WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

Hหวเฉยว1 2

รพ.หัวเฉียววางยุทธศาสตร์ 2 ปี เทงบ 500 ล้านรับการแข่งขันดุเดือด ตั้งเป้า ปี 58 มีรายได้ 950 ล้านบาท โต 10%

    รพ.หัวเฉียว รับตลาดรพ.แข่งขันสูง วางกลยุทธ์ 2 ปี ตั้งแต่ปี 2558-2559 ด้วยงบ 500 ล้านบาท ปรับทัพครั้งใหญ่ ทั้งด้านอาคารสถานที่ บุคลากร และด้านไอที หวังเป็นรพ.ทางเลือกที่ทันสมัย ตามปณิธานรักษาได้ทุกกลุ่ม ไม่แบ่งชนชั้น เผยข้อมูลจากศูนย์วิจัยกสิกร ในปี 2558 รายได้รพ.เอกชน ที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์รวมกันทะลุ 100,000 ล้านบาท ขยายตัว 10-15% จากการขยายการลงทุนที่เพิ่มขึ้นของธุรกิจรพ.เอกชน ทั้งในกรุงเทพฯ และภูธร

    Hหวเฉยว1 1นายสุธี เกตุศิริ กรรมการบริหาร และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร โรงพยาบาลหัวเฉียว กล่าวถึงแผนยุทธศาสตร์การบริหารงานเพื่อรับมือกับการแข่งขันของตลาดโรงพยาบาลว่า ตั้งแต่ปี 2555-2557 รพ.ได้ลงทุนไปแล้วกว่า 500 ล้านบาท และในปี 2558 ถึงปี 2559 รพ.ได้เตรียมงบประมาณในการลงทุนด้านต่างๆ อีกมูลค่า 500 ล้านบาท เพื่อพัฒนาศักยภาพของการให้บริการอย่างต่อเนื่อง โดยแบ่งงบประมาณด้านการลงทุนออกเป็น 3 ด้าน ได้แก่ 1.ด้านอาคารสถานที่ ปรับปรุงสถานที่ หอผู้ป่วยนอก (OPD) และหอผู้ป่วยใน (IPD) ให้มีความทันสมัย รวมถึงห้องสวนหัวใจ หรือฉีดสีตรวจวินิฉัยของภาวะเส้นเลือดหัวใจตีบตัน ตลอดจนการก่อสร้างอาคารใหม่ 7 ชั้น เพื่อรองรับคนไข้กลุ่มประกันสังคม ให้ผู้รับบริการได้รับความสะดวกสบายยิ่งขึ้น

   ในส่วนของการลงทุนถัดมา คือด้านบุคลากร ที่รพ.ได้มีการเพิ่มแพทย์เฉพาะทางสาขาต่างๆมากขึ้น และขยายขอบเขตการรักษาเข้าสู่โรงพยาบาลระดับตติยภูมิ โดยในปี 2557 ที่ผ่านมาเปิดคลินิกเฉพาะทางโรคทางจอประสาทตา, เปิดคลินิกแม่และเด็ก ในปี 2558 นี้ เปิดศูนย์หัวใจ และในปี 2559 เปิดศูนย์รับผู้ป่วยทารกแรกเกิด, เปิดหน่วยดูแลผู้ป่วยหลอดเลือดส่วนปลายตีบตัน เช่น ผู้ป่วยโรคเบาหวานที่มีปัญหาด้านหลอดเลือดที่ไม่ไปเลี้ยงอวัยวะส่วนปลาย และเปิดให้บริการด้าน Stroke Unit (รักษาเส้นเลือดในสมอง) ในด้านการลงทุนส่วนสารสนเทศ ที่ รพ.มีแผนการพัฒนาระบบไอทีให้ทันสมัย โดยมีเป้าหมายให้แพทย์ได้รับความสะดวกในการสั่งการรักษา และผู้ป่วยได้รับความปลอดภัยสูงสุด

  นอกจากแผนการลงทุนแล้ว รพ.ได้วางปณิธานในการรักษาพยาบาล ที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานของความเป็นจริง โดยไม่เลือกชนชั้น วรรณะ แต่จะให้ความช่วยเหลือสงเคราะห์ผู้ป่วยที่มีรายได้น้อย และยากจน  

