WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

บณยญานช บญบำรงทรพยบุณย์ญานุช บุญบำรุงทรัพย์นักการตลาดแห่ง 'เดอะ บาร์บีคิว พลาซ่า'

     อาทิตย์เอกเขนก: ไทยโพสต์ : การสร้างแบรนด์ให้สามารถครองใจผู้บริโภคได้อย่างยาวนานื ถือเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่จะช่วยผลักดันให้ธุรกิจอยู่รอด ซึ่งหน้าที่หลักของการทำให้แบรนด์เป็นที่รู้จักและน่าติดตาม คงหนีไม่พ้น ‘นักการตลาด’ของแต่ละผู้ประกอบการ

    ปัจจุบันต้องยอมรับว่าธุรกิจร้านอาหารแข่งขันกันอย่างรุนแรง ไม่ว่าจะเป็นแบรนด์ที่เกิดขึ้นด้วยการปลุกปั้นจากนักธุรกิจชาวไทย หรือแม้แต่เชนร้านอาหารชนชาติต่างๆ ที่เข้ามาเปิดกิจการภายในประเทศ ต่างต้องหากลยุทธ์เพื่อทำให้แบรนด์ของตัวเองเติบโตอย่างมีศักยภาพ

     'บาร์บีคิว พลาซ่า' ถือเป็นอีกหนึ่งร้านอาหารแนวปิ้ง-ย่างที่อยู่คู่กับครอบครัวคนไทยมาอย่างยาวนาน ปัจจุบันหาได้มีเพียง    แบรนด์บาร์บีกอนตัวเขียวเท่านั้น ยังคงมีผู้ประกอบการอีกหลายเจ้าที่สนใจเดินหน้าเข้ามาเปิดร้านสไตล์นี้อีกจำนวนมาก บางแบรนด์สามารถอยู่ได้ แต่ยอดขายไม่ดี แต่บางแบรนด์สามารถอยู่ในตลาดได้ส่วนหนึ่ง

   โดย 'บาร์บีคิว พลาซ่า'นับว่าประสบความสำเร็จในการดำเนินธุรกิจอย่างมาก ด้วยมีนักวางแผนทางการตลาด และถือเป็นนักคิดที่ไม่เคยหยุดนิ่ง นามว่า "บุณย์ญานุช บุญบำรุงทรัพย์" ซึ่งดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท เดอะ บาร์บีคิว พลาซ่า จำกัด

     ผู้บริหารสาวไฟแรงกล่าวว่า ช่วงที่ผ่านมา บริษัทพยายามที่จะจัดธุรกิจให้มีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น จากเดิมร้านจุ่มแซ่บฮัทจะอยู่พื้นที่เดียวกันกับ 'ร้านบาร์บีคิว พลาซ่า'โดยจะทำการแยกร้านจุ่มแซ่บฮัทออกมาเป็นอีกหนึ่งธุรกิจ รวมถึงยังต้องมีการหาแบรนด์อื่นเข้ามาเพิ่มด้วย

     "อย่างที่ผ่านมา เราได้เปิดตัวแบรนด์ไก่ทอดจากไต้หวันในชื่อ'ฮ็อท สตาร์'ไปแล้ว ซึ่งจะเห็นได้ว่าแต่ละแบรนด์มันมีความแตกต่างกัน แน่นอนว่ามันก็ต้องทำให้การตลาดของเราต้องคิดกันคนละแบบไปด้วย เมื่อก่อนเคยเป็นภาพของคนที่ทำงานบาร์บีคิว พลาซ่า ต้องสวมหัวเป็นสีเขียวอยู่ตลอดเวลา ตอนนี้มันไม่ใช่แค่การทำตลาดให้กับแบรนด์นี้อย่างเดียวอีกต่อไปแล้ว ถือเป็นความท้าทายของคนทำงานด้านมาร์เก็ตติ้งอย่างมาก"

