WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

สมาคมกังหันลม ร้องนายกฯทบทวนระบบฟีทอินทารีฟหวั่น'วีเอสพีพี'เจ๊ง

     ไทยโพสต์ : ศูนย์ฯ สิริกิติ์ * สมาคมกังหันลม ยื่นหนังสือนายกฯ ทบทวน ระบบฟีทอินทารีฟ โรงไฟฟ้าพลังงานลมใหม่ ระบุ 6.06 บาทต่อหน่วยไม่คุ้มค่าการลงทุน หวั่นผู้ประกอบการรายย่อยล้มกิจการหมด เตรียมยื่น สนช.ช่วยคุยภาครัฐปรับเกณฑ์ใหม่ พร้อมเล็งยื่นศาลปกครองขอคุ้มครองชั่วคราว

   นายอัครินทร์ สุวรรณรัตน์ นายกสมาคมกังหันลม (แห่งประเทศไทย) เปิดเผยว่า สมาคมฯ ได้เข้ายื่นหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เพื่อให้ทบทวน "ระบบการให้เงินสนับสนุนการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนตามต้นทุนที่แท้จริง" หรือฟีทอินทารีฟ ในส่วนของการผลิตไฟฟ้าจากกังหันลม ที่ส่งเสริมให้เพียง 6.06 บาทต่อหน่วยนั้น ต่ำกว่าการลงทุนที่แท้จริง ส่งผลให้ผู้ผลิตไฟฟ้ากังหันลมขนาดเล็กมาก (วีเอสพีพี) ไม่เกิน 10 เมกะวัตต์ ประสบปัญหาขาดทุนและไม่สามารถดำเนินโครงการได้ ขณะที่ผู้ผลิตไฟฟ้ากังหันลมขนาดเล็ก (เอสพีพี) ที่ผลิตไฟฟ้าไม่เกิน 90 หน่วย อยู่ในภาวะสุ่มเสี่ยงต่อการขาดทุน

    ทั้งนี้ การลงทุนผลิตไฟฟ้ากังหันลม จะใช้เงินลงทุนไม่ต่ำกว่า 65 ล้านบาทต่อเมกะวัตต์ ดังนั้นอัตราฟีทอินทารีฟขั้นต่ำควรอยู่ระดับ 6.50 บาทต่อหน่วย ซึ่งจะได้ผลตอบแทนการลงทุน 10-14 บาทต่อหน่วย ซึ่งเป็นอัตราที่ธนาคารพาณิชย์จะปล่อยกู้ได้ แต่ฟีทอินทารีฟที่ กพช.ประกาศออกมา 6.06 บาทต่อหน่วย ทำให้ผลตอบแทนการลงทุนลดเหลือ 4.5-8.5% ซึ่งต่ำเกินกว่าธนาคารพาณิชย์จะรับพิจารณาปล่อยเงินกู้

   นอกจากนี้ ยังมีปัญหาที่กฎหมายผังเมืองมาตรา 88 ที่มีผลให้โรงไฟฟ้าพลังงานลม กลายเป็นโรงงานที่ต้องควบคุมพิเศษร้ายแรง รวมถึงคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ)  ยังลดสิทธิประโยชน์โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลม ที่ไม่อยู่ในพื้นที่ด้อยพัฒนาอีกด้วย ดังนั้นในอนาคตจะทำให้ผลิตไฟฟ้าพลังงานลมรายเล็กหยุดชะงักการลงทุน ซึ่งจะส่งผลให้ภาครัฐไม่สามารถผลิตไฟฟ้าพลังงานลมได้ตามเป้าคือ 1,800 เมกะวัตต์ เพราะขนาดใช้ระบบแอดเดอร์ 7 บาทต่อหน่วย การผลิตไฟฟ้าเข้าระบบจริงในช่วง 4 ปีที่ผ่านมายังได้ไม่ถึง 200 เมกะวัตต์ต่อหน่วย

   อย่างไรก็ตาม สมาคมฯ เตรียมยื่นหนังสือถึงสภานิติ บัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เพื่อให้เข้ามาเป็นตัวกลางในการประสานกับภาครัฐ ทบทวนการให้ฟีทอินทารีฟโรงไฟฟ้าพลังงานลมใหม่ให้เกิดความเป็น ธรรมมากขึ้น นอกจากนี้กำลังพิจารณาจะขอความคุ้มครองจากศาลปกครองกลาง เพื่อไม่ให้อัตราฟีทอินทารีฟ 6.06 บาทต่อหน่วยดังกล่าวมีผลบังคับใช้ชั่วคราวด้วย.

