WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

ศูนย์ข้อมูลอสังหาฯ รายงานภาวะโครงการบ้านเดี่ยว-คอนโดฯช่วง 4 เดือนแรกปี 57

    ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ รายงานผลสำรวจโครงการที่อยู่อาศัยในพื้นที่กรุงเทพฯ-ปริมณฑล โดยข้อมูลที่นำเสนอมาจากการสำรวจภาคสนามของศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์เมื่อสิ้นปี 2556 โดยเป็นข้อมูลของโครงการที่อยู่ระหว่างการขายและนับเฉพาะโครงการที่มีหน่วยเหลือขายไม่ต่ำกว่า 6 หน่วย โครงการบ้านจัดสรร ที่อยู่ในระหว่างการขายในเขตกรุงเทพฯ-ปริมณฑล มีประมาณ 911 โครงการ

    จากหน่วยในผังของโครงการทั้งหมด 911 โครงการ อยู่ในกรุงเทพฯมากที่สุด 436 โครงการ รวมประมาณ 77,800 หน่วย เหลือขายประมาณ 23,700 หน่วย อยู่ในนนทบุรี 143 โครงการ รวมประมาณ 32,400 หน่วย เหลือขายประมาณ 14,100 หน่วย อยู่ในปทุมธานี 122 โครงการ รวมประมาณ 28,100 หน่วย เหลือขายประมาณ 12,400 หน่วย อยู่ในสมุทรปราการ 120 โครงการ รวมประมาณ 29,900 หน่วย เหลือขายประมาณ 12,500 หน่วย อยู่ในสมุทรสาคร 58 โครงการ รวมประมาณ 13,000 หน่วย เหลือขายประมาณ 7,200 หน่วย และอยู่ในนครปฐม 32 โครงการ รวมประมาณ 5,000 หน่วย เหลือขายประมาณ 2,300 หน่วย

    จากโครงการบ้านจัดสรร 911 โครงการดังกล่าว ศูนย์ข้อมูลฯ คาดว่ามีประมาณ 111 โครงการซึ่งขายได้หมดแล้วในช่วงระหว่างเดือนมกราคมถึง 15 พฤษภาคม 2557 ทำให้หน่วยในผังโครงการลดลงไปประมาณ 12,100 หน่วย และหน่วยเหลือขายลดลงประมาณ 750 หน่วย แต่ขณะเดียวกันในช่วงเวลาดังกล่าวก็มีโครงการบ้านจัดสรรเปิดขายใหม่อีกประมาณ 92 โครงการ ด้วยจำนวนหน่วยใหม่รวมกันประมาณ 13,900 หน่วย โดยพื้นที่ซึ่งมีหน่วยบ้านจัดสรรเปิดขายใหม่มากที่สุดในช่วง 4 เดือนครึ่งของต้นปีนี้ ได้แก่ จังหวัดสมุทรปราการ พื้นที่อำเภอบางกรวย-บางใหญ่-บางบัวทอง-ไทรน้อย และพื้นที่อำเภอลำลูกกา-คลองหลวง-ธัญบุรี-หนองเสือ

    โครงการอาคารชุด ซึ่งอยู่ในระหว่างการขายในกรุงเทพฯ-ปริมณฑล มีประมาณ 405 โครงการ โดยมีจำนวนหน่วยตามผังโครงการรวมกันประมาณ 191,900 หน่วย แต่ในจำนวนนี้เป็นหน่วยเหลือขายหรือเป็นอุปทานในตลาดประมาณ 49,400 หน่วย คิดเป็นมูลค่าหน่วยเหลือขายประมาณ 145,122 ล้านบาท โดยเป็นโครงการที่เปิดขายก่อนปี 2549 เพียง 4 โครงการ จากโครงการอาคารชุดทั้งหมด มี 241 โครงการ ซึ่งเป็นโครงการที่มีขนาดความสูงไม่เกิน 8 ชั้น และมี 239

