WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

กบง.ปรับโครงสร้างเก็บเงินเข้ากองทุนฯ-ชดเชย ส่งผลลดราคาเบนซิน-โซฮอลล์

      คณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) พิจารณาปรับโครงสร้างราคาน้ำมันตามนโยบาย คสช. ที่ให้สะท้อนต้นทุนที่แท้จริงมากขึ้น โดยปรับอัตราจัดเก็บเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง และเงินชดเชยใหม่ ส่งผลให้ราคาขายปลีกน้ำมันสำเร็จรูปเบนซิน และแก๊สโซฮอล ลดลง แต่ E85 ราคาคงเดิม ส่วนน้ำมันดีเซล ยังคงรักษาระดับราคาไว้ไม่เกิน 30 บาท/ลิตร เพื่อลดภาระค่าครองชีพให้กับประชาชน

      พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รองหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(หัวหน้าฝ่ายเศรษฐกิจ) ในฐานะประธานคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน(กบง.) เปิดเผยว่า ที่ประชุม กบง.มีมติเห็นชอบปรับอัตราเงินจัดส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงทุกชนิดใหม่ตามนโยบายคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เรื่อง มาตรการเร่งด่วนในการปรับโครงสร้างราคาน้ำมันและก๊าซ โดยที่ประชุม คสช.เมื่อ 26 ส.ค.57 มีมติให้ปรับอัตราการจัดเก็บภาษีสรรพสามิต ภาษีเทศบาล และกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงของน้ำมัน สำเร็จรูปทุกชนิดใหม่ ทั้งนี้ เพื่อให้สอดคล้องกับมติ คสช. ที่ประชุม กบง.จึงพิจารณาอัตราจัดเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันฯ ใหม่ ส่วนการปรับอัตราจัดเก็บภาษีสรรพสามิตและภาษีเทศบาลใหม่นั้น หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะได้ดำเนินต่อไป โดยอัตราการจัดเก็บภาษีและอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ใหม่นี้ จะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 29 ส.ค.57 เป็นต้นไป

    ผลจากการปรับโครงสร้างราคาน้ำมันครั้งนี้ ส่งผลให้ราคาน้ำมันขายปลีกในกลุ่มเบนซิน และน้ำมันแก๊สโซฮอลเกือบทุกชนิดลดลง โดยน้ำมันเบนซินราคาขายปลีกลดลง 3.89 บาท/ลิตร น้ำมันแก๊สโซฮอล 95 ลดลง 2.13 บาท/ลิตร น้ำมันแก๊สโซฮอล 91 ลดลง 1.70 บาท/ลิตร E20 ลดลง 1 บาท/ลิตร ส่วน E85 ราคาคงเดิม และน้ำมันดีเซลราคาปรับเพิ่มเล็กน้อย 0.14 บาท/ลิตร โดยที่ราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลยังคงไม่เกิน 30 บาท/ลิตร

    ทั้งนี้ ในการปรับโครงสร้างราคาน้ำมัน ได้ปรับอัตราการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตของน้ำมันเบนซินและน้ำมันแก๊สโซฮอลลดลง เว้นน้ำมันดีเซล ปรับเพิ่มขึ้นเล็กน้อย เพื่อให้เกิดการสมดุล สำหรับกองทุนน้ำมันฯ จะมีรายรับลดลง 1,109 ล้านบาท/เดือนจาก 3,557 ล้านบาท/เดือน เป็น 2,448 ล้านบาท/เดือน

การปรับโครงสร้างราคาน้ำมันเชื้อเพลิงตามมติคสช.

หน่วย:บาทต่อลิตร

ชนิดน้ำมันเชื้อเพลิง          เดิม          ปรับใหม่

1    น้ำมันเบนซิน

-    ลดภาษีสรรพสามิต               7.00          5.60

-    ลดภาษีเทศบาล                 0.70          0.56

-    ลดการเก็บเข้ากองทุนน้ำมันฯ       1.85          9.75

ราคาขายปลีกลดลง 3.89 บาทต่อลิตร    48.75         44.86

2   น้ำมันแก๊สโซฮอล 95 (E10)

-    ลดภาษีสรรพสามิต               6.30          5.04

-    ลดภาษีเทศบาล                 0.63          0.504

-    ลดการเก็บเข้ากองทุนน้ำมันฯ       4.85          4.25

ราคาขายปลีกลดลง 2.13 บาทต่อลิตร    39.93         37.80

3   น้ำมันแก๊สโซฮอล 91 (E10)

-    ลดภาษีสรรพสามิต               6.30          5.04

-    ลดภาษีเทศบาล                 0.63          0.504

-    ลดการเก็บเข้ากองทุนน้ำมันฯ       2.75          2.55

ราคาขายปลีกลดลง 1.70 บาทต่อลิตร    37.48         35.78

4   น้ำมันแก๊สโซฮอล 95 (E20)

-    ลดภาษีสรรพสามิต               5.60          4.48

-    ลดภาษีเทศบาล                 0.56          0.448

-    เพิ่มการเก็บเข้ากองทุนน้ำมันฯ      0.50          0.80

ราคาขายปลีกลดลง 1.00 บาทต่อลิตร    34.98         33.98

5   น้ำมันแก๊สโซฮอล 95 (E85)

