- Details
- Category: สตรี
- Published: Sunday, 12 October 2014 23:34
- Hits: 10332
วันที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2557 ปีที่ 24 ฉบับที่ 8719 ข่าวสดรายวัน
โอบามา-ผู้นำทั่วโลก ยินดี'มาลาลา' เป็นตัวแทนสตรี-เด็ก หนังสือชีวประวัติฮิต 'มติชน'เพิ่มยอดพิมพ์
ฉลองโนเบล - ชาวปากีสถานจัดงานตัดเค้กฉลองให้ "มาลาลา ยูซัฟไซ" เด็กสาวนักต่อสู้เพื่อสิทธิมนุษยชนที่คว้ารางวัลโนเบล สาขาสันติภาพ เมื่อวันที่ 11 ต.ค. ขณะที่หนังสือไอ แอม มาลาลา ซึ่งสำนักพิมพ์มติชนนำมาแปล (ภาพเล็ก) ได้รับความนิยมจนต้องพิมพ์เพิ่ม |
บรรดาผู้นำทั่วโลกแห่แสดงความยินดีมาลาลา ยูซัฟไซ ผู้คว้ารางวัลโนเบล สาขาสันติภาพ โอบามาเผยทึ่งใน ความกล้าหาญของเด็กสาววัย 17 ชิมอน เปเรส ชูเป็นตัวแทนของผู้หญิงและเด็ก ผู้หญิงทั่วโลก สำนักพิมพ์มติชนเผยกระแสตอบรับหนังสือ 'ไอ แอม มาลาลา'สุดเปรี้ยง สั่งพิมพ์เพิ่มแล้วหลังได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก ชูเป็นไฮไลต์งานมหกรรมหนังสือระดับชาติที่ศูนย์สิริกิติ์ พร้อมจัดกิจกรรมเสวนา 16 ต.ค.นี้
เมื่อวันที่ 11 ต.ค. เอเอฟพีรายงานว่า ผู้นำโลกและองค์กรระหว่างประเทศ ต่างออกแถลงการณ์แสดงความยินดีกับน.ส.มาลาลา ยูซัฟไซ นักต่อสู้เพื่อสิทธิทางการศึกษาของเด็กผู้หญิง ชาวปากีสถาน วัย 17 ปี ที่ได้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ ประจำปี 2557 และเป็นผู้ที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์การมอบรางวัลสาขานี้ที่มีมานาน 113 ปี โดยน.ส.มาลาลาได้รับรางวัลร่วมกับนายไกลาศ สัตยาร์ที นักต่อสู้เพื่อสิทธิเด็กชาวอินเดีย วัย 60 ปี
ประธานาธิบดีบารัก โอบามา ผู้นำสหรัฐ ออกแถลงการณ์แสดงความยินดีกับผู้ได้รับรางวัลทั้งสองคน โดยยกย่องความแน่วแน่และมุ่งมั่นในการต่อสู้เพื่อสิทธิทางการศึกษาของเด็กผู้หญิงของน.ส.มาลาลา และว่าด้วยอายุเพียง 17 ปี น.ส.มาลาลาเป็นแรงบันดาลใจให้กับคนทั่วโลก ด้วยความพยายามเพื่อให้เด็กผู้หญิงทุกคนได้รับการศึกษา เมื่อตาลิบันพยายามจะทำให้เธอเงียบ น.ส.มาลาลาตอบโต้ความโหดเหี้ยมของคนเหล่านั้นด้วยความเข้มแข็งและมุ่งมั่น พร้อมทั้งระบุว่าตนและนางมิเชล ภริยา รู้สึกทึ่งในความกล้าหาญของน.ส.มาลาลา รางวัลอันทรงเกียรติที่มอบให้กับมาลาลา ทำให้ทุกคนตระหนักถึงความเร่งด่วนในการปกป้องสิทธิและเสรีภาพของเยาวชนของพวกเราทุกคน