ฟีดอินทารีฟ..ปัญหาที่ต้องคุยกัน ดวงพักตรา ไชยพงษ์

    การเปิดรับฟังความเห็นของกระทรวงพลังงาน เกี่ยวกับมาตรการ “รับซื้อไฟฟ้าจากโครงการพลังงานแสงอาทิตย์ในรูปแบบฟีดอินทารีฟ หรือการให้เงินสนับสนุนที่คิดตามต้นทุนที่แท้จริง” เมื่อวันที่ 11 ธ.ค.2555 แสดงให้เห็นถึงความขัดแย้งด้านนโยบายของรัฐกับกลุ่มผู้ผลิตไฟฟ้าอย่างชัดเจน

    โดยแทนที่การสัมมนาในวันดังกล่าวจะเป็นเวทีแห่งการรับฟังความเห็นเพื่อให้ผู้จัดทำระบบฟีทอินทารีฟนำข้อมูลจากผู้ประกอบการผลิตไฟฟ้าแสงอาทิตย์ไปปรับปรุง เสริมแต่งให้มาตรการออกมาอย่างเหมาะสม รวมถึงการใช้เวทีดังกล่าวทำความเข้าใจร่วมกันระหว่างภาครัฐและเอกชนให้เกิดความกระจ่างด้วยข้อมูลข้อเท็จจริงที่มี

    แต่งานนี้กลับกลายเป็นเวทีสร้างรอยร้าวให้ทวีขึ้น

    ต้องย้อนความเป็นมาเป็นไปของการจัดทำระบบฟีดอินทรารีฟก่อนว่า การที่กระทรวงพลังงานต้องจัดทำระบบฟีดอินทารีฟสำหรับการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ดังกล่าว เนื่องจากที่ผ่านมารัฐต้องการส่งเสริมให้เอกชนช่วยผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์มากขึ้น สำหรับเป็นการพลังงานทดแทนในประเทศ

    แต่ก่อนต้นทุนการผลิตไฟฟ้าแสงอาทิตย์สูงมาก เพราะต้องนำเข้าอุปกรณ์แผงโซลาร์เซลล์จากต่างประเทศ ทำให้กระทรวงพลังงานตัดสินใจให้เงินสนับสนุนในอัตรา 8 บาทต่อหน่วย เป็นระยะเวลา 10 ปี หรือเรียกว่าการให้แอดเดอร์ (เงินส่วนเพิ่มราคารับซื้อไฟฟ้า) ซึ่งเป็นการให้เพิ่มเติมจากที่ขายไฟฟ้าปกติในอัตราประมาณ 3.50 บาทต่อหน่วยไปแล้ว โดยเท่ากับผู้ผลิตไฟฟ้าสามารถขายไฟฟ้าได้ในราคารวม 11.50 บาทต่อหน่วย

    แต่ต่อมาต้นทุนแผงโซลาร์เซลล์ถูกลง ส่งผลให้กระทรวงพลังงานตัดสินใจลดราคาแอดเดอร์ลงมาอยู่ที่ 6.50 บาทต่อหน่วยแทน และราคาต้นทุนแผงโซลาร์เซลล์ก็ทยอยลดลงต่อเนื่อง ทำให้กระทรวงพลังงานเห็นว่า หากให้แอดเดอร์ราคาสูงจะส่งผลเสียต่อประเทศ คือนอกจากผู้ผลิตไฟฟ้ามีกำไรสูงเกินไป และยังส่งผลเสียต่อราคาค่าไฟฟ้าโดยรวมของประเทศให้แพงขึ้นได้ในอนาคต

    ดังนั้น กระทรวงพลังงานจึงเตรียมเปลี่ยนมาใช้วิธีให้เงินสนับสนุนตามต้นทุนการผลิตที่แท้จริง (ฟีดอินทารีฟ) หรือเปลี่ยนจากระบบแอดเดอร์เป็นฟีดอินทารีฟแทน ซึ่งจุดที่ทำให้ผู้ประกอบการไม่ชอบใจ คือการถูกลดเงินสนับสนุนการผลิตไฟฟ้าลงแน่นอน

