- Details
- Category: ไอที-เทคโนฯ
- Published: Saturday, 19 October 2024 17:20
- Hits: 1918
‘ไลท์อัพ โทเทิล โซลูชั่น’ (LTS) จับมือ BytePlus บริษัทลูกของไบต์แดนซ์ เป็นเอ็กซ์คลูซีพดีลเลอร์โซลูชันเทคโนโลยียกระดับการขายสินค้าผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ เจาะลูกค้า B2B รับการเติบโตของอุตสาหกรรม Social-Commerce ในไทย‘
บมจ. ไลท์อัพ โทเทิล โซลูชั่น’ หรือ LTS จับมือเป็นพันธมิตรเชิงกลยุทธ์กับ ‘BytePlus’ บริษัทลูกในกลุ่ม ByteDance บริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีในธุรกิจ Social-Commerce ของประเทศจีน เป็นเอ็กซ์คลูซีพดีลเล่อร์ 7 ผลิตภัณฑ์เทคโนโลยีเพื่อเจาะกลุ่มลูกค้า B2B รับการเติบโตของธุรกิจ Social-Commerce ในประเทศไทย ประเดิมแต่งตั้ง ‘สยาม เอไอ คอร์เปอเรชั่น’ เป็น Reseller ทำตลาดผลิตภัณฑ์โซลูชัน Live Streaming โดยเจ้าของแบรนด์สามารถเก็บพฤติกรรมการซื้อสินค้าผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ เพื่อเสนอโปรโมชันแบบเฉพาะเจาะจงได้ตรงเป้า
นายภัฏ ตรัสโฆษิต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไลท์อัพ โทเทิล โซลูชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ LTS เปิดเผยว่า จากแผนยุทธศาสตร์ที่ต้องการมุ่งสร้าง New S Curve ในกลุ่มธุรกิจ IT Solution ซึ่งเป็นเมกกะเทรนด์เพื่อผลักดันการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ ล่าสุด บริษัทฯ ได้ลงนามบันทึกความร่วมมือเป็นพันธมิตรเชิงกลยุทธ์กับ บริษัท ไบต์พลัส ประเทศไทย จำกัด (BytePlus) ผู้ดำเนินธุรกิจให้บริการโซลูชันเทคโนโลยีให้แก่องค์กรธุรกิจของกลุ่มไบต์แดนซ์
โดยเป็นตัวแทนจำหน่ายและทำตลาด (Exclusive Dealer) ในประเทศไทยแต่เพียงผู้เดียว เพื่อนำเสนอโซลูชั่นเทคโนโลยีการให้บริการสำหรับธุรกิจของไบต์พลัส ประกอบด้วย ประกอบด้วย BytePlus Effects, BytePlus Recommend, BytePlus Live, BytePlus Video On Demand (VOD), BytePlus CDN, ByteHouse และ BytePlus Cloud เพื่อเป็นเครื่องมือช่วยยกระดับขีดความสามารถการแข่งขันแก่องค์กรภาคธุรกิจและผู้ประกอบการอีคอมเมิร์ซ สามารถนำเสนอสินค้าและบริการผ่านการใช้เทคโนโลยี AI สร้างประสบการณ์ที่น่าดึงดูดและการมีส่วนร่วมให้แก่ลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น ทั้งนี้ บริษัทฯ แต่งตั้งบริษัท สยาม เอไอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด หรือ SIAM AI เป็น Reseller เพื่อทำตลาดและนำเสนอโซลูชั๋นการให้บริการของไบต์พลัสให้แก่ผู้ประกอบการธุรกิจที่สนใจ โดย BytePlus Live และ BytePlus Video On Demand (VDO) เป็นโซลูชันเทคโนโลยีแรกที่จะเร่งทำตลาด นำเสนอบริการให้แก่ผู้ประกอบการที่ต้องการสตรีมสด ดึงดูดผู้ชมให้มีส่วนร่วมและนำเสนอสินค้าสร้างประสบการณ์ที่ดีให้แก่ลูกค้า พร้อมเชื่อมต่อกับระบบช้อปปิ้งออนไลน์ ทำให้ผู้ชมสามารถซื้อสินค้าระหว่างชมการสตรีมได้ ช่วยเพิ่มโอกาสการขายและปิดการขาย
อีกทั้ง มีระบบหลังบ้านจัดเก็บพฤติกรรมการซื้อสินค้าของผู้ชมในทุกออเดอร์ เป็นนำมาใช้เป็นฐานข้อมูลมาทำกลยุทธ์โปรโมชัน แบบเฉพาะเจาะจงเพื่อนำเสนอสินค้าหรือบริการ ตามความชอบและความต้องการของลูกค้าผ่านทางอีเมลหรือโซเชียลมีเดียต่างๆ ช่วยกระตุ้นให้เกิดการซื้อสินค้าได้อีกด้วย