    'บุณย์ญานุช' จบการศึกษาจากคณะนิเทศศาสตร์ ด้านการประชาสัมพันธ์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ หลายคนมองว่าปริญญาโทนั้นเป็นสิ่งสำคัญ ซึ่งตัวเธอเองก็คิดแบบนั้นเช่นกัน แต่ขณะเดียวกัน เธอกลับมองว่ามันไม่ใช่ทุกอย่างในชีวิต สนามการทำงานของจริงที่ต้องลงไปต่างหาก ถือเป็นการลิ้มรสการทำงานได้อย่างแท้จริง

     "วันที่ 1 เม.ย. ครบ 2 ปีในการเข้ามาเป็นครอบครัวนี้ ซึ่งก็เหมือนมีอะไรผ่านเข้ามาเยอะเหมือนกัน ส่วนตัวมองว่าที่นี่เหมือนมหาวิทยาลัยชื่อว่า บาร์บีคิว พลาซ่า แต่ว่าเราสามารถทำงานไปได้ด้วยในตัว เหมือนเราเรียนระดับปริญญาเอก เรียนดอกเตอร์ได้แบบฟรีๆ ไม่ต้องเสียเงิน แถมมีเงินค่าจ้างตอนสิ้นเดือนให้ด้วย"

     บุณย์ญานุช เล่าต่ออีกว่า ในมหาวิทยาลัยแห่งนี้ได้เรียนวิชาที่สถาบันการศึกษาไม่ได้สอนเรา คือมันต้องลงไปสนามจริงถึงจะได้เจอกับประสบการณ์ หน้าที่คนทำแค่ทำให้อร่อย แต่เราที่ต้องดูแลด้านการตลาด มันไม่ใช่แค่นั้น ต้องหาวิธีว่าขายผลิตภัณฑ์ที่เรามีอยู่ยังไงให้ได้ และที่สำคัญต้องถูกกลุ่มเป้าหมายด้วย วันนี้กำลังมาถึงจุดหนึ่งที่เราได้สร้างบางอย่างขึ้นมา หรือเหมือนเป็นการสร้างอนุสาวรีย์ แต่เราคงทำงานคนเดียวตรงนี้ไม่ได้หรอก ส่วนสำคัญที่จะทำให้มันเกิดขึ้นได้นั้นคือเราต้องมีทีมที่ดีอีกด้วย

    ในปีแรกของการทำงาน เธอบอกว่า ตอนนั้นอยู่ในช่วงของการเซตอัพ พอเข้ามาช่วงปี 2 ก็ต้องลงมือสร้างคน แต่ตอนนั้นค่อนข้างลำบากหน่อย เพราะสำนักงานอยู่ประชาชื่น หลายคนไม่อยากมากัน ส่วนการเข้าสู่การทำงานปีที่ 3 ในบาร์บีคิว พลาซ่า แห่งนี้ มีเป้าหมายให้แบรนด์บาร์บีคิว พลาซ่า สามารถเติบโตได้ในต่างประเทศ จากตอนนี้ก็มีเปิดให้บริการในมาเลเซีย อินโดนีเซีย ส่วนแบรนด์ไก่ทอดฮ็อท สตาร์ จริงๆ ต้องให้เครดิตกับคนที่เลือกและนำเข้ามานะ ตอนนี้กระแสดีมากๆ ยอดขายเกินกว่าเป้าหมายที่วางไว้ค่อนข้างเยอะ

    ส่วนหลักของการเป็นนายคน "บุณย์ญานุช" มองว่า ไม่ควรมองตัวเองว่าเป็นเจ้านายที่คอยแต่ออกคำสั่งผู้ใต้บังคับบัญชาเพียงอย่างเดียว แต่ควรจะเป็นผู้นำทางและมองสิ่งที่ลูกน้องแต่ละคนมีอยู่ในตัว พร้อมกับหาวิธีให้พวกเขาเหล่านั้นดึงออกมาใช้ให้จงได้