  ด้วยการกำหนดนโยบายการคิดค่ารักษาพยาบาล ที่สมเหตุสมผล ไม่แพง เมื่อเปรียบเทียบกับคุณภาพ และคุณค่าที่ผู้ป่วยและญาติจะได้รับ โดยแบ่งกลุ่มผู้ป่วยเป็น 4 กลุ่ม ได้แก่ ผู้ป่วยที่มีฐานะดี  ค่ารักษาพยาบาลที่ถูกและคุ้มค่า, ผู้ป่วยกลุ่มที่มีฐานะปานกลาง ค่ารักษาที่ไม่แพงและคุ้มค่า, ผู้ป่วยกลุ่มที่มีฐานะปานกลางถึงล่างค่ารักษาที่สามารถจ่ายได้ และผู้ป่วยกลุ่มที่มีรายได้น้อย ฐานะยากจน ค่ารักษาพยาบาลได้รับการช่วยเหลือสงเคราะห์จากมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง

 อย่างไรก็ดี ในช่วงที่ผ่านมารพ.ได้ลงทุนไปแล้วกว่า 500 ล้านบาท ในการปรับปรุงพื้นที่สำคัญ เช่น  ห้องผ่าตัด หอผู้ป่วยใน ห้อง ICU สำหรับผู้ใหญ่ และเด็กทารก คลินิกผู้ป่วยนอก ศูนย์รังสีวิทยา ห้องโภชนาการสำหรับเตรียมอาหารผู้ป่วย  ด้านครุภัณฑ์ ลงทุนไปแล้วกว่า 80 ล้านบาท เปลี่ยนหรือจัดเพิ่มเติมเครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ทันสมัย ได้แก่ ปลี่ยนเครื่อง CT-Scan จากเดิม 2 Slices เป็น 64 Slices  นอกจากนี้ยังมีการเปลี่ยนเครื่องตรวจมะเร็งเต้านมจากเดิมเป็นระบบ Analog เปลี่ยนเป็นระบบ Digital เป็นต้น

  ทั้งนี้ จากแผนการลงทุนของรพ.เพื่อรองรับกับการแข่งขันของตลาด รพ.ที่คาดว่าจะมีการแข่งขันกันสูง จากข้อมูลของศูนย์วิจัยกสิกรไทย ที่คาดว่า รายได้ของธุรกิจโรงพยาบาลเอกชนที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ในปี 2558 จะมีมูลค่าสูงถึง 100,000 ล้านบาท  หรือมีอัตราการขยายตัวประมาณ 10-15% โดยการเติบโตดังกล่าวเกิดจากการขยายการลงทุนที่เพิ่มขึ้นของธุรกิจโรงพยาบาลเอกชน ทั้งในกรุงเทพฯ และพื้นที่ต่างจังหวัด เพื่อรองรับกับกลุ่มคนไข้ โดยเฉพาะคนไข้ชาวต่างชาติที่คาดว่าจะมีแนวโน้มสูงขึ้นเฉลี่ยประมาณ 10 % ต่อปี

  ขณะเดียวกัน ศูนย์วิจัยกสิกรไทยยังระบุว่า กลุ่มคนไข้ชาวต่างชาติทั้งที่เป็นกลุ่ม Medical Tourism และกลุ่ม EXPAT (กลุ่มชาวต่างชาติที่เข้ามาทำงานในไทย (Expatriate) หรือเรียกสั้นๆ ว่ากลุ่ม EXPAT) จะเข้ามามีบทบาทมากขึ้นในการสร้างรายได้ให้กับธุรกิจโรงพยาบาลเอกชนของไทย และคาดว่าในปี 2558 อัตราการรักษาพยาบาลของคนไข้ชาวต่างชาติในโรงพยาบาลเอกชนของไทยทั้งหมดจะมีประมาณ 2.81 ล้านครั้ง หรือเพิ่มขึ้นกว่า 10.2%

     สำหรับ ตลาดหลักของไทย ได้แก่ เมียนมาร์, ญี่ปุ่น, ตะวันออกกลาง และยุโรป ขณะที่ตลาดใหม่ที่มีโอกาสเติบโตสูง ได้แก่ อาเซียน (CLMV) และจีน อย่างไรก็ตาม ปัจจัยทางด้านเศรษฐกิจที่ยังฟื้นตัวไม่ชัดเจนในบางประเทศอย่างยุโรป อาจจะมีผลต่อการตัดสินใจเดินทางเข้ามารับการรักษาพยาบาลของคนไข้กลุ่ม MedicalTourism บ้าง ในทางกลับกัน ภาวะเศรษฐกิจที่ยังไม่ฟื้นตัวนั้น ก็มีความเป็นไปได้ว่า คนไข้ชาวต่างชาติอาจจะเลือกรักษาพยาบาลในประเทศที่มีค่าใช้จ่ายที่ถูกกว่าอย่างเช่นประเทศไทย เป็นต้น