    โครงการซึ่งจำนวนหน่วยในผังไม่เกิน 400 หน่วย โดยร้อยละ 57ของหน่วยห้องชุดทั้งหมดมีขนาดห้องไม่เกิน 30 ตารางเมตร จากหน่วยในผังโครงการทั้งหมด พบว่าร้อยละ 17 เป็นห้องแบบสตูดิโอ อีกร้อยละ 67 เป็นแบบหนึ่งห้องนอน และร้อยละ 14 เป็นแบบสองห้องนอน ที่เหลือเป็นแบบสามห้องนอนขึ้นไป แยกตามระดับราคาของหน่วยในผังโครงการ พบว่าร้อยละ 48 เป็นหน่วยห้องชุดในช่วงราคาไม่เกิน 2 ล้านบาท อีกร้อยละ 22 อยู่ในช่วงราคา 2.01-3 ล้านบาท และร้อยละ 17 ในช่วงราคา 3.01-5 ล้านบาท ที่เหลืออยู่ในช่วงราคาเกินกว่า 5 ล้านบาท

    จากหน่วยในผังโครงการทั้งหมด แยกตามสถานะของการก่อสร้าง พบว่า เป็นหน่วยที่สร้างเสร็จแล้วประมาณ 60,900 หน่วย อยู่ระหว่างการก่อสร้างประมาณ 82,200 หน่วย และยังไม่ได้เริ่มสร้างประมาณ 48,800 หน่วย จากหน่วยในผังของโครงการทั้งหมด 405 โครงการ อยู่ในกรุงเทพฯมากที่สุด 317 โครงการ รวมประมาณ 139,750 หน่วย เหลือขายประมาณ 31,000 หน่วย อยู่ในนนทบุรี 42 โครงการ รวมประมาณ 27,850 หน่วย เหลือขายประมาณ 8,100 หน่วย อยู่ในปทุมธานี 13 โครงการ รวมประมาณ 12,200 หน่วย เหลือขายประมาณ 6,600 หน่วย อยู่ในสมุทรปราการ 27 โครงการ รวมประมาณ 10,600 หน่วย เหลือขายประมาณ 3,100 หน่วย และอยู่ในนครปฐม 6 โครงการ รวมประมาณ 1,500 หน่วย เหลือขายประมาณ 550 หน่วย

    จากโครงการอาคารชุด 405 โครงการดังกล่าว ศูนย์ข้อมูลฯ คาดว่ามีประมาณ 48 โครงการซึ่งขายได้หมดแล้วในช่วงระหว่างเดือนมกราคมถึง 15 พฤษภาคม 2557 ทำให้หน่วยในผังโครงการลดลงไปประมาณ 18,000 หน่วย และหน่วยเหลือขายลดลงประมาณ 300 หน่วย แต่ขณะเดียวกัน ในช่วงเวลาดังกล่าวก็มีโครงการอาคารชุดเปิดขายใหม่อีกประมาณ 55 โครงการ ด้วยจำนวนหน่วยใหม่รวมกันประมาณ 23,600 หน่วย โดยพื้นที่ซึ่งมีหน่วยห้องชุดเปิดขายใหม่มากที่สุดในช่วง 4 เดือนครึ่งของต้นปีนี้ ได้แก่ จังหวัดนนทบุรี พื้นที่ฝั่งธนบุรี พื้นที่เขตห้วยขวาง-จตุจักร-ดินแดง จังหวัดสมุทรปราการและจังหวัดปทุมธานี

ปัญหาเศรษฐกิจ-การเมืองฉุดตลาดอสังหาฯ คอนโด-บ้านจัดสรรเปิดใหม่ลดลง

    แนวหน้า : นายสัมมา คีตสิน ผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ช่วง 5 เดือนแรก ปี 2557 มีการชะลอตัวลงอย่างต่อเนื่อง จากภาวะเศรษฐกิจที่ซบเซาและปัญหาการเมือง โดยพบว่าโครงการประเภทบ้านจัดสรร มีการเปิดโครงการใหม่ลดลง 10-15% ขณะที่คอนโดมิเนียม เปิดโครงการใหม่ลดลง 40% ทำให้มีโครงการรอขายเหลืออยู่อีกเป็นจำนวนมาก ทั้งคอนโดมิเนียมและบ้านจัดสรรรวม 1,300 โครงการ หรือ 370,000 หน่วย (ยูนิต)