นางสาวมนธิชา คงทวี Head of Enterprise (Thailand), BytePlus ผู้ดำเนินธุรกิจให้บริการโซลูชันเทคโนโลยีให้แก่องค์กรธุรกิจในกลุ่ม ByteDance กล่าวว่า บริษัทฯ มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่เป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับ LTS จากการแต่งตั้งให้เป็นเอ็กซ์คลูซีพดีลเลอร์โชลูชั่นเทคโนโลยีในการนำเสนอบริการโซลูชันต่างๆ ให้แก่ผู้ประกอบธุรกิจอีคอมเมิร์ซในไทยเพื่อใช้เป็นเครื่องมือในการช่วยยกระดับความสามารถการแข่งขัน
ทั้งการเพิ่มยอดขายและลดค่าใช้จ่ายด้วยเทคโนโลยี AI เพื่อสร้างประสบการณ์การซื้อสินค้าที่ดีผ่านฟีเจอร์ต่างๆ ให้แก่ผู้บริโภคคนไทย ผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ในทุกช่องทาง รองรับการซื้อขายสินค้าและบริการผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ หรือ Social Commerce ในประเทศไทย ซึ่งเป็นตลาดที่มีศักยภาพและเติบโตได้อย่างรวดเร็วในภูมิภาคอาเซียน
นายรัตนพล วงศ์นภาจันทร์ ประธานกรรมการฝ่ายบริหาร บริษัท สยามเอไอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด หรือ SIAM AI กล่าวว่า บริษัทฯ จะเร่งทำตลาดโซลูชันเทคโนโลยีของไบต์พลัส เจาะกลุ่มผู้ประกอบการที่ทำธุรกิจอีคอมเมิร์ซหรือองค์กรธุรกิจทีวีและดิจิทัลที่ต้องการขายสินค้าและบริการผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ สามารถใช้โซลูชัน BytePlus Live และ BytePlus Video on Demand ที่มีฟีเจอร์ให้เจ้าของธุรกิจสามารถปรับแต่งให้เหมาะสมกับธุรกิจทั้งการปรับแต่ง UI และฟังก์ชันโต้ตอบกับผู้ชม พร้อมด้วยเทคโนโลยี AR ที่นำมาใช้เป็นเครื่องมือและปรับแต่งแคมเปญการตลาดให้เหมาะสมกับ แบรนด์ของตนเองช่วยเพิ่มความน่าสนใจและการมีส่วนร่วมจากผู้ชม รองรับพฤติกรรมการซื้อสินค้าของลูกค้าผ่านช่องทางแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย ตั้งเป้าปีแรกจะมีผู้ใช้บริการประมาณ 5 ราย
ในปัจจุบัน LTS มีรายได้จากการการขายอุปกรณ์ส่องสว่างและอุปกรณ์เสริมสำหรับการติดตั้งอุปกรณ์ส่องสว่าง เช่น โคมไฟฟ้า ไฟสปอตไลท์ ไฟเพื่อการตกแต่ง แก่ลูกค้า 3 กลุ่มหลักคือ
1) ลูกค้าสถาปนิกหรือผู้รับเหมา
2) ลูกค้าโครงการรัฐบาล รัฐวิสาหกิจและเอกชนขนาดใหญ่ และ
3) ลูกค้าค้าส่งและค้าปลีก ผ่านช่องทางการจัดจำหน่ายผ่านทางพนักงานขายและช่องทางออนไลน์
โดยในอนาคตยังสามารถขยายธุรกิจเพื่อรองรับโครงการขนาดใหญ่ของบริษัทฯ อาทิ สวนสาธารณะอัจฉริยะ โครงการ smart pole, โครงการ smart city, โครงการ smart street light และโครงการในอนาคตสำหรับ IT Solution โดยบริษัทจะเข้าไปมีส่วนร่วมในการพัฒนาและจำหน่ายชุดคำสั่งต่างๆ ให้แก่องค์กรต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น อุตสาหกรรม มหาวิทยาลัย ภาครัฐ และภาคเอกชน โดยมีการบริการแบบครบวงจร ซึ่งมีผลิตภัณฑ์หลัก 3 กลุ่ม ได้แก่
1) ด้าน Subscription เป็นการซื้อลิขสิทธิ์โปรแกรมมาเพื่อจัดจำหน่ายต่อเพื่อให้ลูกค้าสมัครใช้บริการในรูปแบบรายเดือนหรือรายปี
2) Software Development เป็นการพัฒนาโปรแกรมขึ้นมาจากทีมงานของบริษัทซึ่งจะมีทั้งการขายสิทธิ์โปรแกรมให้แก่ลูกค้าหรือการให้เช่าใช้โปรแกรม และ