   อนึ่งโรงพยาบาลหัวเฉียว เป็นโรงพยาบาล ภายใต้การดูแลของมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ก่อกำเนิดมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2485 โดยมีรากฐานมาจากการผดุงครรภ์ ให้การดูแลกลุ่มสตรีตั้งครรภ์ชาวจีนที่ไม่สามารถสื่อสารภาษาจีนได้ เริ่มจากมีเตียงผู้ป่วยเพียง 10 เตียง จากนั้นในปี พ.ศ. 2485 ได้พัฒนามาเป็นโรงพยาบาลด้านแม่และเด็ก ขนาด 250 เตียง และในปี พ.ศ.2521 พัฒนาเป็นโรงพยาบาลทั่วไป ให้บริการรักษาทุกโรค โดยตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาได้พัฒนาองค์ความรู้ใหม่ๆ ด้านการแพทย์ และเป็นที่ยอมรับอย่างกว้างขวางในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านสูตินรีเวช จนปัจจุบันที่มีศักยภาพในการรักษาพยาบาลได้ในทุกสาขาการแพทย์ และให้การรักษาในระดับตติยภูมิ เช่น การผ่าตัดหัวใจและหลอดเลือด ระบบประสาทและสมอง การผ่าตัดส่องกล้อง การรักษาผู้มีบุตรยาก โรคจอประสาทตา โรคกระดูกและข้อ ฯลฯ

  โรงพยาบาลหัวเฉียวจึงมุ่งมั่นปฏิบัติภารกิจด้านบริการรักษาพยาบาลแก่ผู้ป่วยทุกระดับเศรษฐานะ ควบคู่ไปกับการทำกิจกรรมเพื่อสร้างสรรค์สังคมหลากหลายโครงการ โดยได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง สำหรับในปี 2558 มีโครงการเด่น ได้แก่ 

    1. โครงการช่วยค่ารักษาพยาบาล กรณีผู้ป่วยมีความจำเป็นต้องนอนพักรักษาตัวในโรงพยาบาลหัวเฉียว ในห้องพักรวม โดยให้ความช่วยเหลือจากยอดค่ารักษาพยาบาลทั้งหมด 10 - 20 %

    และมีส่วนช่วยเหลือเพิ่มอีก 5% หากเป็นผู้ป่วยสูงอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป (นอกเหนือจากที่มีโครงการสงเคราะห์ค่ารักษาพยาบาลและค่าฟอกไตแล้ว  กว่า 20 ล้านบาท) คาดการว่าจะใช้งบประมาณ ปีละ 20 ล้านบาท เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนที่เจ็บป่วย ที่ปกติก็มีภาระที่ต้องแบกรับค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันแล้ว เมื่อเจ็บป่วยย่อมต้องได้รับความเดือดร้อนเพิ่มมากขึ้น   

   2.โครงการให้ทุนการศึกษาพยาบาล โครงการปลูกต้นกล้าพยาบาล 3 สถาบัน มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง มหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ โรงพยาบาลหัวเฉียว' ซึ่งเป็นโครงการที่ริเริ่มมาตั้งแต่ปีการศึกษา 2556 มอบทุนให้นักเรียนที่เรียนปานกลางถึงดี มีฐานะยากจน และมีใจรักที่จะเป็นพยาบาล ที่จะให้การช่วยเหลือผู้เจ็บป่วย สำหรับปี 2558 ให้ทุน 30 ทุน โดยเป็นทุนเรียนพยาบาลฟรี 4 ปี ที่มหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ รวมเป็นมูลค่าปีละ 12 – 16 ล้านบาท เมื่อจบการศึกษาแล้วจะมีโรงพยาบาลหัวเฉียวเป็นองค์กรรองรับในการทำงาน และมีทุนกู้ยืมเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายส่วนตัว เดือนละ 4,000 บาท ตลอดการศึกษาเล่าเรียน และกำหนดให้ใช้คืน เมื่อเริ่มทำงาน โดยไม่มีดอกเบี้ย วัตถุประสงค์ของโครงการฯ เพื่อแก้ปัญหาการขาดแคลนพยาบาลวิชาชีพ  และผลิต

     บุคลากรรองรับการเจริญเติบโตของโรงพยาบาลหัวเฉียว ที่มีจำนวนผู้ป่วยเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ตลอดจนเป็นการเตรียมตัวเข้าสู่การเปิดเสรีอาเซียน ในขณะเดียวกันก็เป็นช่องทางในการกระจายโอกาสในการเข้าศึกษาต่อวิชาชีพพยาบาลแก่นักเรียนที่ขาดแคลนทุนทรัพย์  ให้มีโอกาสทางการศึกษา ได้ยกระดับคุณภาพชีวิต

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!