ฉลองโนเบล - ชาวปากีสถานจัดงานตัดเค้กฉลองให้ "มาลาลา ยูซัฟไซ เด็กสาว นักต่อสู้เพื่อสิทธิมนุษยชนที่ได้รับรางวัลโนเบล สาขาสันติภาพ ที่ทำการพรรคประชาชนปากี สถาน กรุงอิสลามาบัด |
ด้านนางอิรินา โบโกว่า ผู้อำนวยการใหญ่องค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (ยูเนสโก) ออกแถลงการณ์แสดงความยินดีเช่นกัน โดยกล่าวว่า การตระหนักถึงบทบาทของน.ส.มาลาลาทำให้ผู้คนในโลกเห็นความสำคัญของการศึกษา และการสร้างสังคมที่มีสันติภาพและยั่งยืน ที่ผ่านมายูเนสโกทำงานร่วมกับผู้ชนะรางวัลโนเบลอย่างใกล้ชิด สำหรับน.ส.มาลาลาจะได้ต่อสู้ร่วมกันเพื่อการศึกษาสากล โดยเฉพาะการศึกษาเพื่อเด็กผู้หญิง
นายชิมอน เปเรส อดีตประธานาธิบดีอิสราเอล อายุ 91 ปี ซึ่งเป็นผู้ได้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ ประจำปี 2537 แถลงแสดงความยินดีว่า การตัดสินใจมอบรางวัลให้กับน.ส.มาลาลาเป็นการตัดสินใจที่มีคุณค่า น.ส.มาลาลาเป็นตัวแทนของ ผู้หญิงและเด็กผู้หญิงทั่วโลก และเป็นตัวอย่างสำหรับพวกเราทุกคน เธอเอาชนะคนที่พยายามจะปิดปาก และชัยชนะของเธอเป็นชัยชนะเพื่อสันติภาพ พวกเราทุกคนภูมิใจในตัวเธอ
ด้านนายกรัฐมนตรี สตีเฟน ฮาร์เปอร์ ของแคนาดา แถลงว่า ในนามของชาวแคนาดาทุกคน ขอแสดงความยินดีกับน.ส.มาลาลา และนายสัตยาร์ที สำหรับงานเพื่อมนุษยชาติที่น่าทึ่ง จากความพยายามไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยเพื่อสิทธิเด็ก กระทั่งกลายเป็นที่สนใจของทั้งโลก และขอแจ้งว่า ในวันที่ 22 ต.ค. น.ส.มาลาลาจะเดินทางมายังแคนาดา หลังจากที่รัฐบาลแคนาดาประกาศยกย่องให้น.ส.มาลาลาเป็นพลเมืองกิตติมศักดิ์เมื่อปีที่แล้ว โดยเป็นชาวต่างชาติคนที่ 6 ที่ได้รับเกียรติเช่นเดียวกับองค์ ทะไลลามะ อดีตประธานาธิบดีเนลสัน แมนเดลา แห่งแอฟริกาใต้ และนางออง ซาน ซู จี วีรสตรีนักต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยชาวพม่า
ด้านน.ส.มาลาลากล่าวเปิดใจที่โรงเรียนในเมืองเบอร์มิงแฮมของอังกฤษซึ่งกำลังศึกษาอยู่ในปัจจุบัน โดยแถลงข่าวหลังชั่วโมงเรียนวิชาเคมี ว่า ภูมิใจที่เป็นชาวปากีสถานคนแรกและเป็นเด็กสาวคนแรกที่ได้รับรางวัลนี้ เดิมไม่คาดว่าจะได้ กระทั่งครูมาแจ้งให้ทราบระหว่างเรียนวิชาเคมีอยู่ รางวัลนี้อุทิศให้แก่เด็กทั่วโลกที่ไม่มีสิทธิ์มีเสียง ซึ่งทุกเสียงเหล่านั้นจำเป็นต้องได้รับการรับฟัง พร้อมทั้งพูดติดตลกว่ารางวัลนี้คงจะไม่ได้ช่วยให้ทำข้อสอบผ่าน แต่ยืนยันว่าทำให้ตนเองกล้าที่จะสู้ต่อไป และกระตุ้นให้เด็กทั่วโลกยืนหยัดเพื่อสิทธิของตัวเอง โดยไม่ต้องรอใครมาช่วย และคิดว่าการได้รับรางวัลเป็นเพียงการเริ่มต้นของการต่อสู้
