WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

SENA มองกฏอัยการศึก กระทบจิตวิทยาหุ้นอสังหาฯ เล็กน้อย ส่วนรายได้บริษัทฯ Q2 คาด ชะลอตัวจาก Q1 เล็งเปิด โครงการใหม่ในช่วงที่เหลือของปี

    SENA มองกฏอัยการศึก กระทบจิตวิทยาหุ้นอสังหาฯ เล็กน้อย ส่วนรายได้บริษัทฯ Q2 คาดชะลอตัวจาก Q1 พร้อมเผยล่าสุดมีงานในมือ 2.8 พันลบ. รับรู้รายได้ปีนี้ราว 70% ส่วนงบซื้อที่ดินปีนี้ที่ 1 พันลบ.ใช้ไปแล้ว 500 ลบ. เล็งเปิด 6 โครงการใหม่ในช่วงที่เหลือของปี

     ผศ.ดร.เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ กรรมการ บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) (SENA) เปิดเผยว่า บริษัทฯ มองว่ากฎอัยการศึกที่ได้ประกาศออกมานั้น อาจกระทบความเชื่อมั่นของกองทุนต่างชาติ ทำให้มีแรงขายออกมาบ้าง ส่วนกองทุนในประเทศเชื่อว่าได้คุ้นเคยกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นมาก่อนหน้านี้อยู่แล้ว จึงมองว่าไม่น่าจะส่งผลกระทบมากนัก อย่างไรก็ตาม ผลกระทบด้านจิตวิทยาต่อหุ้นในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์อาจมีบ้าง ซึ่งอาจทำให้หุ้นกลุ่มดังกล่าวปรับตัวลดลงได้ 

    ทั้งนี้ มองว่า การประกาศกฏดังกล่าว อาจมีผลต่อสถานการณ์การเมืองนับจากนี้ได้ 2 แง่มุม คือ 1.สถานการณ์ใกล้จะจบลงแล้ว และ 2.สถานการณ์อาจมีความรุนแรงเกิดขึ้นอีกครั้ง

    อย่างไรก็ตาม บริษัทฯคาดว่ารายได้ในไตรมาสที่ 2 จะชะลอตัวลงจากไตรมาสที่ 1 เนื่องจากมองว่าตั้งแต่เดือน เม.ย.มีวันหยุดยาวหลายวัน รวมถึงเดือนนี้ได้รับผลกระทบจากหลากหลายเหตุการณ์ทางการเมือง ซึ่งได้ตั้งเป้ารายได้ของไตรมาสที่ 2 ไว้ราว 700-800 ล้านบาท จากที่ตั้งเป้าไว้ในไตรมาสที่ 1 ไว้ที่ 900ล้านบาท แต่ทำได้เพียง 700 ล้านบาทเท่านั้น จึงมองว่าในช่วงไตรมาสที่ 2 ผู้ประกอบการเริ่มส่งสัญญาณในการจัดโปรโมชั่นสินค้า แต่อย่างไรก็ตาม ต้องจับตาดูสถานการณ์ที่เกิดขึ้นภายในเดือนนี้ โดยบริษัทฯ มองว่าผู้บริโภคได้ชะลอการซื้อมาตั้งแต่ต้นปี

  นอกจากนี้ บริษัทฯ มียอดปฏิเสธสินเชื่อเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ราว 10% จากช่วงปกติอยู่ที่ 5-6% โดยเป็นผลมาจากสถานการณ์การเมืองและสภาพเศรษฐกิจที่ชะลอตัวส่งผลให้ธนาคารปล่อยสินเชื่อได้ยากขึ้น และทางธนาคารอาจมีการเพิ่มมาตรการในการตรวจสอบลูกค้ามากขึ้น  เพราะรายได้ของประชาชนลดลง อาทิ ไม่มีรายได้เสริมจากค่า OT เป็นต้น

    ส่วนโครงการโปรสุดคุ้มครั้งเดียวในรอบปีที่บริษัทฯได้ร่วมกับทางสถาบันการเงิน และนำโครงการร่วมแคมเปญนี้จำนวน 8 โครงการช่วงวันที่ 1 พ.ค.-30 มิ.ย.นี้ บริษัทฯ ตั้งเป้าว่ายอดขายจะอยู่ที่ราว 400-500 ล้านบาท และยังเป็นโครงการที่ทำให้ผู้บริโภคตัดสินใจซื้อได้ง่ายขึ้น

    ผศ.ดร.เกษรา เปิดเผยด้วยว่า ขณะนี้บริษัทฯ มีงานในมือที่รอรับรู้รายได้ (Backlog)ขณะนี้อยู่ที่ 2,800 ล้านบาท ซึ่งจะสามารถรับรู้รายได้ปีนี้ราว 70% ทั้งจากยอดโอนบ้านเดี่ยวและคอนโดมิเนียม  ทั้งนี้ สัดส่วนโครงการของบริษัทฯ ที่มีมากสุดยังเป็นคอนโดฯ อยู่กว่า 90% ซึ่งบริษัทฯ มีแผนลดสัดส่วนของคอนโดฯ และเพิ่มสัดส่วนของแนวราบมากขึ้นเพื่อกระจายความเสี่ยงและมองว่าโครงการแนวราบขายได้ง่ายกว่า

   นอกจากนี้ บริษัทฯได้วางงบซื้อที่ดินปีนี้ไว้ที่ 1,000 ล้านบาท โดยใช้ซื้อที่ดินไปแล้วราว 500 ล้านบาท ซึ่งในส่วนที่เหลือบริษัทฯมีแผนจะซื้อที่ดินเพิ่มและอาจมีการเพิ่มงบประมาณไปถึงกว่า 1,300 ล้านบาท"บริษัทฯ มองว่าตอนนี้การซื้อที่ดินเป็นทางเดียวที่เราคิดว่าดีที่สุด โดยหากเรามีที่ดินจะสามารถพัฒนาได้ แต่ยังไม่ใช่ ณ ตอนนี้ ซึ่งขณะนี้เรามีที่ดินอยู่ราว 9 แปลง และซื้อมาเพิ่มในงบประมาณ 500 ล้านบาท ประมาณ 2 แปลง" ผศ.ดร.เกษรา กล่าว

  สำหรับแผนการเปิดโครงการใหม่ปีนี้มีทั้งหมด 8 โครงการ เปิดไปแล้ว 2 โครงการ ส่วนอีก 6 โครงการจะทยอยเปิดในช่วงที่เหลือของปี แบ่งเป็นคอนโดฯ 3โครงการ และแนวราบ 3 โครงการ มูลค่าราว 4,000 ล้านบาท ซึ่งปลายปีนี้จะเปิด 2โครงการเป็นแนวราบมูลค่าไม่สูงมากนักราว 300-400ล้านบาท 

    "บริษัทฯ เน้นการขยายแนวราบเนื่องจากความเสี่ยงน้อย แต่อย่างไรก็ตาม มองว่า ช่วงที่เหลือของปีจะสามารถเปิดได้ครบทั้งหมด 6 โครงการ จากแผนทั้งปีอยู่ที่ 8 โครงการ" ผศ.ดร.เกษรา กล่าว

สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!