Details

Category: พลังงาน

Published: Wednesday, 26 November 2014 11:40

Hits: 3353

ราคาน้ำมันดิบปรับลด หลังตลาดยังคงรอผลการประชุมของกลุ่ม OPEC

       - ราคาน้ำมันดิบกลับมาปรับตัวลดลงอีกครั้ง หลังจากเพิ่มขึ้นต่อเนื่องกว่า 4 วัน สาเหตุหลักเนื่องมาจากตลาดยังคงรอความชัดเจนของผลการประชุมโอเปก ในวันที่ 27 พ.ย. ว่าจะปรับลดกำลังการผลิตหรือไม่ อย่างไรก็ดี แหล่งข่าวจากรัสเซียเปิดเผยว่า รัสเซียพยายามชี้นำกลุ่มโอเปกว่ารัสเซียพร้อมจะปรับลดกำลังการผลิตในปีหน้าลงประมาณ 300,000 บาร์เรลต่อวัน เพื่อช่วยในการประคองราคาน้ำมันดิบ หลังจากที่อุปทานค่อนข้างล้นตลาด จากการประมาณการโดยรัสเซีย ปัจจุบันมีอุปทานส่วนเกินอยู่ที่ประมาณ 700,000 - 800,000 บาร์เรลต่อวัน
     + การเจรจาเพื่อหาข้อยุติในปัญหานิวเคลียร์ระหว่างอิหร่านและกลุ่มชาติมหาอำนาจ 6 ประเทศ ล้มเหลวเป็นครั้งที่ 2 หลังทั้ง 2 กลุ่มไม่สามารถหาข้อสรุปได้ โดยได้มีการเลื่อนวันครบกำหนดสำหรับการเจรจาออกไปเป็นวันที่ 1 ก.ค. ในปีหน้าแทน อย่างไรก็ตามจากการเลื่อนการเจรจาออกไปก่อนทำให้อิหร่านยังไม่สามารถส่งออกน้ำมันดิบได้เพิ่มขึ้นในเร็วนี้
     - ผลการสำรวจของกลุ่มนักลงทุนสถาบันพบว่า หากโอเปกไม่ปรับลดกำลังการผลิตลงจะส่งผลให้ราคาน้ำมันอาจปรับตัวลดลงไปถึงระดับ 60 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรลได้ อย่างไรก็ดี หากมีการปรับลดกำลังการผลิตลงมากกว่า 1 ล้านบาร์เรลต่อวันขึ้นไป คาดจะช่วยหนุนให้ราคาน้ำมันดิบกลับไปยืนในระดับมากกว่า 85 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรลได้
     +/- ผลการสำรวจนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ ประจำสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 21 พ.ย. 57 ว่าจะปรับเพิ่มขึ้น 0.3 ล้านบาร์เรลต่อเนื่องจากสัปดาห์ก่อนหน้า นอกจากนั้นแล้วนักวิเคราะห์ยังคาดการณ์ว่าน้ำมันเบนซินและดีเซลคงคลังจะปรับเพิ่มขึ้น 0.1 และ 1.8 ล้านบาร์เรล ตามลำดับ

    ราคาน้ำมันเบนซิน ปรับเพิ่มขึ้นมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ เนื่องจากอุปสงค์ของอินโดนีเซียที่อยู่ในระดับสูงกว่าระดับปกติ แม้ว่าโรงกลั่นในประเทศจะกลับมาจากการปิดซ่อมบำรุงแล้วก็ตาม โดยคาดว่าอินโดนีเซียจะนำเข้าน้ำมันเบนซินประมาณ 10 ล้านบาร์เรล สูงกว่าค่าเฉลี่ยที่ประมาณ 9 ล้านบาร์เรล
ราคาน้ำมันดีเซล ปรับเพิ่มขึ้นน้อยกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ เนื่องจากปัญหาอุปทานน้ำมันดีเซลตึงตัวในตลาดสิงคโปร์เริ่มลดลง หลังสหรัฐฯ ส่งออกน้ำมันดีเซลไปยังตลาดยุโรปเพิ่มเติม ทำให้อุปทานในเอเชียเหลือมากขึ้น อย่างไรก็ตาม อุปสงค์จากออสเตรเลียยังคงช่วยหนุนตลาดในภูมิภาค

ปัจจัยที่น่าจับตามอง
     จับตาผลการประชุมโอเปกที่จะจัดขึ้นในวันที่ 27 พ.ย. ว่าจะมีการปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันดิบลงหรือไม่ โดยกลุ่มโอเปกยังขาดความเป็นเอกภาพ ทั้งนี้ประเทศสมาชิกโอเปกที่มีต้นทุนการผลิตสูง ได้แก่ เวเนซุเอลา และแอลจีเรีย ได้ออกมาเรียกร้องให้มีการลดกำลังการผลิตลงเพื่อหนุนราคาน้ำมัน อย่างไรก็ตาม ซาอุดิอาระเบีย ประเทศผู้ส่งออกน้ำมันรายใหญ่ที่สุดของโลก ยังคงยืนยันว่าราคาน้ำมันดิบควรเป็นไปตามกลไกตลาดเท่านั้น ซึ่งล่าสุด รัฐมนตรีว่าการกระทรวงน้ำมันของลิเบีย แสดงความเห็นว่า สมาชิกกลุ่มโอเปกมีแนวโน้มที่จะลดกำลังการผลิตแตะระดับ 30 ล้านบาเรลล์ต่อวัน ในการประชุมที่จะมาถึง

ทิศทางราคาน้ำมันดิบ
    ไทยออยล์คาดราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสในสัปดาห์หน้าจะเคลื่อนไหวที่กรอบ 73-78 เหรียญฯ ต่อบาร์เรล ส่วนน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวในกรอบ 77-83 เหรียญฯ