมาคมฯ ตนอยากให้สมาคมต่างๆ ในภาคธุรกิจขายตรง น่าจะมีการทำกิจกรรมร่วมกัน หรือแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน ซึ่งมองว่าน่าจะส่งผลดีต่อตัวธุรกิจ MLM

    "สมาคมขายตรงมั่นใจเศรษฐกิจปีนี้กำลังซื้อส่งสัญญาณบวกดันธุรกิจกลับมาโต 7-10% ธุรกิจขายตรงไทย ซึ่งมีมูลค่าตลาดรวมในปีที่ผ่านมากว่า 70,000 ล้านบาท มีอัตราเติบโตเฉลี่ย 7-10% ทุกปี"

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!