   “ภาพรวมช่วง 3-4 เดือนแรกของปี 2557 ตลาดที่อยู่อาศัยมีการหดตัวลงมาก แม้จะมองว่าช่วงครึ่งปีหลังน่าจะปรับตัวดีขึ้น แต่เมื่อรวมกันทั้งปี 2557 น่าจะลดลงกว่าปี 2556 แต่ไม่ถึงกับแย่มาก โดยตลาดควรจะเข้าสู่การปรับฐานในปี 2557 เพื่อกลับเข้าสู่ความเป็นจริง เพื่อการเติบโตอย่างต่อเนื่องในอนาคต ขณะที่ภาวะการแข่งขันนั้น มองว่าตลาดอสังหาริมทรัพย์ยังจะมีความรุนแรงในด้านแข่งขันอยู่ ซึ่งก็จะมีการขยายไปแข่งขันในตลาดรองในส่วนของภูมิภาคมากขึ้นนายสัมมา กล่าว

   สำหรับ กรณีที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เข้ามาบริหารประเทศ โดยมีแผนเดินหน้าเศรษฐกิจที่ชัดเจน เช่น การจ่ายเงินจำนำข้าวให้กับชาวนา รวมถึงการเร่งเบิกจ่ายงบประมาณปี 2557 ทำให้ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคกลับคืนมา และมีแนวโน้มว่าเศรษฐกิจในครึ่งปีหลัง 2557 จะฟื้นตัวขึ้น จึงคาดว่าตลาดที่อยู่อาศัยในช่วงครึ่งปีหลัง 2557 น่าจะมีโอกาสฟื้นตัวดีขึ้น ทั้งในแง่ของผู้ซื้อและผู้ขาย

   “ตลาดที่อยู่อาศัยควรจะต้องกลับเข้าสู่ในช่วงของการปรับฐาน เพื่อกลับเข้าสู่ภาวะปกติได้แล้ว เนื่องจากปี 2555-2556 มีการเปิดตัวโครงการใหม่จำนวนมาก โดยเฉพาะโครงการแนวสูง ไม่เฉพาะในกรุงเทพฯ-ปริมณฑล แต่ตลาดหลักในส่วนภูมิภาคก็เช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นเชียงใหม่ ภูเก็ต ชลบุรี ระยอง นครราชสีมา ขอนแก่น อย่างไรก็ตามตลาดที่อยู่อาศัยทั้งปี 2557 จะมีการเติบโตลดลงกว่าปี 2556 โดยคาดว่าปี 2557 จะมีการเปิดตัวคอนโดมิเนียมใหม่ 65,000 โครงการ บ้านจัดสรรจะอยู่ในระดับเดียวกับปี 2556 ซึ่งในปี 2556 มีการเปิดตัวคอนโดมิเนียมใหม่ 85,000 โครงการ และบ้านจัดสรร 40,000 โครงการนายสัมมา กล่าว

     นอกจากนี้ ยังมองว่าในปี 2557-2560 จะมีการขยายตลาดที่อยู่อาศัยไปยังตลาดรองในภูมิภาคมากขึ้น เป็นช่วงที่ได้รับอานิสงส์จากการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) โดยจังหวัดที่ได้รับความน่าสนใจ ได้แก่ นครศรีธรรมราช สุราษฎร์ธานี เชียงราย พิษณุโลก อุบลราชธานี ซึ่งยังมีโครงการใหม่น้อยอยู่ ขณะที่ในกรุงเทพฯ-ปริมณฑลส่วนใหญ่จะเป็นการเปิดตัวคอนโดมิเนียม โดยเฉพาะตามแนวรถไฟฟ้า