3) General Service เป็นบริการให้คำแนะนำในการใช้โปรแกรมที่บริษัทให้บริการ รวมถึงการบริการอบรมพนักงานทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศรวมอยู่ด้วย
ทั้งนี้ บมจ. ไลท์อัพ โทเทิล โซลูชั่น หรือ LTS ผู้จัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ไฟฟ้าส่องสว่าง และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ ภายใต้กลุ่มอุตสาหกรรมสินค้าอุปโภคบริโภค
LTS ดำเนินธุรกิจจัดจำหน่าย ออกแบบและติดตั้งอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ซึ่งประกอบด้วยผลิตภัณฑ์ไฟฟ้าส่องสว่าง ในรูปแบบ smart pole, smart home automation โดยการออกแบบระบบส่องสว่างได้นำรูปทรงสถาปัตยกรรมของอาคารมาเป็นแนวความคิดในการออกแบบเพื่อให้เกิดความงดงามและมีเอกลักษณ์ประจำอาคาร หรือการรับติดตั้งระบบส่องสว่างให้แก่อาคารที่อยู่อาศัยทั้งบริเวณภายในและภายนอกอาคาร เช่น ห้างสรรพสินค้า คอนโด รีสอร์ต และโรงแรม เป็นต้น รวมถึงมีช่องทางการจำหน่ายแบบค้าส่งและค้าปลีก
และในช่วงไตรมาสที่ 4 ปี 2566 บริษัทได้เพิ่มธุรกิจ IT Solutions เพื่อต่อยอดผลิตภัณฑ์และบริการให้สอดรับกับอุปกรณ์ IoT (Internet of Things) โดยในปี 2566 โครงสร้างรายได้จำแนกตามกลุ่มลูกค้า ได้แก่
1) กลุ่มผู้รับเหมาหรือสถาปนิก
2) กลุ่มลูกค้าโครงการรัฐบาล รัฐวิสาหกิจและเอกชน
3) กลุ่มค้าส่งและค้าปลีก และ
4) ธุรกิจใหม่
LTS มีทุนชำระแล้วหลังเสนอขาย 103.30 ล้านบาท มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท ประกอบด้วยหุ้นสามัญเดิม 151.60 ล้านหุ้นและหุ้นสามัญเพิ่มทุน 55 ล้านหุ้น โดยเป็นการเสนอขายต่อบุคคลตามดุลยพินิจของผู้จัดจำหน่ายหลักทรัพย์จำนวน 46.2 ล้านหุ้น เสนอขายต่อผู้มีอุปการคุณของบริษัท 4.4 ล้านหุ้น และเสนอขายต่อกรรมการ ผู้บริหาร และพนักงาน 4.4 ล้านหุ้น เมื่อวันที่ 9, 10 และ 13 พฤษภาคม 2567 ในราคาหุ้นละ 3.00 บาท คิดเป็นมูลค่าการเสนอขาย IPO 165 ล้านบาท มูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคา IPO 619.80 ล้านบาท
ทั้งนี้ การกำหนดราคาเสนอขายหุ้น IPO พิจารณาอัตราส่วนราคาหุ้นต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (Price to Earnings Ratio: P/E Ratio) เท่ากับ 19.72 เท่า ซึ่งคำนวณจากกำไรสุทธิงวดปี 2566 หารด้วยจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและชำระแล้วภายหลังการเสนอขายหุ้นในครั้งนี้ (fully diluted) จะได้กำไรสุทธิต่อหุ้นเท่ากับ 0.1521 บาท โดยมีบริษัท ออพท์เอเชีย แคปิตอล จำกัด (มหาชน) เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน บริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย
อย่างไรก็ตาม บริษัทมีประสบการณ์และความชำนาญในธุรกิจมากว่า 14 ปี โดยมุ่งเน้นการใช้นวัตกรรมในการช่วยเพิ่มความสะดวกสบายและตอบโจทย์ให้กับทุกกลุ่มลูกค้าของบริษัท สำหรับเงินที่ได้จากการระดมทุน บริษัทจะนำไปลงทุนในตึกออฟฟิศ Showroom โกดังสินค้า และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนรองรับโครงการขนาดใหญ่ ได้แก่ สวนสาธารณะอัจฉริยะ โครงการ smart pole โครงการ smart city และ โครงการ smart street light เป็นต้น
10510