     "การเป็นหัวหน้าไม่ใช่ว่าคิดแต่ว่าตัวเองฉลาดนะ เป็นหัวหน้าคนอย่ากลัวโง่ บางทีเรื่องไหนที่เราไม่รู้ก็บอกกับลูกน้องไปเลยตรงๆ ว่าเราไม่รู้ เราควรทำตัวให้เหมือนโค้ชมากกว่าการเป็นหัวหน้า คือต้องมองว่าทุกคนมีศักยภาพตรงไหน เราอาจสร้างแรงบันดาลใจให้เขามองหาความสำเร็จการทำงานของเขาด้วยตนเอง ลองเปรียบเทียบความสำเร็จเสมือนกับยอดเขาที่สูงและมีระยะทางที่ยาว ความท้าทายในการเป็นโค้ชของเราคือต้องให้เขาขึ้นไปเอง อย่าลากเขาขึ้นไป การที่นึกว่าตัวเองเป็นแค่หัวหน้ามันก็แค่จะคอยออกคำสั่ง แต่การเป็นโค้ชมันไม่ใช่แบบนั้น"

    ผู้บริหารสาวยังมีเทคนิคให้ผู้ใต้บังคับบัญชาได้บริหารสมองกันอยู่บ่อยครั้ง โดยเธอบอกว่า หัวหน้าต้องฉลาดในการตั้งคำถาม และอย่ามีคำตอบในใจ ซึ่งในบางครั้ง เธอเลือกที่จะมีการตั้งตำถามไว้ให้ทีมของเธออย่างน้อย 3 คำถาม และลองให้เขาเหล่านั้นได้ไปทำการค้นหาคำตอบมา จุดมุ่งหมายในเกมบริหารสมองเช่นนี้ ก็เพื่อให้พวกเขาได้จุดประกายความคิดใหม่ๆ เกิดขึ้นนั่นเอง

    บุณย์ญานุช บอกว่า ในตอนนี้ชีวิตส่วนตัวคงจะรักษาเวลาระหว่างการทำงานกับครอบครัวให้สามารถไปด้วยกันได้ แต่ที่สำคัญคือต้องเต็มที่กับทุกอย่าง เพราะเชื่อว่าชีวิตทุกอย่างมันทำได้จะเสียมากกว่าหากไม่ได้ทำ คำว่าความสำเร็จจะเกิดขึ้นเกิดจากความสามารถแค่เพียง 1% เท่านั้น เพราะมันมาจากทัศนคติอีก 99% ต่างหาก ที่ผ่านมาเคยคิดอยู่เหมือนกันว่าตัวเองบ้าพลัง ทำงานกระหน่ำเป็นอย่างมาก แต่ยังไงต้องหาเวลาช่วงวันจันทร์-ศุกร์ ไปส่งลูกตอนเช้าให้ได้ เพราะผู้หญิงบางคนมีลูก แต่ไม่จัดสรรเวลาให้ดี

    ไลฟ์สไตล์ของนักการตลาดคงจะมีความคิดที่หยุดนิ่งไม่ได้ และคงไม่สามารถอยู่เฉยในการพัฒนาแบรนด์ของตนเองอยู่อย่างเสมอ ขณะเดียวกัน ยังต้องมีทัศนคติที่ดีในการทำงานหรือรักกับสิ่งที่ทำอยู่ ซึ่งก็ดูเหมือนว่าผู้บริหารสาวคนนี้จะเป็นเช่นนั้นเสียด้วย นอกจากจะมีความสุขกับงานที่ทำอยู่แล้ว เธอยังคิดว่าความสนุกอีกอย่างคือ การได้เอาชนะตัวเอง แต่ต้องรู้ว่าเราต้องการอะไร การมีใจให้กับสิ่งที่ทำอยู่

    เธอนั้นมองว่า เรื่องโบนัสและเงินเดือนที่ได้เป็นเรื่องสำคัญ แต่ไม่ใช่ทุกอย่างในชีวิต ..การทำงานที่มีอิสรภาพทางการเงินแบบนี้ต่างหาก คือตัวที่เธอจะเลือกเข้ามาในชีวิต.

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!