-    ลดภาษีสรรพสามิต               1.05          0.84

-    ลดภาษีเทศบาล                 0.105         0.084

-    ลดการชดเชย                 -9.75         -8.23

ราคาขายปลีกเท่าเดิม                24.28         24.28

6    น้ำมันดีเซล

-    เพิ่มภาษีสรรพสามิต              0.005         0.75

-    เพิ่มภาษีเทศบาล                0.0005        0.075

-    ลดการเก็บเข้ากองทุนน้ำมันฯ       1.55          1.00

ราคาขายปลีกเพิ่มขึ้น 0.14 บาทต่อลิตร   29.85         29.99

     การบินไทย และคิง เพาเวอร์ ลงนามบันทึกความร่วมมือด้านการส่งเสริมการท่องเที่ยวไทยในโครงการ Fly THAI Save More @ King Power Duty Free

     บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) และบริษัท คิงtเพาเวอร์ ดิวตี้ฟรี จำกัด ลงนามบันทึกความร่วมมือด้านการส่งเสริมการท่องเที่ยวไทยในโครงการ “Fly THAI Save More @ King Power Duty Free” เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักท่องเที่ยวในการเดินทางมายังประเทศไทย โดยมี เรืออากาศโทสุรพล อิศรางกูร ณ อยุธยา รักษาการรองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่สายการพาณิชย์ บริษัท การบินไทยฯ และนายสมบัตร เดชาพานิชกุล รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท คิง เพาเวอร์ฯ ร่วมกันแถลงข่าวและลงนามบันทึกความร่วมมือดังกล่าว และมีนายสุวรรธนะ สีบุญเรือง ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาการตลาดและสื่อสารการพาณิชย์ บริษัท การบินไทยฯ และนายวินิจ ยังสุรกานต์ รองกรรมการผู้อำนวยการสายงานกฎหมายและบริหารงานทั่วไป บริษัท คิง เพาเวอร์ฯ ร่วมลงนามเป็นสักขีพยาน ณ สำนักงานใหญ่ การบินไทย ถนนวิภาวดีรังสิต

     เรืออากาศโทสุรพล อิศรางกูร ณ อยุธยา รักษาการรองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่สายการพาณิชย์ บริษัท การบินไทยฯ เปิดเผยว่า การลงนามบันทึกความร่วมมือดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อเร่งสร้างความเชื่อมั่นต่อตลาดนักท่องเที่ยวทั่วโลก และฟื้นฟูเศรษฐกิจภาคท่องเที่ยวไทย อันจะส่งผลต่อรายได้ภาคอุตสาหกรรมท่องเที่ยวให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง ซึ่งความร่วมมือดังกล่าวนอกจากส่งเสริมการท่องเที่ยวแล้ว ยังเป็นการมอบสิทธิประโยชน์เพื่อตอบแทนลูกค้าของการบินไทยที่เดินทาง เส้นทางในประเทศและระหว่างประเทศ ระหว่างวันที่ 1 กันยายน – 31 ธันวาคม 2557 เพียงนำ Boarding Pass ของการบินไทย มาแสดงเพื่อรับส่วนลด 10% สำหรับ การซื้อสินค้าราคาปกติ ณ ร้านค้า คิง เพาเวอร์ ดิวตี้ฟรี ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิและท่าอากาศยานภูมิภาค (เชียงใหม่ ภูเก็ต หาดใหญ่) และสิทธิพิเศษสำหรับลูกค้าชั้นหนึ่ง และลูกค้าชั้นธุรกิจ เมื่อซื้อสินค้าสุทธิตั้งแต่  5,000 บาทขึ้นไป ต่อหนึ่งใบเสร็จ (หลังจากหักส่วนลด 10% แล้ว) จะได้รับคูปองเงินสดมูลค่า 500 บาท จำนวน 1 ใบ เพื่อนำไปซื้อสินค้าราคาปกติในครั้งต่อไปตั้งแต่ 1,000 บาทขึ้นไป ทั้งนี้ ผู้โดยสารสามารถตรวจสอบรายละเอียดของโครงการ Fly THAI Save More @ King Power Duty Free ได้ทาง www.thaiairways.com หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ THAI Contact Center 02-356-1111 (ตลอด 24 ชั่วโมง)

   นายสมบัตร เดชาพานิชกุล รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท คิง เพาเวอร์ ดิวตี้ฟรี จำกัด กล่าวเพิ่มว่า แคมเปญ Fly THAI Save More @King Power Duty Free นี้เป็นแคมเปญพิเศษที่ทางคิง เพาเวอร์ จัดขึ้นเพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการส่งเสริมภาพลักษณ์การท่องเที่ยวไทย ผ่านกลุ่มนักท่องเที่ยวที่เป็นลูกค้าสายการบินไทยที่ถือว่าเป็นสายการบินที่ได้รับความไว้วางใจและความเชื่อมั่นระดับโลก การที่คิง เพาเวอร์ ได้ร่วมลงนามจับมือกับการบินไทยถือว่าเป็นโอกาสที่ดี ที่คิง เพาเวอร์ จะได้ร่วมส่งเสริมอุตสาหกรรมท่องเที่ยว สร้างความนิยมไทย โดยใช้บริการสายการบินของไทย ตลอดจนได้มีโอกาสประชาสัมพันธ์ร้านค้าปลอดอากรที่มีคนไทยเป็นทั้งผู้บริหารและเจ้าของกิจการ ซึ่งถือเป็นการสร้างมูลค้าเพิ่มให้แก่เศรษฐกิจของประเทศไทยอย่างแท้จริง

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!