WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

Index11

อินเด็กซ์ ครีเอทีฟ วิลเลจ ครบรอบ 25 ปี ร่วมกับสถาบันอาหาร เปิด 'ศูนย์การเรียนรู้อาหารไทย (Thai Food Heritage)'

   แหล่งองค์ความรู้ด้านอาหารแห่งแรกในไทย เรียนรู้รากเหง้า วิถีไทยดั้งเดิมผสานเทคโนโลยี มัลติมีเดีย รูปแบบอินเทอร์แอคทีฟ

    อินเด็กซ์ ครีเอทีฟ วิลเลจ ครบรอบ 25 ปี ชูอีกหนึ่งธุรกิจของการเป็นผู้นำด้านการออกแบบและการใช้สื่อพิเศษในงานจัดแสดงพิพิธภัณฑ์และนิทรรศการระยะยาว ล่าสุด ร่วมกับสถาบันอาหาร กระทรวงอุตสาหกรรม เปิด “ศูนย์การเรียนรู้อาหารไทย(Thai Food Heritage)” ภายในบริเวณสำนักงานสถาบันอาหาร อรุณอัมรินทร์ 36 โดยอินเด็กซ์ฯ ร่วมออกแบบแนวคิดและรูปแบบการจัดนิทรรศการร้อยเรียงข้อมูลด้านศิลปวัฒนธรรม ภูมิปัญญาด้านอาหารของไทยและข้อมูลเชิงธุรกิจอุตสาหกรรมอาหารรอบด้าน นำเสนออย่างเป็นสากลด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่ ในรูปแบบอินเทอร์แอคทีฟ มุ่งเผยแพรความรู้ สร้างแรงบันดาลใจ จุดประกายความคิดสร้างสรรค์ ด้วยงบลงทุนเฟสแรก 60 ล้านบาท คาดผู้เข้าชมปีละ 65,000 คน พร้อมเปิดให้บริการเฟสแรกเดือนมิถุนายน 2558

  นายเกรียงกานต์ กาญจนะโภคิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม บริษัท อินเด็กซ์ ครีเอทีฟ วิลเลจ จำกัด (มหาชน) ผู้นาตลาดอีเว้นท์ในภูมิภาคอาเซียน บริษัทอีเว้นท์อันดับ 7 ของโลก กล่าวว่า “เนื่องด้วยในปีนี้ อินเด็กซ์ฯ ครบรอบ 25 ปี นอกเหนือจากการขยายธุรกิจไปในหลากหลายรูปแบบ ทั้งในและต่างประเทศแล้ว อีกหนึ่งธุรกิจที่ถือได้ว่ากำลังเติบโตแบบก้าวกระโดดของอินเด็กซ์ฯ ก็คือ ธุรกิจการออกแบบและบริหารจัดการพิพิธภัณฑ์และนิทรรศการระยะยาว ครั้งนี้ถือเป็นโอกาสอันดีที่ได้ทำงานให้กับสถาบันอาหาร กระทรวงอุตสาหกรรม เพื่อเปิด “ศูนย์การเรียนรู้อาหารไทย(Thai Food Heritage)” ซึ่งเป็นพื้นที่การเรียนรู้เฉพาะทางด้านอาหารแห่งแรกของประเทศไทย ที่จะเป็นแหล่งเผยแพร่และสนับสนุนองค์ความรู้ด้านอาหารไทย  และบุคคลทั่วไปที่สนใจ เพื่อให้เกิดความรัก ความเข้าใจ และความภาคภูมิใจในวิถีวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ ภูมิปัญญาที่ก่อให้เกิดรสชาติ และความวิจิตรบรรจงของอาหารไทย สู่แรงบันดาลใจในการรักษาคุณค่าของอาหารไทยให้ดำรงอยู่ สามารถนำไปต่อยอดและพัฒนาให้เกิดมูลค่าอย่างเหมาะสม