    ส่วนบ้านจัดสรรจะมีการปรับราคาขายที่สูงขึ้นมาก ส่งผลให้ตลาดทาวน์เฮ้าส์ปรับตัวสูงกว่าตลาดบ้านจัดสรร โดยมองว่าสิ่งที่จะช่วยส่งผลให้บ้านจัดสรรและทาวน์เฮ้าส์เติบโตต่อไปได้ในอนาคต มาจากตลาดอสังหาริมทรัพย์ปรับเข้าสู่ภาวะปกติ และปัจจัยทางเศรษฐกิจมีความแข็งแรงได้ในอนาคต รวมถึงการกระตุ้นใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐในช่วงที่เหลือของปี 2557 และมีการกระตุ้นการลงทุนของภาคเอกชน น่าจะส่งผลให้ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ปรับตัวดีขึ้น และตลาดที่อยู่อาศัยก็จะปรับตัวดีขึ้นตามไปด้วย

ลุ้นปัดฝุ่นเมกะโปรเจ็กต์หนุนฟื้น 4 เดือนอสังหาเปิดตัวใหม่วูบ 25%

     ไทยโพสต์ : อโศก * ศูนย์ข้อมูลอสังหาฯ มีเฮปัดฝุ่นลงทุน 2 ล้านล้านบาท เชื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ เรียก ความมั่นใจผู้บริโภค ขณะที่ 4 เดือนแรกที่อยู่อาศัยเปิดตัวใหม่วูบ 25%

    นายสัมมา คีตสิน ผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหา ริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสง เคราะห์ หรือ REIT เปิดเผยว่า ภาพรวมเศรษฐกิจช่วงไตร มาสแรกปี 2557 ยังคงมีอัตรา การเติบโตที่ชะลอตัว ซึ่งมีปัจ จัยจากปัญหาทางการเมืองที่ยังไม่นิ่ง

   ทั้งนี้ คาดการณ์ว่าหลังจากนี้เศรษฐกิจจะเริ่มฟื้นตัวมากขึ้น เนื่องจากผู้บริโภคและนักลงทุนเริ่มมีความมั่นใจในสถานการณ์ และได้เริ่มมีการวางแผนการลงทุน หลังจากจะมีการนำโครงการลงทุน 2 ล้านล้านบาทเข้ามาพิจารณาอีกครั้ง เชื่อว่าจะทำให้เกิดการจ้างแรงงาน ทำให้ประชาชนมีรายได้และเริ่มมีกำลังซื้อ และเป็นแรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจไปในทิศทางที่ดี

    "ตอนนี้สถานการณ์ทางการเมืองเริ่มส่งสัญญาณชัดเจนมากขึ้น ซึ่งก่อนหน้านี้ตั้งแต่กลางปี 2556 จนถึงช่วงต้นปี 2557 สถานการณ์ดูตึงเครียด และหลังจากที่มี การเปลี่ยนแปลงทางการเมือง ทำให้สถานการณ์ในประเทศเริ่มดีขึ้น ประกอบกับมีแนว คิดนำโครงการลงทุนโครง สร้างพื้นฐานกลับมาปัดฝุ่นใหม่ และชาวนาได้รับค่าจำนำ ข้าวแล้ว เชื่อว่าหลังจากนี้เศรษฐกิจจะกลับมาฟื้นและมีแนวโน้มดี" นายสัมมากล่าว

    ล่าสุด ศูนย์ข้อมูลฯ ได้จัดทำผลสำรวจโครงการที่อยู่อาศัยในพื้นที่กรุงเทพฯปริมณฑล ในช่วง 4 เดือนที่ผ่านมา พบว่า โครงการบ้านจัดสรรที่อยู่ในระหว่างการขาย 911 โครงการ จำนวน 186,200 ยูนิต ปัจจุบันมีหน่วยเหลือขายประมาณ 72,000 ยูนิต มูลค่ารวม 298,000 ล้านบาท โครงการอาคารชุด อยู่ระหว่างการขาย 405 โครงการ 191,900 ยูนิต มีเหลือขาย 49,000 ยูนิต มูล ค่ารวม 145,122 ล้านบาท.

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!