น.ส.มาลาลา กล่าวด้วยว่า มีความสุขและเป็นเกียรติที่ได้รับรางวัลร่วมกับชาวอินเดียซึ่งมีผลงานที่ยิ่งใหญ่เพื่อสิทธิเด็กและต่อต้านการตกเป็นทาสแรงงานซึ่งเป็นแรงบันดาลใจให้กับตนเช่นกัน คนหนึ่งมาจากปากีสถาน อีกคนมาจากอินเดีย คนหนึ่งเชื่อในฮินดู อีกคนเชื่อมั่นในอิสลาม เป็นสารที่ส่งถึงผู้คนให้เห็นความรักระหว่างปากีสถานและอินเดีย และระหว่างความแตกต่างของศาสนา โดยเราทั้งคู่จะสนับสนุนกันและกัน ไม่สำคัญว่าผิวสีอะไร พูดภาษาใด หรือศรัทธาศาสนาใด พร้อมกันนี้น.ส.มาลาลาได้กล่าวเชื้อเชิญนายนาวาซ ชารีฟ นายกรัฐมนตรีปากี สถาน และนายนเรนทรา โมที นายกรัฐมนตรีอินเดียให้ไปร่วมพิธีมอบรางวัลที่กรุงออสโลของประเทศนอร์เวย์ในวันที่ 10 ธ.ค.นี้ด้วย ขณะที่ทั้งสองประเทศมีปัญหาปะทะกันอยู่ในแคว้นแคชเมียร์
น.ส.มาลาลา ยังกล่าวขอบคุณผู้สนับ สนุนและครอบครัว โดยเฉพาะบิดาที่ไม่หักปีกของตนทิ้งและแสดงให้โลกเห็นว่าผู้หญิงมีสิทธิเท่าเทียมกับผู้ชาย แม้ว่าพี่ชายน้องชายของตนจะคิดว่าตนได้รับการดูแลดีกว่าพวกเขาก็ตาม
ข่าวการได้รับรางวัลโนเบล สาขาสันติภาพของน.ส.มาลาลาสร้างความดีใจให้กับประชาชนชาวปากีสถานทั่วประเทศ โดยพรรคประชาชนปากีสถาน (พีพีพี) ในกรุงอิสลามาบัดจัดงานตัดเค้กเพื่อฉลองให้น.ส.มาลาลา ส่วนที่บ้านเกิดของน.ส.มาลาลาในเมืองมินโกรา ชาวบ้านต่างออกมาเต้นรำ ร้องเพลง และรับประทานขนมเค้กฉลองร่วมกัน
วันเดียวกัน น.ส.ปานบัว บุนปาน รองกรรมการผู้จัดการสายการตลาด บมจ. มติชน กล่าวถึงกระแสการต้อนรับหนังสือ "I Am Malala" หรือ ฉันคือมาลาลา ว่า ขณะนี้มีประชาชนให้ความสนใจกับหนังสือเล่มนี้ดีมาก งานเปิดตัวหนังสือเป็นช่วงที่มาลาลาได้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพพอดี โดยสำนักพิมพ์มติชนได้สั่งพิมพ์หนังสือเพิ่มขึ้นอีกจำนวนมาก เพราะจากกระแสตอบรับที่มีมาก และคาดว่าในช่วงงานหนังสือแห่งชาตินี้ หนังสือ I Am Malala จะได้รับความสนใจมากขึ้นด้วย
น.ส.ปานบัว กล่าวอีกว่า มั่นใจกับหนังสือเล่มนี้ เพราะเป็นหนังสือที่ดี และต้องการผลักดันเป็นไฮไลต์ของบูธหนังสือสำนักพิมพ์มติชนด้วย คาดว่าจะทำให้นักอ่านหลายคนสนใจในหนังสือเล่มนี้มากขึ้น ทั้งนี้จะมีงานเปิดตัวหนังสือในวันที่ 16 ต.ค. นี้ เวลา 13.00 น. ที่มีตติ้งรูม ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์