     นอกจากนี้ ศูนย์การเรียนรู้แห่งนี้ จะเป็นจุดเริ่มต้นของความร่วมมือจากทุกภาคส่วน เพื่อช่วยกันขับเคลื่อนอุตสาหกรรมไทยสู่เวทีโลกอย่างเป็นรูปธรรม ขณะเดียวกันก็เพื่อบูรณาการองค์ความรู้ด้านอาหาร อันเป็นเอกลักษณ์ที่สะท้อนถึงวัฒนธรรมของไทยให้ทั้งชาวไทย และต่างชาติได้รับรู้ ตลอดจนยกระดับความสามารถในการแข่งขันของสินค้าและบริการอาหารไทยโดยสร้างคุณค่า (Value Creation) ในเวทีโลก อันจะนำไปสู่การพัฒนาและสร้างความเชื่อมั่นในธุรกิจอุตสาหกรรมอาหารของไทยได้อย่างยั่งยืน โดยมีกลุ่มเป้าหมายทั้งในเชิงธุรกิจ ได้แก่ นักธุรกิจต่างชาติ นักธุรกิจในประเทศ นักลงทุนต่างชาติ กลุ่มเป้าหมายเพื่อการเรียนรู้ ได้แก่ นักเรียน นักศึกษา และผู้ประกอบการและบุคคลที่สนใจธุรกิจอาหาร ตลอดจนกลุ่มที่เป็นนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติ ซึ่งคาดว่าจะมีผู้เข้าชมราวปีละ 65,000 คน”

    “จากผลงานที่ผ่านมาของอินเด็กซ์ฯ ในด้านการออกแบบและการใช้สื่อพิเศษในงานจัดแสดงพิพิธภัณฑ์และนิทรรศการระยะยาว อาทิ ศูนย์เรียนรู้พลังงานทดแทนบางจาก (Sunny Bangchak) พิพิธภัณฑ์ศิริราชพิมุขสถาน เป็นต้น จะเห็นได้ว่าความโดดเด่นของการนำเสนออยู่ที่การผสมผสานระหว่างการนำเสนอเนื้อหา องค์ความรู้ต่างๆ แบบดั้งเดิม หรือตามข้อเท็จจริง แต่อธิบายความให้เข้าใจง่ายขึ้น  เข้ากับเทคโนโลยี ในรูปแบบอินเทอร์แอคทีฟอย่างลงตัว เพื่อให้สามารถดึงดูดความสนใจได้มากกว่าการนำเสนอในรูปแบบภาพนิ่ง และตัวอักษรเท่านั้น สำหรับแนวคิดในการออกแบบนิทรรศการภายในศูนย์การเรียนรู้อาหารไทย จะสะท้อนแนวคิดหลักของ “ศูนย์การเรียนรู้อาหารไทย” คือ ภูมิปัญญาอาหารไทย เป็นมรดกแห่งการสร้างสรรค์นวัตกรรม โดยมีการออกแบบพื้นที่บริการต่างๆ มุ่งเน้นให้เป็นส่วนหนึ่งของการกระตุ้นแรงบันดาลใจ

     ผสมผสานการเลือกใช้สื่อมัลติมีเดียในรูปแบบต่างๆ ตามความเหมาะสม โดยจัดแบ่งออกเป็น 3 โซน ได้แก่ โซนที่ 1 Inspiration สุวรรณภูมิดินแดนอุดมสมบูรณ์ (The Golden Land) นำเสนอความอุดมสมบูรณ์ของประเทศไทย และการส่งออกไปยังภูมิภาคต่างๆ ด้วยเทคนิค VDO Mapping เป็นต้น โซนที่ 2 Identity ครบเครื่องครัวไทย (Delight to THAI taste) สัมผัสนวัตกรรมและภูมิปัญญาของไทยในการเลือกใช้และประยุกต์วัตถุดิบนำมาปรุงอาหารตามแบบวิถีไทยซึ่งมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว นำเสนอพระอัจฉริยภาพในด้านการทำอาหารของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ในรูปแบบอินเทอร์แอคทีฟ (Interactive) ผู้ชมสามารถเลือกชมเมนูอาหารจากครัวสระปทุมได้ด้วยตนเอง เป็นต้น โซนที่ 3 Innovation นวัตกรรมอาหารไทยสู่ครัวโลก (Food of the World) นำเสนอข้อมูลการส่งออกอาหารไทยไปยังภูมิภาคต่างๆ ของโลกในรูปแบบ Sound Dome เป็นต้น โดยใช้งบประมาณ 60 ล้านบาท” นายเกรียงกานต์ กล่าวสรุป

    ศูนย์การเรียนรู้อาหารไทย (Thai Food Heritage)” พร้อมเปิดให้บริการในเฟสแรกในเดือนมิถุนายน 2558 อยู่ในระหว่างการพิจารณาความเหมาะสมของค่าเข้าชม และกำหนดวัน เวลาเข้าชม โดยทางศูนย์จะประชาสัมพันธ์ให้ทราบในโอกาสต่อไป

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!