- Details
- Category: SME
- Published: Monday, 14 October 2024 16:29
- Hits: 724
รองนายกฯ 'ประเสริฐ' เชื่อมั่น SME ไทยเป็นเครื่องมือสำคัญ ดัน GDP ไทยเพิ่ม เสริมเศรษฐกิจประเทศเข้มแข็ง เล็งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจับมือเครือข่าย SME จัด workshop หนุนส่ง SME ให้เติบโตอย่างเข้มแข็ง-แข่งขันได้กับต่างประเทศ
ณ ห้องประชุม 302 ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม พร้อมด้วยนายฉัตริน จันทร์หอม รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ฝ่ายการเมือง ร่วมประชุมหารือกับนายสุปรีย์ ทองเพชร ประธานสภาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม และคณะกรรมการบริหารสภาเอสเอ็มอี สรุปสาระสำคัญ ดังนี้
ประธานสภาเอสเอ็มอี กล่าวว่างานของเอสเอ็มอีเป็นงานที่มีขนาดกว้างและมีภาคีเครือข่ายประมาณ 50 – 60 ภาคีเครือข่ายดังนั้น จำเป็นต้องผลักดันพระราชบัญญัติสภาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมให้สำเร็จ และออกแบบนิยามจัดกลุ่มโครงการเอสเอ็มอีให้ถูกต้อง โดยการกำหนดประเภทธุรกิจให้ชัดเจน ทั้งนี้ได้มีการประสานนักวิชาการในการจัดแบ่งประเภทธุรกิจเป็นที่เรียบร้อยแล้ว คาดว่าร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวจะแล้วเสร็จภายใน 2 – 3 เดือนข้างหน้าจะนำมาหารืออีกครั้ง
นอกจากนี้ ยังเสนอเกี่ยวกับการพัฒนาแพลตฟอร์ม ThailandPostMart ของไปรษณีย์ไทย โดยให้สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (ดีป้า) เข้ามาร่วมด้วย ควบคู่กับการนำศักยภาพของสภาสมาคมผู้ประกอบการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ไทย สมาคมโปรแกรมเมอร์ไทย สมาคมผู้ประกอบการปัญญาประดิษฐ์ประเทศไทย และสมาคมไทยไอโอที (Thai IoT Association) จะสามารถช่วยพัฒนาเอสเอ็มอีไทยได้ และยังช่วยยกระดับการแข่งขันด้านโลจิสติกส์ของ SME และผู้ประกอบการไทยให้สามารถแข่งขันได้แพลตฟอร์มของต่างประเทศด้วย
รองนายกรัฐมนตรี ย้ำว่ารัฐบาลและนายกรัฐมนตรีให้ความสำคัญกับการขับเคลื่อน SME ของไทย และมีการรับฟังปัญหาของ SME ทุกภูมิภาคทั่วประเทศมาโดยตลอด เพื่อหาแนวทางในการทำให้ SME ประเทศไทยทุกระดับสามารถที่จะเติบโตได้อย่างเต็มศักยภาพและแข่งขันกับต่างประเทศได้
โดยเฉพาะการนำเทคโนโลยีต่างๆ เข้ามาช่วยสนับสนุนส่งเสริม SME ไทย เช่น การให้องค์ความรู้เกี่ยวกับการไลฟ์สดจำหน่ายสินค้า SME ต่างๆ การบริหารจัดการตลาดในรูปแบบสมาร์ทมาเก็ต โดยสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (DEPA) เข้ามาช่วยสนับสนุนเรื่องนี้ ตลอดจนการดูแลสนับสนุนให้ SME เข้าถึงแหล่งเงินทุน เป็นต้น
พร้อมกันนี้ รองนายกรัฐมนตรีรับจะนำเรื่องที่ประธานสภาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม และคณะเสนอในวันนี้ เข้าหารือในที่ประชุม สสว. ในครั้งต่อไป โดยจะมีการเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรวมถึงบริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด (ปณท) เข้าหารือร่วมกันด้วย โดยเฉพาะในประเด็นการพัฒนาแพลตฟอร์ม ไทยแลนด์โพสต์มาร์ท ที่ไปรษณีย์ไทยฯ ดูแลอยู่ เพื่อเป็นช่องทางการกระจายสินค้าเกษตร สินค้าชุมชน และสินค้า SME ต่าง ๆ ของไทย ให้เข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคที่สะดวกรวดเร็วและตอบโจทย์การใช้งานที่หลากหลายของผู้ใช้ในยุคดิจิทัลในปัจจุบัน
รวมไปถึงการพิจารณากฎหมายที่เกี่ยวข้องเพื่อยกระดับ SME และการที่จะทำให้ SME สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ ตลอดจนการให้ความสำคัญในการนำเอกลักษณ์และอัตลักษณ์ของแต่ละท้องถิ่นมาเป็น Soft Power มาสร้างเป็นแบรนด์ของ SME ให้มีความเข้มแข็งและให้ยากที่จะถูกลอกเลียนแบบ ทั้งนี้เพื่อให้ SME ไทยไปรอดและขับเคลื่อนต่อไปได้ โดยรองนายกรัฐมนตรีมีแนวคิดที่จะให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและภาคีเครือข่าย SME ต่าง ๆ ของไทย มาทำ workshop ร่วมกันเพื่อขับเคลื่อน SME พัฒนาและเติบโตไปด้วยกัน
“วันนี้เราปล่อยจะให้ SME เดินคนเดียวไม่ได้แล้ว เชื่อมั่นว่าหาก SME ของไทยแข็งแรง ประเทศไทยก็จะแข็งแรงไปด้วย เพราะเรื่องนี้คือการขับเคลื่อนเศรษฐกิจท้องถิ่นและการดูแลปกป้องธุรกิจของคนไทย อีกทั้งนายกรัฐมนตรีให้ความสำคัญกับการพัฒนา SME อย่างมากเพราะเป็นธุรกิจฐานรากที่ต้องเปลี่ยนแปลงและเดินไปกับภาครัฐ โดยคาดว่าในอนาคต SME จะเป็นเครื่องมือสำคัญในการเพิ่ม GDP และทำให้เศรษฐกิจของประเทศไทยมีความเข้มแข็งมากขึ้น” รองนายกรัฐมนตรี ย้ำ