    โดยในการสัมมนารับฟังความเห็นครั้งล่าสุด กระทรวงพลังงานระบุอัตราฟีดอินทารีฟสำหรับการผลิตไฟฟ้าแสงอาทิตย์อยู่ที่ 5.12 บาทต่อหน่วย โดยให้การสนับสนุนระยะยาวขึ้นเป็น 25 ปี ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นอัตราต่ำที่สุดเท่าที่มีการให้เงินสนับสนุนมา ซึ่งกระทรวงพลังงานเห็นว่าต้นทุนการผลิตไฟฟ้าแสงอาทิตย์ปัจจุบันอยู่ที่ 55 ล้านบาทต่อหน่วยเท่านั้น

    และนี่คือจุดที่ทำให้ผู้ประกอบการต่างออกมาโวยแหลก ว่ากระทรวงพลังงานงานใช้อะไรคิดคำนวณต้นทุน โดยหากลงทุน 55 ล้านบาทต่อเมกะวัตต์ จะต้องเป็นเทคโนโลยีแผงโซลาร์เซลล์เกรดบีจากจีน ซึ่งผู้ประกอบการส่วนใหญ่ไม่ใช้แผงโซลาร์เซลล์เกรดต่ำ เพราะเป็นการลงทุนระยะยาวจะต้องใช้ของคุณภาพดี ซึ่งมีต้นทุนไม่ต่ำกว่า 70 ล้านบาทต่อเมกะวัตต์ ดังนั้น การให้ฟีดอินทารีฟแค่ 5.12 บาทต่อหน่วย ย่อมไม่คุ้มค่าการลงทุน และอาจขาดทุนได้ ซึ่งที่ผ่านมาผู้ประกอบการยืนยันว่าเงินสนับสนุนอยู่ระดับที่ไม่ต่ำกว่า 6-6.50 บาทต่อหน่วย จึงจะพอทำธุรกิจดังกล่าวได้

    นอกจากนี้ ตลอดเวลา 3 ปีที่ผ่านมา ที่กระทรวงพลังงานสั่งหยุดรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์เพื่อจัดการกับปัญหาล้างบัญชีกับผู้ที่ทำสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค  (กฟภ.) แต่ไม่ผลิตจริง และนำใบสัญญาไปเร่ขายฟันกำไร และก่อนที่จะมีการหยุดรับซื้อไฟฟ้าแสงอาทิตย์ ทางผู้ประกอบการหลายรายยังอยู่ระหว่างการจัดเตรียมโครงการผลิตไฟฟ้าแสงอาทิตย์ บ้างก็ขอกู้เงินจากสถาบันการเงินมาแล้ว บ้างก็ขอรับการส่งเสริมการลงทุนจากบีโอไอ บ้างก็สั่งซื้อนำเข้าอุปกรณ์แผงโซลาร์เซลล์ ซึ่งเป็นการลงทุนที่มองว่าจะได้รับการส่งเสริมการผลิตในอัตราที่ทำกำไรได้ ดังนั้นหากจะยกเลิกโครงการจึงกลายเป็นเรื่องยาก

    ดังนั้น ผู้ประกอบการบางส่วนได้เสนอให้กระทรวงพลังงานใช้ระบบแอดเดอร์ต่อไปก่อนอีก 3 ปี ก่อนจะเปลี่ยนเป็นระบบฟีดอินทารีฟ ทั้งนี้เพื่อให้โครงการผลิตไฟฟ้าแสงอาทิตย์ที่ขอกู้เงินจากสถาบันการเงินไปแล้วได้ดำเนินโครงการให้แล้วเสร็จ และให้โอกาสภาคเอกชนได้ปรับตัว เพื่อรับทราบทั่วกันว่าหลังจาก 3 ปีแล้วจะต้องใช้ระบบฟีดอินทารีฟอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และไม่มีข้อแม้อีกต่อไป ซึ่งแนวทางนี้ยังไม่ได้รับการตอบสนองจากกระทรวงพลังงาน เพราะคงต้องกลับไปทบทวนอัตราการให้เงินสนับสนุนว่าเหมาะสมภายหลังจากระดมความเห็นในครั้งนี้ไปแล้ว

    เวลาที่เหลืออยู่นี้ ภาครัฐกับเอกชนควรหันหน้าพูดคุยกันด้วยเหตุและผล ก่อนจะประกาศมาตรการออกมา ดีกว่าปล่อยให้ประกาศออกมาแล้ว ต้องเกิดปัญหาวุ่นวายประท้วงกันภายหลัง 

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!